สวัสดีค่ะ
วันนี้ว่าด้วยเรื่องภาษาอังกฤษกับเด็ก2ภาษา
ที่พ่อแม่สมัยนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเน้น ให้ลูก ฟังและพูดภาษาอังกฤษได้
ซึ่งตอนแรก ก็ไม่ได้คิดว่าต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อแม่เองภาษาอังกฤษก็ไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเพื่อนคนนึงได้ส่งหนังสือเล่มนึงมาให้อ่าน ชื่อหนังสือ
"เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้"
เพื่อนส่งมาให้ตั้งแต่ลูกเล็กๆ แต่แม่เพิ่งได้อ่านตอนลูก2.9ขวบ
ในหนังสือเล่มนี้ ดีมาก
เป็นการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรงของครอบครัวผู้เขียน ที่คุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่อย่างใด แต่ตระหนักว่าลูกของเค้าต้องพูดฟังอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา โดยเริ่มสอนตั้งแต่ลูกเกิด โดยให้คุณแม่พูดภาษาไทยกับลูกตลอด และคุณพ่อพูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอด จนลูกเค้าพูดภาษาไทยและอังกฤษได้คล่อง สำเนียงดีด้วย ตอน 2.6ขวบ. กรี๊ดดด!!!!!
และผู้เขียนได้ไปค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยต่างๆ ที่บอกว่า เด็กจะมีการเรียนรู้ด้านภาษาสูงที่สุด ในวัยก่อน3ขวบ นี่คือช่วงเวลาทองคำ ที่เมื่อผ่านไปแล้วย้อนกลับมาไม่ได้อีก อยากใส่อะไรให้เด็ก ใส่เลย
เด็กก่อน3ขวบ บางคนพูดได้ถึง5ภาษาก็มี
โอ้โห !!!!
พออ่านหนังสือเล่มนี้จบ
ลูกเรา 2.9ขวบแล้ว เหลือเวลาทองคำอีก3เดือนเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นแม่บอกกับทุกคนในบ้านเลย ว่าแม่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอดเวลา จะไม่พูดไทยกับลูกอีก ก็จัดไปตั้งแต่ลูกตื่น ไม่พูดไทยกับลูกสักคำ
จันทร์เจ้า งงๆ ทำคิ้วขมวด
คงคิดว่า"แม่พูดไรไม่รู้เรื่องเลย" และความเครียดก็บังเกิดขึ้นทั้งลูกทั้งแม่ เพราะแม่ก็คิดไม่ออก เวลาจะพูดกับลูก จะแปลเป็นอังกฤษยังไง ก็ใช้มือใบ้เอา ลูกก็เครียด "แม่เป็นไร - เกิดไรขึ้น"
ทำได้อยู่3วัน กลับมาพูดไทยกับลูกตามเดิม
ยากอ่ะ แม่ไม่เก่งภาษา สอนผิดๆไปทำไง เดวลูกจำ เกือบจะล้มเลิกความตั้งใจ !!!!!
จนน้องแนะนำครูมาสอนภาษาอังกฤษที่บ้าน ก็ให้ลูกเรียน อาทิตย์ละ1ชั่วโมง
เราก็คิด ลูกเราจะพูดอังกฤษได้มั๊ย ถ้าจะพึ่งคุณครูอย่างเดียว ได้เรียนแค่อาทิตย์ละ1-2ชั่วโมงเนี่ยนะ
แม่ก็เลยฮึดอีกรอบ เปิดหนังสือ เปิดอินเตอร์เน็ตเลยจ้า
ท่องประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ครั้งแรกท่องสัก10ประโยค และก็เอามาพูดกับลูก คำง่ายๆค่ะ
โดยแม่ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกด้วย เวลาจะพูดภาษาอังกฤษกับลูก ก็จะกดไปที่หน้าผากลูก และบอกว่า
"กดปุ่ม เปลี่ยนโหมด ตึ้ดๆ"
"โหมดภาษาอังกฤษ ตึ้ดๆ"
ครั้งแรกแม่ก็อธิบายให้ลูกฟังก่อน ว่าถ้ากดปุ่มเป็นโหมดภาษาอังกฤษ ต้องห้ามพูดภาษาไทยนะ อังกฤษเท่านั้น
กลายเป็นสนุกสนานไปค่ะ
ก็สอนเท่าที่แม่ท่องมาได้
พอหมด10ประโยค เริ่มจำแม่นแล้ว แม่ก็ไปท่องมาเพิ่มอีก10ประโยค
ส่วนคำศัพท์ จะสอนแบบไม่แปลค่ะ
เช่น รูปแมว
สอนในโหมดภาษไทย ก็
