-หน้าเปิดเป็นน้องเนื้อดำ+รุ่นพี่คานิจิ
-ต่อจากตอนที่แล้ว เปิดมาชายหนุ่มคนเดิมก็บอกว่าเขาดีใจจริงๆที่จะได้จัดการโซมะให้ย่อยยับ ส่วนโซมะก็บอกว่า ดี ถ้าอยากจะสู้กับเขาก็ขยับเท้าออกไปได้แล้ว ในตอนนั้นเอง รุ่นพี่ฮินาโกะก็ประกาศว่า เธอจะนั่งคอยทุกคนอยู่ที่นี้ ถ้าใครมีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทดสอบก็ให้มาถามได้ (รุ่นพี่นั่งชิลกินขนมเฉย)
-ซึ่งก็มีบรรดานักเรียนยกมือถามกันให้ขวักทันที หนึ่งในนั้นถามออกไปว่า พวกเขายังไม่ได้รับการอธิบายอะไรเลยนะ ซึ่งฮินาโกะก็ทำหน้าสงสัยพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า"ยังงั้นเหรอ? งั้นฉันจะอธิบายเลยละกัน" ว่าแล้วก็ผายมือออกไปที่โต๊ะว่างๆและหน้าต่าง พร้อมกับเอ่ยว่า การทดสอบก็ง่ายๆ คือใช้วัตถุดิบที่หาได้ตรงนี้ในการรังสรรค์อาหารญี่ปุ่นจานหลักขึ้นมาหนึ่งจาน ซึ่งบรรดานักเรียนก็พากันสงสัย เพราะไม่เห็นจะมีวัตถุดิบอยู่ที่ไหนเลยสักนิด ซึ่งฮินาโกะก็พูดต่อไปว่า พวกมันอยู่ตรงนั้น(ชี้ไปนอกหน้าต่าง) ธรรมชาติที่งดงามและอากาศที่สดชื่น เป็นสถานที่วิเศษที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบประกอบอาหารอันล้ำค่า
-ฮินาโกะเล่าต่อไปว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคลของโรงเรียนโทซึกิมาช้านาน ซึ่งจะมีรั้วล้อมรอบบริเวณนี้อยู่ ถ้านักเรียนคนไหนข้ามออกจากรั้วไปถือว่าปรับตกทันที ซึ่งทุกคนต้องหาวัตถุดิบมาใช้ทำอาหารเองจากบริเวณพื้นที่ปิดตรงนี้ที่กำหนดให้เท่านั้น(ภาพแสดงให้เห็นว่ามีแค่ป่ากับแม่น้ำหนึ่งสายที่ไหลผ่านกลางเท่านั้น) ซึ่งถ้าสามารถทำอาหารที่เธอพอใจได้ก็จะผ่านจากการทดสอบนี้ไป ในห้องครัวจะมีอุปกรณ์ น้ำมันและเครื่องปรุงรสต่างๆไว้ให้ และถ้าต้องการใช้อุปกรณ์อย่างเบ็ดตกปลาก็สามารถไปหาได้ที่ห้องเก็บของใกล้ๆนี้
-หลังจากนั้นฮินาโกะก็บอกว่ามีเวลาจำกัดอยู่แค่สองชั่วโมง ถ้างั้นก็เริ่มกันได้เลย แน่นอนว่าเธอพูดเบามากเสียจนนักเรียนหลายคนติดสตันไปเล็กน้อย พอรู้ตัวก็บ่นกันงุบงิบว่าจะพูดเบาไปแล้วนะ ก่อนจะเริ่มโกลาหลกันทันที มีนักเรียนคนหนึ่งบอกว่า อย่างแรกเราน่าจะสำรวจว่าที่นี้มีปลาอะไรบ้าง อีกคนก็บอกว่า ถ้ามีปลาอายุ(ชื่ออังกฤษคือSweet fish ปลากระดูกแข็งเนื้อมีรสหวานและมีกลิ่นคล้ายกับแตงโม เป็นปลาที่นิยมใช้ในอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง)ล่ะก็ สามารถเอาไปทาเกลือแล้วย่างได้นะ แต่ยังไงก็ตาม มีเวลาจำกัดแค่สองชั่วโมง ต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ
