คลังพล่านหาเงินจ่ายรถคันแรก
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวระหว่างการประชุมผู้บริหารกรมบัญชีกลาง ว่า การจ่ายเงินชดเชยให้กับโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก เงินจัดสรรจากงบประมาณเหลืออยู่เพียง 350 ล้านบาท ขณะนี้กำลังพิจารณาดึงเงินของส่วนราชการที่ตั้งงบขอเบิกเป็นงบกลางไว้ แต่ไม่ได้ใช้จ่ายนำกลับมาใช้ในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกเนื่องจากการเบิกจ่าย ณ วันที่ 5 มีนาคม 2556 เป็นยอดเงิน 6,889 ล้านบาท จำนวน 99,269 ราย จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย ซึ่งต้องจ่ายคืนกว่าแสนล้านบาท จากวงเงินงบประมาณปี 2556 ตั้งไว้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท และแม้จะมีประชาชนยกเลิกการจองซื้อรถแต่ก็ยังเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ขอเข้าโครงการ และก็ไม่แสดงถึงความผิดปกติของโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องประชาชนบางส่วนยอมคืนสิทธิ หรือไม่ผ่านเกณฑ์นั้น อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่าหลักการของมติ ครม. การคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการรถคันแรกจะต้องมีชีวิตและถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี แต่หลังจากนี้หากเสียชีวิตก็ไม่ต้องนำเงินมาคืนกรมสรรพสามิต แต่ในกรณีที่เกิดขึ้น ผู้ที่ได้รับสิทธิเสียชีวิตก่อนครบ 1 ปี ญาติผู้เสียชีวิตต้องนำเงินมาคืนภายใน 15 วัน หากไม่คืนจะต้องเสียค่าปรับอัตราดอกเบี้ย 15 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเงื่อนไขสำคัญห้ามขาย หรือโอนภายใน 5 ปีด้วย
ด้านนายจุมพลริมสาคร รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่าจำนวนรถที่มีการสละสิทธิ์ขอคืนภาษี ณ ปัจจุบันมี 2,000 คัน จากคนที่เข้าใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีโครงการรถคันแรกมีทั้งหมด 1,256,000 คัน ส่งมอบรถไปแล้วประมาณ 850,000 คัน และเหลืออีก 400,000 คันที่รอส่งมอบรถ
“ผมเห็นว่าเป็นยอดสละสิทธิ์ที่น้อยมาก เนื่องจากรถบางคันที่เขาซื้อไปแล้วทางบริษัทไฟแนนซ์เขาไม่ให้ผ่าน และมีคุณสมบัติไม่ผ่าน เช่น อายุไม่ถึง 21 ปี โดยโครงการมีเงื่อนไขว่า ผู้ที่จองและเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ในตอนจองหรือซื้อ ซึ่งการคืนภาษีโครงการรถคันแรกนั้น ปัจจุบันมีการคืนเงินภาษีให้ผู้ถือครองรถครบ 1 ปี ตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบันมีการคืนเงินแล้ว 99,268 คัน เป็นจำนวนเงิน 6,889 ล้านบาท จากวงเงินที่รัฐบาลตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว 7,280 ล้านบาท” จุมพลกล่าว
ทั้งนี้ปัญหาที่เกิด หากย้อนกลับไปดูที่กระบวนการ ถ้าตรวจสอบอย่างรอบคอบ อาจอุดช่องโหว่ได้ ขั้นตอนการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรถคันแรกนั้น จุมพลอธิบายว่า จะเริ่มตั้งแต่ผู้ซื้อรถจะมีการตรวจสอบสิทธิ์ โดยมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ตั้งแต่อายุ ราคารถที่ซื้อ และการครอบครองรถว่าเป็นรถคันแรกหรือไม่ โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสอบสิทธิ
ในขณะที่ ทางด้านสภาอุตสาหกรรมฯก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้มีลูกค้าหลายรายได้เลื่อนการรับรถออกไป เนื่องจากไม่สามารถหาเงินดาวน์ได้ตามที่กำหนด รวมถึงบางรายได้จองรถไว้หลายยี่ห้อ ถึงเวลาก็เลือกมารับเฉพาะคันที่ตัวเองต้องการ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายรถ เริ่มประสบปัญหารถล้นสต๊อก และต้องเสียดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่า น่าจะมีผู้สละสิทธิ 200,000 – 300,000 ราย จากยอดที่เข้าโครงการรถคันแรกกว่า 1,250,000 คัน
ที่มา:
http://www.naewna.com/business/46160
ปล.ช่วยกู้มาให้ด่วนนะครับ...นายกปู เอ่อ อย่าลืม ธกส. ด้วยนะ...เอิ๊ก ๆ ๆ
นายกปูครับ...ตังค์หมดอีกแล้วครับ...
