คุ้มไหม กับการจะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดัง ใจกลางเมือง

ลูกเราเรียนอนุบาลที่เลิศหล้าค่ะ ใกล้บ้าน  รับส่งสะดวก ลูกเราขึ้นอ.2ปีนี้ มีพัฒนาการด้านภาษาดีมากเพราะ รร.เป็นสองภาษา สอนโดยครูชาวแคนาดาและครูไทย ปัญหาคือ คุณสามีไม่เชื่อมั่นในคุณภาพทางวิชาการของโรงเรียน อยากจะให้ลูกไปสอบป.1ที่สารพัดสาธิต หรืออย่างน้อย ไปเข้าโรงเรียนคาทอลิกย่านสาทร (หรือเธอจะลืมไป ว่าเราสองคน จบมาจาก รร.รัฐบาล โตมายังเอนติด มีงานดีๆที่มั่นคงทำกันทั้งคู่)

ส่วนตัวเรามองว่า รร.ก็ส่วนหนึ่ง เด็กจะเก่งได้ อีกส่วนหนึ่ง อยู่ที่พ่อแม่อย่างเรา จะกวดขันดูแลและเอาใจใส่เพิ่มเติมให้ลูกในส่วนที่ขาด เพื่อให้ลูกพร้อมในการสอบแข่งขันระดับมัธยมต่อไป ทั้งไม่เห็นด้วยกับการส่งลูกไปเรียนไกลบ้าน ต้องตื่นแต่เช้า กลับบ้านมืดค่ำ ซึ่งเราเคยเป็นมาก่อน ยิ่งสมัยนี้รถติดสาหัส อยู่รร.เดิม เช้าเดินทางสิบนาที เย็นสี่โมงลูกกลับถึงบ้าน ทำการบ้านเสร็จได้ออกไปวิ่งเล่นในหมู่บ้าน คุณภาพชีวิตเรียกว่า น่าจะดีกว่าไปเรียนในเมือง

คือทุกคนก็อยากให้ลูกอยู่โรงเรียนดีๆทั้งนั้น แต่ถ้าให้แลกกัน เราพอใจตรงนี้อ่ะ สามีเราเป็นคนไม่ชอบรถติดนะ จะหงุดหงิดทุกครั้งที่เจอรถติดจัดๆ ขนาดไปห้าง หาที่จอดไม่ได้ยังบ่น  ตอนนี้เรามีหน้าที่รับส่งลูกค่ะ คิดแล้วก็แปลกใจ เธอไม่ชอบรถติด แต่เธอจะให้ฉันเอาลูกไปเรียนแถวสาทร คือเค้าบอกว่าต้องอดทนเพื่อลูก บลาๆๆ เพื่อให้ลูกมีพื้นฐานทางวิชาการที่ดี

เราคิดถูกหรือสามีคิดผิดคะเนี่ย คิดคนเดียว ปวดหัวแล้วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เราก็เลือกโรงเรียนไกล้บ้านให้ลูกค่ะ ตอนเเรกยอมรับว่าก็ลังเลอยู่เหมือนกัน เเต่พอคิดถึงเรื่องต้องวุ่นวายรับส่งเค้าจนกว่าจะจบมอปลายเเล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะดูๆไปเเล้ว เราจะเสียเวลากับมันไปมากจนเเทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย

เราเลี้ยงลูกเเบบเน้นชีวิตนอกห้องเรียนมากกว่าในห้องเรียนมาตลอด หมายถึงเราให้ความสำคัญกับทักษะต่างๆมากกว่าที่จะไปหมกมุ่นอยู่กับตำราจนไม่มีเวลาไปทำอะไรเลย กิจกรรมต่างๆนี่เราทำร่วมกับลูกเยอะมาก เล่นกีฬาด้วยกัน เป็นคู่ซ้อมกีฬากับเค้า สะพายเป้เที่ยวต่างจังหวัดเเบบเเม่ลูก สอนเรื่องกิริยามารยาท การวางตัวในสังคม การเลือกซื้อของใช้ ของกิน การออกกำลังกาย การเลือกประเภทของทีวีที่จะดู ขอบเขตในการใช้อินเตอร์เนต การคบหาเพื่อน การวางตัวต่อเพื่อนต่างเพศ การมองโลกให้มีความสุข คือมันเยอะนะ รวมไปถึงการใช้รถใช้ถนน เเม้เเต่การใส่รองเท้าส้นสูงเดินให้สง่าเรายังสอนเลย เราเเค่มีความเชื่อว่า เรามีเวลาเเค่เค้าจบมอปลาย เค้าจะอยู่กับเราจนถึงเเค่นั้น เมื่อเค้าเเยกออกไปเเล้ว เค้าจะไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราจะต้องสอนเค้าให้พร้อมที่สุด ก่อนที่จะออกไปเจอกับโลกเเห่งความเป็นจริง..โดยที่ไม่มีเรา