-ตัดกลับมาที่โซมะ ชายหนุ่มคนเดิมก็ท้าโซมะให้มาแข่งกัน โซมะก็ถามว่าแข่งยังไง เขาก็บอกว่าให้ดูว่าอาหารของใครทำได้ดีกว่ากันพร้อมกับเดินไปหาฮินาโกะแล้วเอ่ยขอร้องว่า ให้ช่วยตัดสินอย่างเที่ยงธรรมด้วยว่าอาหารของเขาหรือของโซมะของคนไหนดีกว่า ซึ่งฮินาโกะก็สงสัยพร้อมกับเอ่ยว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ เธอไม่ขอยุ่งจะดีกว่า
-ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มที่ขอท้าถึงกับอึ้ง โซมะเลยเยาะกลับไปที ประมาณว่าออกหน้ามากเกินไปจนหน้าแตกกลับมาแบบนี้ไงล่ะ แต่ไม่ใช่แค่โซมะที่เยาะ ดูเหมือนชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มก็ดูจะหัวเราะเยาะเขาด้วย พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า พี่ชายเนี่ยไม่เท่เอาซะเลย
คนพี่ - ยะ...อย่าหัวเราะต่อหน้าฉันนะ!
เมกุมิ - (พี่ชาย? สองคนนี้เป้นพี่น้องกันหรอกเหรอ?)
โซมะ - (ไม่เห็นจะเหมือนกันเลยสักนิด!!)
ว่าแล้วคนพี่ก็หันกลับมาหาโซมะแล้วชี้ประกาศว่า ยังไงก็ตามเขาจะทำอาหารให้ดีกว่าโซมะ ไม่มีทางด้อยกว่าเขาเด็ดขาด แต่ไม่ทันไรก็โดนน้องชายจับลากให้ไปหาวัตถุดิบทันที ซึ่งโซมะดูจะอึ้งกับการแสดงออกของพี่น้องคู่นี้ไม่น้อย จนเมกุมิต้องพูดฉุดให้โซมะรีบไปหาวัตถุดิบมาเหมือนกัน
-ตัดกลับไปทางบรรดานักเรียนตัวประกอบ หลายคนบ่นว่าจับอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จนต้องถูกอีกคนปรามว่านายน่ะทำเสียงดังไปแล้วปลาเลยหนีหายไปหมด อีกกลุ่มก็บอกว่าให้ลองทำกินคู่เมอร์นิเย่ซอสดูสิ แต่ก็โดนขัดออกไปว่าเราไม่มีแป้งสาลีนะ (เมอร์นิเย่ซอส คือซอสในอาหารฝรั่งเศษที่มักทำ/ใช้ทานคู่กับปลาชุบแป้ง(แต่ในอาหารญี่ปุ่นก็มีใช้บ้าง) ทำโดยการใช้ส่วนผสมหลักๆคือ เนยเหลว วูสเตอร์ซอส(ซอสที่หมักจากปลาแอนโชวี่มีรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู กรรมวิธีการทำคล้ายๆกับน้ำปลาบ้านเรานั้นแหละแต่รสเปรี้ยว)แล้วก็มะนาว บางสูตรอาจใส่พาสเล่ห์ลงไปด้วย) ส่วนอีกกลุ่มก็คุยกันว่า พวกเขาน่าจะหาพวกหน่อไม้อะไรพวกนี้มาใช้งาน