หลวงตาเลี่ยมเปนพระที่อยู่กุฏิไกล้ๆฉัน หลวงตาเลี่ยมโดนโรค "เก๊า" รุมเร้าที่ลูกสะบ้าขาข้างขวา
หลวงตาเลี่ยมเปนพระแก่ผิวดำที่ชอบดูดยาเส้น หลวงตาเลี่ยมเปนบุคคลที่บวชสึกๆและบวชสึกๆมาแล้วหลายครั้งในอายุปูนนี้ หลวงตาเลี่ยมชอบตักข้าวมือเพล
ใส่จานและหิ้วกับข้าวมาสองถุงและ มักจะบอกกับเจ้าอาวาสเสมอว่าจะเอาไว้ให้แมวกินตอนเย็น...
(ทุกครั้งที่หลวงตาเลี่ยมล้างจานข้าวที่บอกว่าให้แมวฉันมักจะเห็นแกล้างช้อนด้วยเสมอ) หลวงตาเลี่ยมเปนคนที่พูดอะไรมักมีคำตลกติดท้ายให้ยิ้มแบบฝดคอ
หลวงตาเลี่ยมจะเสียเวลาว่างระหว่างวันส่วนใหญ่ไปกับการเก็บขยะเผาขยะ และกวาดรอบบริเวณวัด หลวงตาเหลี่ยมเคยขี้แตกระหว่างทางไปเข้าห้องน้ำ
หลวงตาเลี่ยมเคยโดนฉันใช้ไปเติมเงินมือ ถือ300บาทโดยฉันจดเบอร์ใส่ กระดาษให้ไปและระหว่างทางแกเกิดกระหายใคร่ครวญยาเส้นขึ้นมาประจวบเหมาะ
กับกระดาษม้วนยาหมดพอดีแกจึงตัดสินใจอย่างนักปราชญ์ ว่าถ้าแกดูดกระดาษที่มีเบอร์ฉันมันจะทำให้แกจำได้ แกจึงไม่รีรอที่จะใช้กระดาษที่มีเบอร์ผมมวนยาเส้น
สูบด้วยความกระหาย พอถึงร้านเซเว่นแม้ว (วัดที่ฉันบวชเปนวัดบนเขาจึงมีแต่ร้านค้าม้ง) แกก็ลืมเบอร์ฉันไปซะแล้ว แกก็พยายามนั่งนึกว่าแกดูดเลขอะไรไปมั้งว้าาา...
สุดท้ายแกนึกไม่ออกแกเลยเติมเงินใส่มือถือแกแทนเพราะแกเมมเบอร์ตัวเองไว้ ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ หลวงตาเลี่ยมได้ไปเยี่ยมพระลูกชายที่จังหวัดดนครปฐม
แกเกริ่นๆไว้ว่าแกกลับมาแกจะสึก ฉันไม่อยากให้หลวงตาสึกเลย ฉันชอบเวลาหลวงตาลืมไฟฉาย แล้วกลับกุฏิไม่ได้ ฉันชอบเวลาหลวงตาลืมเปดไฟในห้อง
ฉันชอบหลวงตาตอนแอบกินข้าวเย็น ฉันชอบเวลาหลวงตาปวดเก๊าร้องโอยโอย ฉันชอบเวลาหลวงตาเลี่ยมทำท่าจะฟนศอกใส่หลวงปูรอด
ถ้าหลวงตาเลี่ยมสึกฉันจะแกล้งใคร ถ้าหลวงตาสึกใครจะแกล้งหลวงปูรอด ถ้าหลวงตาสึกใครจะเก็บขยะรอบวัด ทุกครั้งที่ฉันสะดุ้งตื่นยามดึก ฉันจะตะโกนเรียก...