ครอบครัวเราสนิทกันมาก ลูกสาวเราตอนนี้อยู่มอห้าเเล้ว ยังนั่งตักเเม่ หอมเเก้มกอดเเม่อยู่ประจำ เวลาเค้ามีปัญหาอะไรเค้าจะปรึกษาเราตลอด เเม้เเต่เรื่องของความรัก นอกจากนี้เค้ายังเป็นเด็กที่เก่งในหลายๆด้าน เรื่องงานบ้านงานเรือนนี่หายห่วงเลย เค้าทำเเทนเราได้ งานนอกบ้านเค้าก็เก่ง เค้าสามารถเข้าไปทำงานเเทนเราได้โดยที่เราวางใจที่สุด ทั้งเรื่องการเลือกอาหารการกินการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพคือเค้ารู้จริง เเละที่สำคัญเค้ามองโลกในเเง่ดี (วันก่อนลูกสาวเข้ามากอดเเล้วบอกว่าใจหาย เมื่อคิดถึงวันที่ต้องจากเเม่ออกไปอยู่เอง คือมันปลื้มใจนะ เด็กหลายคนที่เรารู้จักนี่เเทบจะรอเวลาย้ายออกเเทบไม่ไหว)

ถึงเเม้ว่าเราจะไม่เน้นเรื่องการเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เเต่เราเน้นเรื่องความพร้อมของร่างกายนะคะ คือเวลากินเวลานอนเเละเวลาเล่นนี่เราให้ความสำคัญมาก เอาเข้าจริงๆผลการเรียนของเค้าออกมาดีมากๆ ทุกครั้งที่มีสอบเค้าเเทบจะไม่ต้องอ่านหนังสือติวเข้มเลย คือเเค่นอนพักผ่อนให้เพียงพอเเล้วไปสอบ เค้าก็ทำมันออกมาได้ดี ซึ่งตรงนี้เราคิดว่าเพราะสมองเค้าปลอดโปร่ง เลยทำให้จำที่เรียนมาได้ดี ไม่ต้องท่องจำเหมือนที่เด็กหลายๆคนเป็นอยู่ตอนนี้

มีญาติเราเลี้ยงลูกเเบบส่งให้เรียนเเบบเป็นบ้าเป็นหลัง โรงเรียนต้องดีที่สุด เเพงที่สุด หลังเลิกเรียนน้องต้องเรียนพิเศษ วันๆน้องเเทบจะไม่ได้อยู่บ้านเลย หมดเวลาไปกับการเดินทางไปโรงเรียนเเละเรียนพิเศษ น้องเรียนเก่งจริงค่ะ เเต่ทักษะต่างๆก็เเทบจะไม่มีเลยเหมือนกัน เเถมก่อนสอบยังต้องติวเข้ม อ่านหลังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย ที่ร้ายกว่านั้นคือ น้องอ้วนตุ๊บ เพราะไม่เคยออกกำลังกายเลย เเม่ไม่เคยสอนด้วยซ้ำว่าเลือกอาหารกินยังไง ไม่เคยให้ลูกเล่นกีฬาเพราะเกรงว่าจะเรียนไม่เต็มที่ เออนะ ห่วงการเรียนเเต่ไม่ห่วงสุขภาพลูก เเบบนี้ก็มีด้วย