แต่อีกคนก็ตอบว่าเขาดูจนทั่วแล้วแต่ไม่เห็นจะเจอเลย(ตรงนี้มีภาพโชว์ว่าหน่อไม้มันขึ้นอยู่ใต้ขาสองคนนี้แต่ตาถั่วไม่เห็นกันเอง) ส่วนฮินาโกะที่เฝ้าดูสถานการณ์พร้อมกับจิบชาแล้วก็กินขนมอยู่นั้นก็คิดขึ้นมาในใจว่า ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ มนุษย์เรามักจะสับสนและกระสับกระส่ายทำอะไรไม่ถูก ความคิดความอ่านก็จะตีบตันและสุดท้ายก็จะเลือกตัวเลือกที่ผิด การทดสอบนี้เป็นการวัดทักษะอย่างหนึ่ง คนครัวที่ตกลงไปในหลุมของความสับสนและความลุกลี้ลุกลนแบบนี้ ไม่จำเป็นสำหรับโทซึกิ (ประโยคนี้หน้าเจ๊แกโฉดมาก)
-ตัดกลับมาทางด้านเมกุมิกับโซมะ เมกุมิกำลังลุกลี้ลุกลนส่วนโซมะนั่งตกปลาแบบสบายใจอยู่ เมกุมิก็พูดออกมาว่า เราต้องรีบหาวัตถุดิบให้ได้แล้วเริ่มลงมือทำอาหารให้เร็วที่สุด แล้วเราจะทำอะไรดีล่ะ โซมะคุง? ซึ่งโซมะก็ไม่ตอบเมกุมิเลยไซ้ต่อว่า ถ้าบางทีเรามีปลาอิวานะหรือปลานิจิมาซึ(ปลาเทราต์สายรุ้ง)เราอาจจะเอาไปย่างเกลือหรือต้มกับโชยุ แล้วเราก็ต้องคิดถึงเรื่องการตกแต่งด้วย...บางทีเราน่าจะหาพืชป่าหรืออะไรสักอย่างมาใช้ โซมะเลยเอ่ยถามเมกุมิกลับไปว่า แต่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าไอ้ที่เธอพูดเนี่ยใครๆเขาก็ทำกัน บางทีเราน่าจะคิดกันอีกนิด ซึ่งโซมะก็โดนเมกุมิบ่นใส่ว่า "เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะโซมะคุง ยังไงก็ตามเราต้องรีบทำอาหารให้เสร็จ" แต่จนแล้วจนรอด ดูเหมือนโซมะก็จะไม่สนใจที่เมกุมิพูด โซมะนึกหน้าอาจารย์ฮินาโกะที่พูดขึ้นมาว่าให้ใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้จากที่นี้แล้วก็ครุ่นคิด
-ในที่สุดโซมะก็สามารถจับปลามาได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเมกุมิจะดีอกดีใจ ในระหว่างที่กลับมาที่อาคาร โซมะก็เจอเข้ากับสองพี่น้องที่มาท้าเขาพอดี แน่นอนว่าโซมะก็แกล้งแหย่เรื่องหน้าแตกไปหนึ่งดอก จนต้องโดนคนพี่ตวาดกลับมาว่าให้หยุดพูดเดี้ยวนี้เลยนะ เมื่อเข้ามาที่ครัว คนพี่ที่มองไปรอบๆก็เอ่ยออกมาว่า พวกนายใช้ปลาทำอาหารกันหมดเลยเหรอ? ปลาเป็นหนึ่งในหลายเมนูของอาหารญี่ปุ่นก็จริง แต่ไม่คิดว่ามันซ้ำซากหรือมันเดิมๆไปงั้นหรือ? โซมะได้ยินแบบนั้นเลยถามคนพี่กลับไปว่าแล้วนายล่ะใช้อะไร ซึ่งคนพี่ก็โชว์วัตถุดิบของตัวเองให้ดูแล้วเอ่ยออกมาว่า"นายรู้ใช่ไหมว่านี้คืออะไร?"ซึ่งสิ่งที่คนพี่โชว์ให้โซมะเห็นก็คือ Aigamo (เป็ดลูกครึ่งระหว่างนกเป็ดน้ำกับเป็ดญี่ปุ่น)
