สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ขอแชร์ประสบการณ์ครับ ผมกับแฟนภาษาอังกฤษแย่มาก แต่ลูกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาธรรมชาติเหมือนกับพูดภาษาไทยอีกภาษาหนึ่ง และลูกมีทักษะทางภาษาดีมาก เมื่อต้องไปเรียนภาษาที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 (บางภาษาลูกเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่มีใครสอน) ปัจจุบันลูกอายุ 4.10 ปี
ผมเริ่มต้นตั้งแต่ลูกแบเบาะ (1-2 เดือน) ใช้วิธีหาบัตรคำที่เป็นรูป สัตว์ ผัก ผลไม้ มาเล่นกับลูก โดยบอกลูกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (กลัวออกเสียงไม่ถูกจึงใช้วิธีไปฟังใน Google Translate เอาก่อนที่จะพูดให้ลูก) เล่นกับลูกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แปดเดือนครึ่ง ลูกเริ่มพูด ก็ใช้วิธีกระตุ้นให้ลูกพูดด้วยวิธีการ ชี้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว แล้วบอกเค้าทั้งไทยและอังกฤษว่ามันคืออะไร แล้วก็ถามเค้าบ้างให้เค้าได้ตอบ ปรากฎว่าอายุ 9 เดือนลูกสามารถเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ทั้งสองภาษา ผมก็พยายามสะสมคำศัพท์ให้ลูกเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยกันเล่นกับเค้าผ่านการ์ดรูปภาพ หรือเล่นทายคำจากสิ่งรอบตัวทั้งหมด ในระหว่างนั้นก็พยายามเปิดสื่อที่เป็นภาษาอังกฤษให้เค้าฟัง เป็นพวกเพลงเด็ก ๆ สนุก ๆ (ใน Youtube มีเยอะครับ) แล้วก็พยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้สื่อต่าง ๆ แต่ผมให้ฟังอย่างเดียวนะครับ ยังไม่ให้ดู เพราะกลัวลูกสมาธิสั้น พออายุ 2 ขวบ ผมเริ่มให้เค้าดูการ์ตูน แต่เป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษทั้งหมด (แรก ๆ ไม่ให้ดูนานครับ หลัง ๆ ก็วันละประมาณ 1-2 ชั่วโมง) ใน Youtube มีเยอะอีกเช่นกันครับ ประมาณ 2 ขวบครึ่งลูกพูดคล่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตอนนี้ไม่พ่อกับแม่ไม่มีปัญญาที่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูก เลยยอมลงทุนให้ลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา โดยลักษณะการเรียนพิเศษไม่เน้นวิชาการ แต่เน้นสร้างความสนุก ความรู้สึกที่ดีกับภาษาอังกฤษ เน้นการเล่นเป็นหลัก ทำให้ลูกมีความสุขในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาก ไม่ยอมขาดเรียนแม้แต่วันเดียว
เมื่อเค้าเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเค้าเองผ่านสื่อ เค้าก็เริ่มเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ ผ่านสื่อด้วย เช่น ภาษาจีน และ ภาษาสเปน จากการ์ตูนที่เค้าดู แรก ๆ คิดว่าคงจะจำได้เป็นคำ ๆ แต่ผ่านไปตอนนี้เริ่มพูดเป็นประโยคแล้ว จึงลองให้ไปเรียนภาษาจีน ปรากฎว่าเค้าไปได้เร็ว กำลังเลือกอีก 2 ภาษาให้เค้าเรียนเพิ่มเติม แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ มีคนถามผมว่าอัดลูกมากเกินไปมั๊ย ผมขอตอบว่าไม่เคยบังคับให้ลูกเรียนอะไร แค่ให้เค้าเรียนตามความต้องการเค้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่ง คือ การสร้างทัศนคดีที่ดีในการเรียนรู้ให้กับเค้า จะทำให้เค้าอยากเรียนรู้เอง ไม่ต้องบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วเมื่อคนสนใจอยากเรียนรู้เองเค้าจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วมาก
นอกจากเซลล์สมองซึ่งเป็นส่วนสำคัญแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ เส้นใยสมอง ซึ่ง 80% ถูกสร้างขึ้นตอนอายุ 3 ขวบ เส้นใยสมองจะมีผลมาก ๆ ในการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ รวมถึงพฤติกรรมด้วย เพราะฉะนั้นช่วงก่อน 3 ขวบแนะนำให้จัดเต็มครับ สมองเด็กสุดยอดมหัสจรรย์ ไม่มีขีดจำกัด แต่การจัดเต็มที่ว่าขอให้เป็นการเล่นที่สนุกสนาน ๆ นะครับ
ปล. ผมลองแล้วได้ผลจริง ๆ ครับ นอกจากนั้นยังลองให้เรียนรู้ด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น คณิตศาสตร์ ดนตรี ฯลฯ ได้ผลทั้งหมดครับ (ยาวไปนิด แต่อยากเล่าให้ฟังอีกเยอะเลย เพราะผมลองมาหลาย ๆ อย่างแล้วได้ผล เลยอย่างจะแชร์ให้ลองไปใช้กันดู)