คราวนี้มาดูผลการเรียนของเด็กที่เรียนโรงเรียนธรรมดาไกล้บ้านดูนะคะ เรื่องทักษะต่างๆไม่ต้องพูดถึงเค้าเก่งอยู่เเล้ว ส่วนผลการเรียน สอบ SAT ตอนอยู่มอห้าเทอมเเรกได้คะเเนน 1880 ACT ได้ 27 essay ได้ 10 เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0 (+) เรียนดีมาตลอดตั้งเเต่อนุบาลยันมอปลาย คะเเนนเท่านี้อาจจะธรรมดาสำหรับเด็กหมกมุ่นอยู่กับตำรา เเต่สำหรับเด็กที่เรียนเเบบสบายๆ เเละยังทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีกเยอะเเยะ (น้องทำงานหลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน) เเถมก่อนสอบยังไปเเบบชิวสุดๆ เค้าบอกว่าถ้าอ่านหนังสือก่อนสอบ เค้ามั่นใจว่าทำได้มากกว่านี้ เราก็เชื่อว่าเค้าทำได้  เรื่องคะเเนนต่างๆเราไม่กลัวเลย ขึ้นมอหกเราจะให้เค้าสอบอีกครั้ง เราเชื่อว่าคะเเนนเค้าจะต้องออกมาดีกว่านี้เเน่นอน

ทั้งหมดนี้ เราเเค่อยากจะบอกว่า เลือกโรงเรียนที่เดินทางสะดวกเเล้วเรามีเวลาอยู่กับลูกให้เยอะดีกว่าค่ะ ความไกล้ชิดเเละความผูกพันในครอบครัวสำคัญมาก ทุกวันนี้เรามีเด็กเรียนดีที่มีภูมิต้านทานโลกต่ำเยอะมาก เด็กหลายคนเเก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ มองโลกไม่เป็น ทักษะนอกบ้านที่จะต้องเอาไปใช้ในชีวิตจริงเเทบจะไม่มีกันเลย เรื่องเเบบนี้ทางโรงเรียนไม่ได้สอนนะคะ ต้องเอาออกไปจากที่บ้านเท่านั้น

เราเลี้ยงลูกเเบบไม่ตามกระเเสโลกนะ เเค่เอามาคิดดูว่าอะไรกันเเน่ที่มันสำคัญกับชีวิตจริง อย่างสาขาที่ลูกสาวจะเรียนเนี่ย เพื่อนๆเราไม่เห็นด้วยเลยสักคน ประโยคเเรกที่ใครๆพูดกันคือ มันทำเงินไม่เยอะ (General Biology) เเต่เราไม่คิดเเบบนั้น เราเรียนเพื่อให้รู้ (เค้ารักด้านนี้มาก) ไม่ได้เรียนมาเพื่อเอาไปทำเงิน ถ้าอยากรวยเดี๋ยวเเม่สอนให้ทำธุรกิจเอง เพราะฉะนั้นต่อให้เค้าเข้ามหาลัยดังๆไม่ได้เราก็ไม่กลัว เพราะยังไงซะจุดประสงค์ของการเรียนก็ยังเหมือนเดิม เรียนเพื่อให้รู้เเล้วเอามาพลิกเเพลงใช้ในชีวิตจริง ไม่ได้เรียนเพื่อเอาใบประกาศมาหางาน

ใช้เวลาอยู่กับลูกให้เยอะๆค่ะ เค้าจะอยู่กับเราเเค่จบมอปลายเท่านั้น เค้าเรียนจบเเล้วเค้าก็จะทำงาน มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ถึงเวลานั้นเค้าก็จะห่างเราไปทุกที  ความสำเร็จของชีวิตไม่ได้อยู่เเค่เข้าไปเรียนสถานที่ดังๆหรอกค่ะ เรากับสามีก็เหมือนกับคุณ เรียนโรงเรียนรัฐบาลทั้งคู่ เเละก็ประสพความสำเร็จในชีวิตทั้งด้านการงานเเละชีวิตความเป็นอยู่เหมือนกัน ถ้าเราทำได้เราเชื่อนะว่า ลูกต้องทำได้ดีกว่า เราเชื่อเเบบนี้จริงๆนะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่