-แน่นอนว่าโชว์ของแปลกแบบนี้ทั้งหมดก็อึ้งกันเป็นธรรมดา แต่คนพี่ยังบอกอีกว่าที่นี้น่ะไม่ได้มีแต่เป็ดหรอกนะ ยังมีทั้งกระต่ายแล้วก็ไก่อีกด้วย น่าเสียดายจริงๆที่พวกนายไม่ตั้งใจตามหากันให้ดีกว่านี้ ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็เจ็บใจเพราะเหมือนสองคนนั้นจะมีตัวเลือกอื่นนอกเหนือจากปลา แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าฮินาโกะจะมีเกณฑ์การตัดสินแบบไหน ในตอนนั้นเองคนพี่ก็เข้ามาหาโซมะแล้วเอ่ยว่านายกำลังขวางทางฉันอยู่พร้อมกับจับไหล่โซมะให้ถอยออกไป ตอนนั้นเองโซมะก็สังเกตเห็นรอยแผลมากมายที่มือของคนพี่ทำเอาโซมะถึงกับนิ่งไปเลยจนเมกุมิต้องถามโซมะว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นรึเปล่า ทางด้านสองพี่น้องคนพี่ก็เริ่มสั่งคนน้องให้จัดการวัตถุดิบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดหนังและแล่ส่วนต่างๆทันที
-ว่าแล้วคนน้องก็เริ่มทำการชำแหละเป็ดทันที จนเมกุมิที่ดูอยู่ถึงกับทึ่งในความรวดเร็ว เพราะคนน้องเล็งตัดออกมาเฉพาะส่วนอกและขา แถมยังกรีดตัดได้อย่างดีแม้แต่พุงเองก็ยังไม่ต้องผ่าเปิดออกจนหมด (สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ การแล่เนื้อสัตว์ปีกโดยรวมๆถ้าจะให้ตัดได้ง่ายๆเนี่ย เริ่มจากการตัดคอกับเท้าออกก่อน หลังจากนั้นให้ผ่าเปิดบริเวณท้องแล้วจับกางให้แผ่ออก จะง่ายและสะดวกต่อการตัดพวกน่อง ปีกแล้วก็อกครับ) เมกุมิเห็นแบบนี้ก็ถึงกับอึ้งไปเลยพร้อมกับคิดว่าทักษะมีดที่แม่นยำขนาดนี้มันอะไรกัน ส่วนคนน้องเห็นเมกุมิมาจ้องใหญ่ก็เลยสงสัยว่าเมกุมิอยากได้อะไรรึเปล่าซึ่งเมกุมิก็ลนลานตอบกลับไปว่า เปล่าแต่เธอแค่ตกใจที่เจอคนที่ใช้มีดได้เก่งและตัดแบ่งส่วนสัตว์ปีกได้เร็วขนาดนี้ ซึ่งคนน้องได้ยินดังนั้นเลยตอบออกไปว่า พี่ชายฉันนะทำเร็วกว่าฉันตั้งสามเท่าเชียวนะ
-ว่าแล้วหน้าถัดไปก็โชว์สกิลของคนพี่ทันที เริ่มจากการกรีดหนังเป็ดที่ติดอยู่บนอก(ทำไปเพื่อให้ความร้อนผ่านเข้าได้+ทำให้เกิดลายสวยงาม)จากนั้นนำไปหมักใน(น่าจะ)เกลือแล้วก็โรยพริกไทยลงไป จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนและนำเอาอกเป็ดไปไปPan Fry(การทอดโดยใช้น้ำมันน้อยมากๆไม่ต่างจากการย่างบนกระทะสักเท่าไร จากในรูป คนพี่เอาส่วนหนังเป็ดคว่ำลงให้ติดกับกระทะ คาดว่าทำไปเพื่อให้มันในหนังเป็ดไหลเยิ้มออกมา แล้วเก็บส่วนนั้นไว้สำหรับใช้ทำซอส)