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวระหว่างการประชุมผู้บริหารกรมบัญชีกลาง ว่า การจ่ายเงินชดเชยให้กับโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก เงินจัดสรรจากงบประมาณเหลืออยู่เพียง 350 ล้านบาท ขณะนี้กำลังพิจารณาดึงเงินของส่วนราชการที่ตั้งงบขอเบิกเป็นงบกลางไว้ แต่ไม่ได้ใช้จ่ายนำกลับมาใช้ในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกเนื่องจากการเบิกจ่าย ณ วันที่ 5 มีนาคม 2556 เป็นยอดเงิน 6,889 ล้านบาท จำนวน 99,269 ราย จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย ซึ่งต้องจ่ายคืนกว่าแสนล้านบาท จากวงเงินงบประมาณปี 2556 ตั้งไว้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท และแม้จะมีประชาชนยกเลิกการจองซื้อรถแต่ก็ยังเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ขอเข้าโครงการ และก็ไม่แสดงถึงความผิดปกติของโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องประชาชนบางส่วนยอมคืนสิทธิ หรือไม่ผ่านเกณฑ์นั้น อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่าหลักการของมติ ครม. การคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการรถคันแรกจะต้องมีชีวิตและถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี แต่หลังจากนี้หากเสียชีวิตก็ไม่ต้องนำเงินมาคืนกรมสรรพสามิต แต่ในกรณีที่เกิดขึ้น ผู้ที่ได้รับสิทธิเสียชีวิตก่อนครบ 1 ปี ญาติผู้เสียชีวิตต้องนำเงินมาคืนภายใน 15 วัน หากไม่คืนจะต้องเสียค่าปรับอัตราดอกเบี้ย 15 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเงื่อนไขสำคัญห้ามขาย หรือโอนภายใน 5 ปีด้วย
ด้านนายจุมพลริมสาคร รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่าจำนวนรถที่มีการสละสิทธิ์ขอคืนภาษี ณ ปัจจุบันมี 2,000 คัน จากคนที่เข้าใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีโครงการรถคันแรกมีทั้งหมด 1,256,000 คัน ส่งมอบรถไปแล้วประมาณ 850,000 คัน และเหลืออีก 400,000 คันที่รอส่งมอบรถ
“ผมเห็นว่าเป็นยอดสละสิทธิ์ที่น้อยมาก เนื่องจากรถบางคันที่เขาซื้อไปแล้วทางบริษัทไฟแนนซ์เขาไม่ให้ผ่าน และมีคุณสมบัติไม่ผ่าน เช่น อายุไม่ถึง 21 ปี โดยโครงการมีเงื่อนไขว่า ผู้ที่จองและเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ในตอนจองหรือซื้อ ซึ่งการคืนภาษีโครงการรถคันแรกนั้น ปัจจุบันมีการคืนเงินภาษีให้ผู้ถือครองรถครบ 1 ปี ตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบันมีการคืนเงินแล้ว 99,268 คัน เป็นจำนวนเงิน 6,889 ล้านบาท จากวงเงินที่รัฐบาลตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว 7,280 ล้านบาท” จุมพลกล่าว
ทั้งนี้ปัญหาที่เกิด หากย้อนกลับไปดูที่กระบวนการ ถ้าตรวจสอบอย่างรอบคอบ อาจอุดช่องโหว่ได้ ขั้นตอนการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรถคันแรกนั้น จุมพลอธิบายว่า จะเริ่มตั้งแต่ผู้ซื้อรถจะมีการตรวจสอบสิทธิ์ โดยมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ตั้งแต่อายุ ราคารถที่ซื้อ และการครอบครองรถว่าเป็นรถคันแรกหรือไม่ โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสอบสิทธิ
ในขณะที่ ทางด้านสภาอุตสาหกรรมฯก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้มีลูกค้าหลายรายได้เลื่อนการรับรถออกไป เนื่องจากไม่สามารถหาเงินดาวน์ได้ตามที่กำหนด รวมถึงบางรายได้จองรถไว้หลายยี่ห้อ ถึงเวลาก็เลือกมารับเฉพาะคันที่ตัวเองต้องการ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายรถ เริ่มประสบปัญหารถล้นสต๊อก และต้องเสียดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่า น่าจะมีผู้สละสิทธิ 200,000 – 300,000 ราย จากยอดที่เข้าโครงการรถคันแรกกว่า 1,250,000 คัน
ที่มา:http://www.naewna.com/business/46160
ปล.ช่วยกู้มาให้ด่วนนะครับ...นายกปู เอ่อ อย่าลืม ธกส. ด้วยนะ...เอิ๊ก ๆ ๆ