WHA ซื้อที่นิคมฯกบินทร์บุรีเผยมีลูกค้าแล้ว 60% เล็งหาซื้ออีก 400-500 ไร่

กระทู้สนทนา
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA)เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในพิธีเซ็นสัญญาการซื้อขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี บนพื้นที่ 14 ไร่ หรือประมาณ 22,400 ตารางเมตร เพื่อพัฒนาพื้นที่ก่อสร้าง Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมี่ยม ให้ตรงความต้องการของลูกค้า ภายในระยะเวลา 8 เดือน  โดยคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ในพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้มีลูกค้าในกลุ่มประเภทโลจิติกส์ จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาแล้ว กว่า 60%พร้อมกันนี้ ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างแผนการศึกษาในการเข้าเจรจาเพื่อซื้อที่ดินเพิ่ม อีก 6-7 แห่ง หรือประมาณ 400-500 ไร่ โดยบริษัทฯยังคงเน้นพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ โดยอิงกับทำเลที่ตั้งบนเส้นทางหลักของการกระจายและขนส่งสินค้าไปทั่วภูมิภาค ซึ่งจะคำนึงถึงความสะดวกในการเดินทาง และการขนส่งสินค้าไปยังศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้แก่ผู้เช่า(ลูกค้า)ให้มากที่สุดนายแพทย์สมยศ ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300,000 ตารางเมตร โดยล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ เพื่อการก่อสร้างคลังสินค้าฯ แล้วกว่า 250,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมดที่ตั้งเป้าขยายภายในปีนี้ ทั้งนี้ เพื่อรองรับฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่กว่า 60% และฐานลูกค้าใหม่อีกกว่า 40% เนื่องจากคุณภาพ ทำเลที่ตั้งที่สำคัญทางด้านโลจิสติกส์ และคุณภาพของอาคารที่ดีที่สุดในประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่เช่ารวม 1,000,000 ตารางเมตร ในระยะเวลาอันใกล้นี้

“ในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าในการขยายพื้นที่เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ากว่า 300,000 ตารางเมตร แต่เพียงแค่ไตรมาสแรก บริษัทฯสามารถขยายพื้นที่ได้แล้วกว่า 250,000 ตารางเมตร ดังนั้น จะเห็นได้ว่าอัตราการขยายตัวของการเช่าพื้นที่ในปีนี้ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของรายได้บริษัทฯในปีนี้ จะทะลุเป้าหมายที่ประมาณการไว้อย่างแน่นอนว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% จากดีมานความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าแบบ Built-to-Suit คุณภาพสูง ที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายแพทย์สมยศ กล่าว

ฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ 35% เป็นกลุ่มลูกค้าจากยุโรป, 35% เป็นกลุ่มลูกค้าจากญี่ปุ่น, ส่วนอีก 30% จะเป็นฐานลูกค้าจากออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย ตามลำดับ

นอกจากนี้ นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการจัดอันดับเรตติ้ง เพื่อนำมาใช้ในการออกหุ้นกู้ในอนาคตอันใกล้ โดยการประมาณการขั้นต้นพบว่าบริษัทฯจะได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง A- เป็นอย่างน้อย เนื่องจากบริษัทฯ มีความมั่นคงเป็นอย่างมากจากฐานลูกค้าคุณภาพระดับโลกและสัญญาเช่าระยะยาวที่มั่นคง ร่วมกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯที่เติบโตอย่างมากและสม่ำเสมอ และมีการดำเนินงานแบบ Good Government ที่มีคุณภาพสูง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่