-เมกุมิที่ดูการทำงานอยู่ถึงกับอึ้งที่อีกฝ่ายทำต่อเนื่องไปโดยไม่มีหยุดอย่างคล่องแคล้วแถมการเคลื่อนไหวทุกอย่างไม่มีส่วนไหนที่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอสงสัยเลยว่าหมอนี่เป็นใครกัน ซึ่งโซมะเองที่ดูอยู่ก็เอ่ยออกมาว่า ไม่แปลกใจเลยที่หมอนี้ทำได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งเมกุมิก็สงสัยแต่โซมะตอบไปว่า แค่ดูมือของหมอนั้นก็รู้แล้วล่ะ
-หลังจากนั้นคนพี่ก็ได้ทา(น่าจะ)น้ำผึ้งลงไปบนหนังเป็ดเพื่อเพิ่มความเงาให้กับชิ้นเนื้อ ก่อนจะนำเข้าไปใส่เตาอบ
คนพี่ - ฟอรูโน่...อันเชนเดเร... (เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่าจุดเตาหรือจุดไฟ)
-ว่าแล้วไฟที่เตาอบก็สว่างวาป สองพี่น้องหันกลับมาหาโซมะแล้วก็เมกุมิก่อนที่จะเอ่ยว่า
คนพี่ - ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ...
คนพี่ - ชื่อของผมคือ ทาคุมิ อัลดินี่
ทาคุมิ - ส่วนนี้คือน้องชายฝาแฝดของผม อิซามิ อัลดินี่
ทาคุมิ - พวกเราทำงานอยู่ในครัวของตรัตโตเรียที่บ้านเกิดน่ะ
เมกุมิ - ตรัตโตเรีย?
ทาคุมิ - มันเป็นภาษาอิตาลี่มีควาหมายว่า "ร้านอาหารที่มีจำนวนมากน่ะ"
-ว่าแล้วทาคุมิก็หันไปหาโทมะแล้วโชว์บางอย่างที่แขนเสื้อของเขาให้โทมะดู
ทาคุมิ - ฉันก็เหมือนนาย ยูกิฮิระ
ทาคุมิ - เป็นพ่อครัวที่ต่อสู้เพื่อปกป้องร้านอาหารของครอบครัว
ว่าแล้วภาพก็ซูมไปที่แขนเสื้อของทาคุมิ..."ตรัตโตเรีย อัลดินี่"
-หลังจากนั้นทาคุมิก็เอ่ยต่อออกไปว่า
ทาคุมิ - นายเคยพูดสินะว่า "ไม่คิดจะแพ้คนที่ไม่เคยยืนอยู่ต่อหน้าลูกค้า"
ทาคุมิ - ลองพูดอีกรอบหลังเอาชนะฉันให้ได้สิ
ทาคุมิ - ระหว่างอัลดินี่หรือยูกิฮิระ ฉันจะโชว์ให้นายได้เห็น...
ทาคุมิ - ว่าฉันนี้แหละที่จะเหนือกว่า!
โซมะ - เห...น่าสนุกดีนิ
ว่าแล้วโซมะก็หยิบผ้าขึ้นมาพันคาดหัวทันที
โซมะ - เข้ามาเลย!! (ว่าแล้วก็หันหลังโชว์ตราร้านยูกิฮิระมาประชันกับทาคุมิ)
------------------------------
อาทิตย์หน้า หน้าสีต่ออีกฉบับ (พรีวิวเล่มนี้บอกว่า เล่มหน้าโซมะจะทำเทมปุระ?)
ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีเซอร์วิสใดๆ แต่ได้อารมณ์การ์ตูนเด็กผู้ชายเต็มๆ อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วสิ (หรือว่าส่วนใหญ่จะสนกันแต่เซอร์วิสหว่า...)