ผมเริ่มต้นตั้งแต่ลูกแบเบาะ (1-2 เดือน) ใช้วิธีหาบัตรคำที่เป็นรูป สัตว์ ผัก ผลไม้ มาเล่นกับลูก โดยบอกลูกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (กลัวออกเสียงไม่ถูกจึงใช้วิธีไปฟังใน Google Translate เอาก่อนที่จะพูดให้ลูก) เล่นกับลูกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แปดเดือนครึ่ง ลูกเริ่มพูด ก็ใช้วิธีกระตุ้นให้ลูกพูดด้วยวิธีการ ชี้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว แล้วบอกเค้าทั้งไทยและอังกฤษว่ามันคืออะไร แล้วก็ถามเค้าบ้างให้เค้าได้ตอบ ปรากฎว่าอายุ 9 เดือนลูกสามารถเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ทั้งสองภาษา ผมก็พยายามสะสมคำศัพท์ให้ลูกเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยกันเล่นกับเค้าผ่านการ์ดรูปภาพ หรือเล่นทายคำจากสิ่งรอบตัวทั้งหมด ในระหว่างนั้นก็พยายามเปิดสื่อที่เป็นภาษาอังกฤษให้เค้าฟัง เป็นพวกเพลงเด็ก ๆ สนุก ๆ (ใน Youtube มีเยอะครับ) แล้วก็พยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้สื่อต่าง ๆ แต่ผมให้ฟังอย่างเดียวนะครับ ยังไม่ให้ดู เพราะกลัวลูกสมาธิสั้น พออายุ 2 ขวบ ผมเริ่มให้เค้าดูการ์ตูน แต่เป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษทั้งหมด (แรก ๆ ไม่ให้ดูนานครับ หลัง ๆ ก็วันละประมาณ 1-2 ชั่วโมง) ใน Youtube มีเยอะอีกเช่นกันครับ ประมาณ 2 ขวบครึ่งลูกพูดคล่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตอนนี้ไม่พ่อกับแม่ไม่มีปัญญาที่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูก เลยยอมลงทุนให้ลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา โดยลักษณะการเรียนพิเศษไม่เน้นวิชาการ แต่เน้นสร้างความสนุก ความรู้สึกที่ดีกับภาษาอังกฤษ เน้นการเล่นเป็นหลัก ทำให้ลูกมีความสุขในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาก ไม่ยอมขาดเรียนแม้แต่วันเดียว
เมื่อเค้าเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเค้าเองผ่านสื่อ เค้าก็เริ่มเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ ผ่านสื่อด้วย เช่น ภาษาจีน และ ภาษาสเปน จากการ์ตูนที่เค้าดู แรก ๆ คิดว่าคงจะจำได้เป็นคำ ๆ แต่ผ่านไปตอนนี้เริ่มพูดเป็นประโยคแล้ว จึงลองให้ไปเรียนภาษาจีน ปรากฎว่าเค้าไปได้เร็ว กำลังเลือกอีก 2 ภาษาให้เค้าเรียนเพิ่มเติม แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ มีคนถามผมว่าอัดลูกมากเกินไปมั๊ย ผมขอตอบว่าไม่เคยบังคับให้ลูกเรียนอะไร แค่ให้เค้าเรียนตามความต้องการเค้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่ง คือ การสร้างทัศนคดีที่ดีในการเรียนรู้ให้กับเค้า จะทำให้เค้าอยากเรียนรู้เอง ไม่ต้องบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วเมื่อคนสนใจอยากเรียนรู้เองเค้าจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วมาก
นอกจากเซลล์สมองซึ่งเป็นส่วนสำคัญแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ เส้นใยสมอง ซึ่ง 80% ถูกสร้างขึ้นตอนอายุ 3 ขวบ เส้นใยสมองจะมีผลมาก ๆ ในการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ รวมถึงพฤติกรรมด้วย เพราะฉะนั้นช่วงก่อน 3 ขวบแนะนำให้จัดเต็มครับ สมองเด็กสุดยอดมหัสจรรย์ ไม่มีขีดจำกัด แต่การจัดเต็มที่ว่าขอให้เป็นการเล่นที่สนุกสนาน ๆ นะครับ
ปล. ผมลองแล้วได้ผลจริง ๆ ครับ นอกจากนั้นยังลองให้เรียนรู้ด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น คณิตศาสตร์ ดนตรี ฯลฯ ได้ผลทั้งหมดครับ (ยาวไปนิด แต่อยากเล่าให้ฟังอีกเยอะเลย เพราะผมลองมาหลาย ๆ อย่างแล้วได้ผล เลยอย่างจะแชร์ให้ลองไปใช้กันดู)
ความคิดเห็นที่ 32
เราอยู่ในยุคที่อะไรมันก็ไวไปหมด เกิดขึ้นไว เปิดกว้างมากขึ้น เราก็หวังว่าลูกของเราจะพูดภาษาได้ในอนาคต แต่ก็ไม่อยากบังคับเค้า เคยหามานานมากแล้วนะว่าถ้าคุณแม่อย่างเราพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งมาก เราจะมีวิธีการอย่างไรในการสอนลูกให้ลูกของเรานั้นพูดภาษาได้ดี ช่วงแรกเราก็เอาสื่อจากเพจนี้ https://www.facebook.com/giraffemum มาสอนลูกบ้าง จนเค้ามีคอร์สเปลี่ยนคุณแม่เป็นคุณครู ออกมาสำหรับพ่อแม่ที่อยากสอนลูกเล็กให้พูดภาษา คือดีมากเป็นคอร์สที่เหมาะมาก เพราะเด็กจะอยู่กับเราตลอดเวลา และสื่อที่ใช้เรียนใช้สอน มีวิธีการและหลักการในการสอนหมดเลย ตอนนี้พวกคำบางคำ ลูกจะติดพูดภาษาอังกฤษไปแล้ว เดี๋ยวรอไว้เค้าโตอีกหน่อยจะส่งเข้าไปเรียนตามสถาบันเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น
มีใครสอนให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาไหมคะมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