หลวงตาาา เพียง5วินาทีหลวงตาจะสวนด้วยคำว่า"คร้าบบบ"แล้วจะเดินมาดูฉันที่กุฏิทันที เคยเรียกแก4ครั้งต่อ1คืน(สำนึกผิด)
หลวงตาไม่กลัวผีแกมักจะไปดูสัปเหร่อเผาศพอยู่เปนนิจ แกมักจะชวนฉันไปด้วยเสมอ แน่นอนฉันส่ายหัวระริก
หลวงตาเลี่ยมมีภรรยาอยู่หนึ่งคนก่อนบวช แต่ระหองระแหงกันกินข้าวคนละวง เข้าห้องน้ำคนละห้อง นอนคนละบ้าน แกเคยโดนเมียตีหน้าแข้งหักด้วยสากกระเบือ
เคยถามว่าแกรักเมียมั้ยแกตอบว่าไม่รักแต่เปนห่วงมันแก่แล้ว แค่ลุกมาขี้ยังเหนื่อย ฉันจึงถามว่าทำไมไม่คุยกันดีๆ สึกไปจะได้อยู่ด้วยกัน แกเงียบ..แล้วเดินกลับไปที่กุฏิ แกกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องใส่รองเท้านันยางสีน้ำตาลซึ่งเมื่อก่อนเคยเปนสีขาว แกยื่นกล่องนั้นให้ฉันแล้วบอกให้ฉันเปดดู....ในนั้นฉันเห็นจดหมายกว่า500ฉบับ
จดหมายกว่า500ฉบับนั้นเปนจดหมายที่แกเขียนถึงภรรยาแทบทั้งสิ้น ฉันถามว่าทำไมหลวงตาไม่ส่งให้เมียอ่าน หลวงตาตอบว่า
ฉันไม่อยากฟงคำตอบของเค้าฉันมีความสุข ที่ได้เขียน ฉันถามว่าหลวงตาใช้เวลากี่เดือนเขียนจดหมายทั้งหมดนี้ หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า
ฉันใช้เวลา9ปในการเขียนจดหมายหาเค้าตลอด9ปนั้นไม่มีจดหมายฉบับ ไหนเลยที่ฉันกล้าส่ง ฉันกลัวคำตอบจนฉันไม่กล้าตั้งคำถาม
ฉันกลัวว่าเค้าจะไม่ตอบจดหมายฉัน ฉันกลัวว่าเค้าจะเขียนกลับมาด่าฉัน ฉันมีความสุขที่เห็นคู่ชีวิตฉันยังอยู่ ฉันก็พอใจแล้ว การบวชตลอด10ปมานี้ฉันก็อุทิศให้กับเค้า หลวงตาเลี่ยมยิ้มให้ฉันหลังจากดราม่าใส่ฉัน ฉันยื่นกล่องรองเท้านันยางกล่องความทรงจำของแกคืนไปโดยไม่ได้แกะจดหมายออกดู
แกเดินกลับกุฏิพร้อมกับกอดกล่องรองเท้าแนบอกจนแน่น เหมือนเด็กน้อยที่กอดกล่องของขวัญชิ้นแรกในชีวิต
พร้อมกับหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนจะเดินลับสายตาไป ปล่อยให้ฉันตกอยู่ในภวังค์ของความรักของแกและเมียแก จนนึกไปถึงความรักของตัวเองในวัยรุ่น
ฉันทำอะไรไว้มากมายกับคนที่ฉันรัก จนวันแรกที่ฉันบวชผมรวบรวมความกล้าที่จะขออโหสิกรรมในสิ่งที่ฉันเคยทำกับเธอ เธออโหสิกรรมให้กับฉัน
ฉันรู้สึกว่าอืม...สงสัยฉันคงต้องเริ่มเขียนจดหมายบ้างแล้วหล่ะ.......จดหมายที่ไม่เคยได้ส่ง
อนึ่ง...บ้านเมียหลวงตาเลี่ยมอยู่หลังวัดติดกำแพงวัดเลยก็ว่าได้
แกสามารถเดินไปเคาะประตูบ้านแล้วเอากล่องรองเท้านันยางเฟยง(ภาคกลางเรียก เขวี้ยง )ใส่หน้าเมียก็ยังได้..
แต่ก็นะผู้ชายมักอ่อนแอกับเรื่องหยุมหยิมแบบนี้เสมอแหละ...เอวัง
อนึ่ง.. วาจาใดไม่สุภาพขออภัยครับ
อนึ่ง.. เนื่องจากเปนเรื่องสั้นจบในตอน มันอาจจะสั้นสมชื่อหน่อยนะครับ
อนึ่ง.. เรื่องสั้นนี้อ้างอิงจากเรื่องจริง
พระใหม่ : หลวงตาเลี่ยม...