อนึ่ง ตอนนี้ผมเสริมความรู้ด้านการทำอาหาร+โภชนาการเข้าไปเพิ่มด้วย (ผมค่อนข้างยอมรับว่า วิธีการทำอาหารเรื่องนี้+อาหารสมจริงมากๆ และเป็นจุดหลักที่ทำให้ผมชอบเรื่องนี้เลยแต่วิธีการทำหรือการอธิบายค่อนข้างจะมีน้อย ถ้าไม่ได้ศึกษาด้านนี้หรือชอบการทำอาหารแล้ว แทบจะไม่รู้เลยว่าตัวละครแต่ละตัวทำสิ่งนั้นๆกันไปเพื่ออะไร)
แล้วก็เช่นเคยครับ ผิดหรือพลาดตรงไหนโปรดทักท้วงมาได้เลยครับผม
<Spoil> Shokugeki no Souma 16 -บทบรรเลงประสานเสียงของความคิดและการรังสรรค์-
-หน้าเปิดเป็นน้องเนื้อดำ+รุ่นพี่คานิจิ
-ต่อจากตอนที่แล้ว เปิดมาชายหนุ่มคนเดิมก็บอกว่าเขาดีใจจริงๆที่จะได้จัดการโซมะให้ย่อยยับ ส่วนโซมะก็บอกว่า ดี ถ้าอยากจะสู้กับเขาก็ขยับเท้าออกไปได้แล้ว ในตอนนั้นเอง รุ่นพี่ฮินาโกะก็ประกาศว่า เธอจะนั่งคอยทุกคนอยู่ที่นี้ ถ้าใครมีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทดสอบก็ให้มาถามได้ (รุ่นพี่นั่งชิลกินขนมเฉย)
-ซึ่งก็มีบรรดานักเรียนยกมือถามกันให้ขวักทันที หนึ่งในนั้นถามออกไปว่า พวกเขายังไม่ได้รับการอธิบายอะไรเลยนะ ซึ่งฮินาโกะก็ทำหน้าสงสัยพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า"ยังงั้นเหรอ? งั้นฉันจะอธิบายเลยละกัน" ว่าแล้วก็ผายมือออกไปที่โต๊ะว่างๆและหน้าต่าง พร้อมกับเอ่ยว่า การทดสอบก็ง่ายๆ คือใช้วัตถุดิบที่หาได้ตรงนี้ในการรังสรรค์อาหารญี่ปุ่นจานหลักขึ้นมาหนึ่งจาน ซึ่งบรรดานักเรียนก็พากันสงสัย เพราะไม่เห็นจะมีวัตถุดิบอยู่ที่ไหนเลยสักนิด ซึ่งฮินาโกะก็พูดต่อไปว่า พวกมันอยู่ตรงนั้น(ชี้ไปนอกหน้าต่าง) ธรรมชาติที่งดงามและอากาศที่สดชื่น เป็นสถานที่วิเศษที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบประกอบอาหารอันล้ำค่า
-ฮินาโกะเล่าต่อไปว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคลของโรงเรียนโทซึกิมาช้านาน ซึ่งจะมีรั้วล้อมรอบบริเวณนี้อยู่ ถ้านักเรียนคนไหนข้ามออกจากรั้วไปถือว่าปรับตกทันที ซึ่งทุกคนต้องหาวัตถุดิบมาใช้ทำอาหารเองจากบริเวณพื้นที่ปิดตรงนี้ที่กำหนดให้เท่านั้น(ภาพแสดงให้เห็นว่ามีแค่ป่ากับแม่น้ำหนึ่งสายที่ไหลผ่านกลางเท่านั้น) ซึ่งถ้าสามารถทำอาหารที่เธอพอใจได้ก็จะผ่านจากการทดสอบนี้ไป ในห้องครัวจะมีอุปกรณ์ น้ำมันและเครื่องปรุงรสต่างๆไว้ให้ และถ้าต้องการใช้อุปกรณ์อย่างเบ็ดตกปลาก็สามารถไปหาได้ที่ห้องเก็บของใกล้ๆนี้