แมว-ชี้ไปที่รูป
อยู่ในโหมดอังกฤษ
Cat -ชี้ไปที่รูปเลย
จะไม่สอนว่า cat-แมว
เพราะสมองลูกจะจำแบบ2คำ เวลาพูดเค้าจะแปลก่อน
ก็ทำไปเรื่อยๆเท่าที่ได้ จันทร์เจ้าสนุกมากขึ้น
เค้ายอมพูดตาม คำที่เราบอก
และเรื่องเซอร์ไพส์ก็เกิดขึ้น
วันนึงมีของเล่นตกพื้น จันทร์เจ้า พูดว่า
"Pick it up"
ทำแม่ สตั๋นไป2วิ โอ้ในที่สุด
ลูกก็พูดภาษาอังกฤษได้ โดยที่เข้าใจความหมายเองแบบไม่ต้องแปล ดีใจน้ำตาจิไหล ดีใจกว่าถูกหวยอีก ^^
เคยมีคนบอกว่า
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากความสำเร็จเล็กๆรวมกัน
ความต่อเนื่อง คือเคล็ดลับค่ะ
ทำบ่อยๆๆ ทำซ้ำๆๆ
และที่สำคัญพ่อแม่ได้เท่าไหน ลูกได้เท่านั้นค่ะ ถ้าอยากให้ลูกเก่งมากๆ พ่อแม่ต้องพัฒนาตัวเอง หาความรู้ จำประโยค และศัพท์ให้มากค่ะ
สำหรับพ่อแม่ ที่มีลูกเกิน3ขวบไปแล้ว ก็เริ่มได้เสมอนะคะ อย่าพึ่งพิง โรงเรียนเพียงอย่างเดียว
หนังสือเล่มนี้ดีมากอยากให้ทุกครอบครัวได้อ่านนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆครอบครัวค่ะ
พระราชวังแวซาย ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว
ฉะนั้น การสร้างคน ก็เช่นกัน
ปล.การรีวิวนี้ ไม่ได้มีผลประโยชน์กับผู้เขียนหนังสือแต่อย่างใด อ่านแล้วดี บอกต่อเท่านั้นค่ะ
ด้วยรัก
น้องจันทร์เจ้า
ชอบกดไลค์..ถูกใจกดแชร์นะเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเรานะคะ Thank you.
ติดตามรีวิวดีดี ทั้งงานศิลปะ ของเล่น และส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ที่เพจค่ะ
https://www.facebook.com/JingJai.yhokkui
ID Line... jing31
[CR] เด็กสองภาษา...พ่อแม่สร้างได้
วันนี้ว่าด้วยเรื่องภาษาอังกฤษกับเด็ก2ภาษา
ที่พ่อแม่สมัยนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเน้น ให้ลูก ฟังและพูดภาษาอังกฤษได้
ซึ่งตอนแรก ก็ไม่ได้คิดว่าต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อแม่เองภาษาอังกฤษก็ไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเพื่อนคนนึงได้ส่งหนังสือเล่มนึงมาให้อ่าน ชื่อหนังสือ
"เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้"
เพื่อนส่งมาให้ตั้งแต่ลูกเล็กๆ แต่แม่เพิ่งได้อ่านตอนลูก2.9ขวบ
ในหนังสือเล่มนี้ ดีมาก
เป็นการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรงของครอบครัวผู้เขียน ที่คุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่อย่างใด แต่ตระหนักว่าลูกของเค้าต้องพูดฟังอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา โดยเริ่มสอนตั้งแต่ลูกเกิด โดยให้คุณแม่พูดภาษาไทยกับลูกตลอด และคุณพ่อพูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอด จนลูกเค้าพูดภาษาไทยและอังกฤษได้คล่อง สำเนียงดีด้วย ตอน 2.6ขวบ. กรี๊ดดด!!!!!
และผู้เขียนได้ไปค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยต่างๆ ที่บอกว่า เด็กจะมีการเรียนรู้ด้านภาษาสูงที่สุด ในวัยก่อน3ขวบ นี่คือช่วงเวลาทองคำ ที่เมื่อผ่านไปแล้วย้อนกลับมาไม่ได้อีก อยากใส่อะไรให้เด็ก ใส่เลย
เด็กก่อน3ขวบ บางคนพูดได้ถึง5ภาษาก็มี
โอ้โห !!!!