หลวงตาเลี่ยมเปนพระแก่ผิวดำที่ชอบดูดยาเส้น หลวงตาเลี่ยมเปนบุคคลที่บวชสึกๆและบวชสึกๆมาแล้วหลายครั้งในอายุปูนนี้ หลวงตาเลี่ยมชอบตักข้าวมือเพล
ใส่จานและหิ้วกับข้าวมาสองถุงและ มักจะบอกกับเจ้าอาวาสเสมอว่าจะเอาไว้ให้แมวกินตอนเย็น...
(ทุกครั้งที่หลวงตาเลี่ยมล้างจานข้าวที่บอกว่าให้แมวฉันมักจะเห็นแกล้างช้อนด้วยเสมอ) หลวงตาเลี่ยมเปนคนที่พูดอะไรมักมีคำตลกติดท้ายให้ยิ้มแบบฝดคอ
หลวงตาเลี่ยมจะเสียเวลาว่างระหว่างวันส่วนใหญ่ไปกับการเก็บขยะเผาขยะ และกวาดรอบบริเวณวัด หลวงตาเหลี่ยมเคยขี้แตกระหว่างทางไปเข้าห้องน้ำ
หลวงตาเลี่ยมเคยโดนฉันใช้ไปเติมเงินมือ ถือ300บาทโดยฉันจดเบอร์ใส่ กระดาษให้ไปและระหว่างทางแกเกิดกระหายใคร่ครวญยาเส้นขึ้นมาประจวบเหมาะ
กับกระดาษม้วนยาหมดพอดีแกจึงตัดสินใจอย่างนักปราชญ์ ว่าถ้าแกดูดกระดาษที่มีเบอร์ฉันมันจะทำให้แกจำได้ แกจึงไม่รีรอที่จะใช้กระดาษที่มีเบอร์ผมมวนยาเส้น
สูบด้วยความกระหาย พอถึงร้านเซเว่นแม้ว (วัดที่ฉันบวชเปนวัดบนเขาจึงมีแต่ร้านค้าม้ง) แกก็ลืมเบอร์ฉันไปซะแล้ว แกก็พยายามนั่งนึกว่าแกดูดเลขอะไรไปมั้งว้าาา...
สุดท้ายแกนึกไม่ออกแกเลยเติมเงินใส่มือถือแกแทนเพราะแกเมมเบอร์ตัวเองไว้ ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ หลวงตาเลี่ยมได้ไปเยี่ยมพระลูกชายที่จังหวัดดนครปฐม
แกเกริ่นๆไว้ว่าแกกลับมาแกจะสึก ฉันไม่อยากให้หลวงตาสึกเลย ฉันชอบเวลาหลวงตาลืมไฟฉาย แล้วกลับกุฏิไม่ได้ ฉันชอบเวลาหลวงตาลืมเปดไฟในห้อง
ฉันชอบหลวงตาตอนแอบกินข้าวเย็น ฉันชอบเวลาหลวงตาปวดเก๊าร้องโอยโอย ฉันชอบเวลาหลวงตาเลี่ยมทำท่าจะฟนศอกใส่หลวงปูรอด
ถ้าหลวงตาเลี่ยมสึกฉันจะแกล้งใคร ถ้าหลวงตาสึกใครจะแกล้งหลวงปูรอด ถ้าหลวงตาสึกใครจะเก็บขยะรอบวัด ทุกครั้งที่ฉันสะดุ้งตื่นยามดึก ฉันจะตะโกนเรียก...
หลวงตาาา เพียง5วินาทีหลวงตาจะสวนด้วยคำว่า"คร้าบบบ"แล้วจะเดินมาดูฉันที่กุฏิทันที เคยเรียกแก4ครั้งต่อ1คืน(สำนึกผิด)
หลวงตาไม่กลัวผีแกมักจะไปดูสัปเหร่อเผาศพอยู่เปนนิจ แกมักจะชวนฉันไปด้วยเสมอ แน่นอนฉันส่ายหัวระริก
หลวงตาเลี่ยมมีภรรยาอยู่หนึ่งคนก่อนบวช แต่ระหองระแหงกันกินข้าวคนละวง เข้าห้องน้ำคนละห้อง นอนคนละบ้าน แกเคยโดนเมียตีหน้าแข้งหักด้วยสากกระเบือ
เคยถามว่าแกรักเมียมั้ยแกตอบว่าไม่รักแต่เปนห่วงมันแก่แล้ว แค่ลุกมาขี้ยังเหนื่อย ฉันจึงถามว่าทำไมไม่คุยกันดีๆ สึกไปจะได้อยู่ด้วยกัน แกเงียบ..แล้วเดินกลับไปที่กุฏิ แกกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องใส่รองเท้านันยางสีน้ำตาลซึ่งเมื่อก่อนเคยเปนสีขาว แกยื่นกล่องนั้นให้ฉันแล้วบอกให้ฉันเปดดู....ในนั้นฉันเห็นจดหมายกว่า500ฉบับ
จดหมายกว่า500ฉบับนั้นเปนจดหมายที่แกเขียนถึงภรรยาแทบทั้งสิ้น ฉันถามว่าทำไมหลวงตาไม่ส่งให้เมียอ่าน หลวงตาตอบว่า
ฉันไม่อยากฟงคำตอบของเค้าฉันมีความสุข ที่ได้เขียน ฉันถามว่าหลวงตาใช้เวลากี่เดือนเขียนจดหมายทั้งหมดนี้ หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า
ฉันใช้เวลา9ปในการเขียนจดหมายหาเค้าตลอด9ปนั้นไม่มีจดหมายฉบับ ไหนเลยที่ฉันกล้าส่ง ฉันกลัวคำตอบจนฉันไม่กล้าตั้งคำถาม
ฉันกลัวว่าเค้าจะไม่ตอบจดหมายฉัน ฉันกลัวว่าเค้าจะเขียนกลับมาด่าฉัน ฉันมีความสุขที่เห็นคู่ชีวิตฉันยังอยู่ ฉันก็พอใจแล้ว การบวชตลอด10ปมานี้ฉันก็อุทิศให้กับเค้า หลวงตาเลี่ยมยิ้มให้ฉันหลังจากดราม่าใส่ฉัน ฉันยื่นกล่องรองเท้านันยางกล่องความทรงจำของแกคืนไปโดยไม่ได้แกะจดหมายออกดู
แกเดินกลับกุฏิพร้อมกับกอดกล่องรองเท้าแนบอกจนแน่น เหมือนเด็กน้อยที่กอดกล่องของขวัญชิ้นแรกในชีวิต
พร้อมกับหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนจะเดินลับสายตาไป ปล่อยให้ฉันตกอยู่ในภวังค์ของความรักของแกและเมียแก จนนึกไปถึงความรักของตัวเองในวัยรุ่น
ฉันทำอะไรไว้มากมายกับคนที่ฉันรัก จนวันแรกที่ฉันบวชผมรวบรวมความกล้าที่จะขออโหสิกรรมในสิ่งที่ฉันเคยทำกับเธอ เธออโหสิกรรมให้กับฉัน
ฉันรู้สึกว่าอืม...สงสัยฉันคงต้องเริ่มเขียนจดหมายบ้างแล้วหล่ะ.......จดหมายที่ไม่เคยได้ส่ง
อนึ่ง...บ้านเมียหลวงตาเลี่ยมอยู่หลังวัดติดกำแพงวัดเลยก็ว่าได้
แกสามารถเดินไปเคาะประตูบ้านแล้วเอากล่องรองเท้านันยางเฟยง(ภาคกลางเรียก เขวี้ยง )ใส่หน้าเมียก็ยังได้..
แต่ก็นะผู้ชายมักอ่อนแอกับเรื่องหยุมหยิมแบบนี้เสมอแหละ...เอวัง
อนึ่ง.. วาจาใดไม่สุภาพขออภัยครับ
อนึ่ง.. เนื่องจากเปนเรื่องสั้นจบในตอน มันอาจจะสั้นสมชื่อหน่อยนะครับ
อนึ่ง.. เรื่องสั้นนี้อ้างอิงจากเรื่องจริง