พออ่านหนังสือเล่มนี้จบ
ลูกเรา 2.9ขวบแล้ว เหลือเวลาทองคำอีก3เดือนเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นแม่บอกกับทุกคนในบ้านเลย ว่าแม่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอดเวลา จะไม่พูดไทยกับลูกอีก ก็จัดไปตั้งแต่ลูกตื่น ไม่พูดไทยกับลูกสักคำ
จันทร์เจ้า งงๆ ทำคิ้วขมวด
คงคิดว่า"แม่พูดไรไม่รู้เรื่องเลย" และความเครียดก็บังเกิดขึ้นทั้งลูกทั้งแม่ เพราะแม่ก็คิดไม่ออก เวลาจะพูดกับลูก จะแปลเป็นอังกฤษยังไง ก็ใช้มือใบ้เอา ลูกก็เครียด "แม่เป็นไร - เกิดไรขึ้น"
ทำได้อยู่3วัน กลับมาพูดไทยกับลูกตามเดิม
ยากอ่ะ แม่ไม่เก่งภาษา สอนผิดๆไปทำไง เดวลูกจำ เกือบจะล้มเลิกความตั้งใจ !!!!!
จนน้องแนะนำครูมาสอนภาษาอังกฤษที่บ้าน ก็ให้ลูกเรียน อาทิตย์ละ1ชั่วโมง
เราก็คิด ลูกเราจะพูดอังกฤษได้มั๊ย ถ้าจะพึ่งคุณครูอย่างเดียว ได้เรียนแค่อาทิตย์ละ1-2ชั่วโมงเนี่ยนะ
แม่ก็เลยฮึดอีกรอบ เปิดหนังสือ เปิดอินเตอร์เน็ตเลยจ้า
ท่องประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ครั้งแรกท่องสัก10ประโยค และก็เอามาพูดกับลูก คำง่ายๆค่ะ
โดยแม่ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกด้วย เวลาจะพูดภาษาอังกฤษกับลูก ก็จะกดไปที่หน้าผากลูก และบอกว่า
"กดปุ่ม เปลี่ยนโหมด ตึ้ดๆ"
"โหมดภาษาอังกฤษ ตึ้ดๆ"
ครั้งแรกแม่ก็อธิบายให้ลูกฟังก่อน ว่าถ้ากดปุ่มเป็นโหมดภาษาอังกฤษ ต้องห้ามพูดภาษาไทยนะ อังกฤษเท่านั้น
กลายเป็นสนุกสนานไปค่ะ
ก็สอนเท่าที่แม่ท่องมาได้
พอหมด10ประโยค เริ่มจำแม่นแล้ว แม่ก็ไปท่องมาเพิ่มอีก10ประโยค
ส่วนคำศัพท์ จะสอนแบบไม่แปลค่ะ
เช่น รูปแมว
สอนในโหมดภาษไทย ก็
แมว-ชี้ไปที่รูป
อยู่ในโหมดอังกฤษ
Cat -ชี้ไปที่รูปเลย
จะไม่สอนว่า cat-แมว
เพราะสมองลูกจะจำแบบ2คำ เวลาพูดเค้าจะแปลก่อน
ก็ทำไปเรื่อยๆเท่าที่ได้ จันทร์เจ้าสนุกมากขึ้น
เค้ายอมพูดตาม คำที่เราบอก
และเรื่องเซอร์ไพส์ก็เกิดขึ้น
วันนึงมีของเล่นตกพื้น จันทร์เจ้า พูดว่า
"Pick it up"
ทำแม่ สตั๋นไป2วิ โอ้ในที่สุด
ลูกก็พูดภาษาอังกฤษได้ โดยที่เข้าใจความหมายเองแบบไม่ต้องแปล ดีใจน้ำตาจิไหล ดีใจกว่าถูกหวยอีก ^^
เคยมีคนบอกว่า
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากความสำเร็จเล็กๆรวมกัน
ความต่อเนื่อง คือเคล็ดลับค่ะ
ทำบ่อยๆๆ ทำซ้ำๆๆ
และที่สำคัญพ่อแม่ได้เท่าไหน ลูกได้เท่านั้นค่ะ ถ้าอยากให้ลูกเก่งมากๆ พ่อแม่ต้องพัฒนาตัวเอง หาความรู้ จำประโยค และศัพท์ให้มากค่ะ
สำหรับพ่อแม่ ที่มีลูกเกิน3ขวบไปแล้ว ก็เริ่มได้เสมอนะคะ อย่าพึ่งพิง โรงเรียนเพียงอย่างเดียว
หนังสือเล่มนี้ดีมากอยากให้ทุกครอบครัวได้อ่านนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆครอบครัวค่ะ
พระราชวังแวซาย ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว
ฉะนั้น การสร้างคน ก็เช่นกัน
ปล.การรีวิวนี้ ไม่ได้มีผลประโยชน์กับผู้เขียนหนังสือแต่อย่างใด อ่านแล้วดี บอกต่อเท่านั้นค่ะ
ด้วยรัก
น้องจันทร์เจ้า
ชอบกดไลค์..ถูกใจกดแชร์นะเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเรานะคะ Thank you.
ติดตามรีวิวดีดี ทั้งงานศิลปะ ของเล่น และส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ที่เพจค่ะ
https://www.facebook.com/JingJai.yhokkui
ID Line... jing31