-หลังจากนั้นฮินาโกะก็บอกว่ามีเวลาจำกัดอยู่แค่สองชั่วโมง ถ้างั้นก็เริ่มกันได้เลย แน่นอนว่าเธอพูดเบามากเสียจนนักเรียนหลายคนติดสตันไปเล็กน้อย พอรู้ตัวก็บ่นกันงุบงิบว่าจะพูดเบาไปแล้วนะ ก่อนจะเริ่มโกลาหลกันทันที มีนักเรียนคนหนึ่งบอกว่า อย่างแรกเราน่าจะสำรวจว่าที่นี้มีปลาอะไรบ้าง อีกคนก็บอกว่า ถ้ามีปลาอายุ(ชื่ออังกฤษคือSweet fish ปลากระดูกแข็งเนื้อมีรสหวานและมีกลิ่นคล้ายกับแตงโม เป็นปลาที่นิยมใช้ในอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง)ล่ะก็ สามารถเอาไปทาเกลือแล้วย่างได้นะ แต่ยังไงก็ตาม มีเวลาจำกัดแค่สองชั่วโมง ต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ
-ตัดกลับมาที่โซมะ ชายหนุ่มคนเดิมก็ท้าโซมะให้มาแข่งกัน โซมะก็ถามว่าแข่งยังไง เขาก็บอกว่าให้ดูว่าอาหารของใครทำได้ดีกว่ากันพร้อมกับเดินไปหาฮินาโกะแล้วเอ่ยขอร้องว่า ให้ช่วยตัดสินอย่างเที่ยงธรรมด้วยว่าอาหารของเขาหรือของโซมะของคนไหนดีกว่า ซึ่งฮินาโกะก็สงสัยพร้อมกับเอ่ยว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ เธอไม่ขอยุ่งจะดีกว่า
-ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มที่ขอท้าถึงกับอึ้ง โซมะเลยเยาะกลับไปที ประมาณว่าออกหน้ามากเกินไปจนหน้าแตกกลับมาแบบนี้ไงล่ะ แต่ไม่ใช่แค่โซมะที่เยาะ ดูเหมือนชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มก็ดูจะหัวเราะเยาะเขาด้วย พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า พี่ชายเนี่ยไม่เท่เอาซะเลย
คนพี่ - ยะ...อย่าหัวเราะต่อหน้าฉันนะ!
เมกุมิ - (พี่ชาย? สองคนนี้เป้นพี่น้องกันหรอกเหรอ?)
โซมะ - (ไม่เห็นจะเหมือนกันเลยสักนิด!!)
ว่าแล้วคนพี่ก็หันกลับมาหาโซมะแล้วชี้ประกาศว่า ยังไงก็ตามเขาจะทำอาหารให้ดีกว่าโซมะ ไม่มีทางด้อยกว่าเขาเด็ดขาด แต่ไม่ทันไรก็โดนน้องชายจับลากให้ไปหาวัตถุดิบทันที ซึ่งโซมะดูจะอึ้งกับการแสดงออกของพี่น้องคู่นี้ไม่น้อย จนเมกุมิต้องพูดฉุดให้โซมะรีบไปหาวัตถุดิบมาเหมือนกัน
-ตัดกลับไปทางบรรดานักเรียนตัวประกอบ หลายคนบ่นว่าจับอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จนต้องถูกอีกคนปรามว่านายน่ะทำเสียงดังไปแล้วปลาเลยหนีหายไปหมด อีกกลุ่มก็บอกว่าให้ลองทำกินคู่เมอร์นิเย่ซอสดูสิ แต่ก็โดนขัดออกไปว่าเราไม่มีแป้งสาลีนะ (เมอร์นิเย่ซอส คือซอสในอาหารฝรั่งเศษที่มักทำ/ใช้ทานคู่กับปลาชุบแป้ง(แต่ในอาหารญี่ปุ่นก็มีใช้บ้าง) ทำโดยการใช้ส่วนผสมหลักๆคือ เนยเหลว วูสเตอร์ซอส(ซอสที่หมักจากปลาแอนโชวี่มีรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู กรรมวิธีการทำคล้ายๆกับน้ำปลาบ้านเรานั้นแหละแต่รสเปรี้ยว)แล้วก็มะนาว บางสูตรอาจใส่พาสเล่ห์ลงไปด้วย) ส่วนอีกกลุ่มก็คุยกันว่า พวกเขาน่าจะหาพวกหน่อไม้อะไรพวกนี้มาใช้งาน แต่อีกคนก็ตอบว่าเขาดูจนทั่วแล้วแต่ไม่เห็นจะเจอเลย(ตรงนี้มีภาพโชว์ว่าหน่อไม้มันขึ้นอยู่ใต้ขาสองคนนี้แต่ตาถั่วไม่เห็นกันเอง) ส่วนฮินาโกะที่เฝ้าดูสถานการณ์พร้อมกับจิบชาแล้วก็กินขนมอยู่นั้นก็คิดขึ้นมาในใจว่า ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ มนุษย์เรามักจะสับสนและกระสับกระส่ายทำอะไรไม่ถูก ความคิดความอ่านก็จะตีบตันและสุดท้ายก็จะเลือกตัวเลือกที่ผิด การทดสอบนี้เป็นการวัดทักษะอย่างหนึ่ง คนครัวที่ตกลงไปในหลุมของความสับสนและความลุกลี้ลุกลนแบบนี้ ไม่จำเป็นสำหรับโทซึกิ (ประโยคนี้หน้าเจ๊แกโฉดมาก)
-ตัดกลับมาทางด้านเมกุมิกับโซมะ เมกุมิกำลังลุกลี้ลุกลนส่วนโซมะนั่งตกปลาแบบสบายใจอยู่ เมกุมิก็พูดออกมาว่า เราต้องรีบหาวัตถุดิบให้ได้แล้วเริ่มลงมือทำอาหารให้เร็วที่สุด แล้วเราจะทำอะไรดีล่ะ โซมะคุง? ซึ่งโซมะก็ไม่ตอบเมกุมิเลยไซ้ต่อว่า ถ้าบางทีเรามีปลาอิวานะหรือปลานิจิมาซึ(ปลาเทราต์สายรุ้ง)เราอาจจะเอาไปย่างเกลือหรือต้มกับโชยุ แล้วเราก็ต้องคิดถึงเรื่องการตกแต่งด้วย...บางทีเราน่าจะหาพืชป่าหรืออะไรสักอย่างมาใช้ โซมะเลยเอ่ยถามเมกุมิกลับไปว่า แต่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าไอ้ที่เธอพูดเนี่ยใครๆเขาก็ทำกัน บางทีเราน่าจะคิดกันอีกนิด ซึ่งโซมะก็โดนเมกุมิบ่นใส่ว่า "เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะโซมะคุง ยังไงก็ตามเราต้องรีบทำอาหารให้เสร็จ" แต่จนแล้วจนรอด ดูเหมือนโซมะก็จะไม่สนใจที่เมกุมิพูด โซมะนึกหน้าอาจารย์ฮินาโกะที่พูดขึ้นมาว่าให้ใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้จากที่นี้แล้วก็ครุ่นคิด
-ในที่สุดโซมะก็สามารถจับปลามาได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเมกุมิจะดีอกดีใจ ในระหว่างที่กลับมาที่อาคาร โซมะก็เจอเข้ากับสองพี่น้องที่มาท้าเขาพอดี แน่นอนว่าโซมะก็แกล้งแหย่เรื่องหน้าแตกไปหนึ่งดอก จนต้องโดนคนพี่ตวาดกลับมาว่าให้หยุดพูดเดี้ยวนี้เลยนะ เมื่อเข้ามาที่ครัว คนพี่ที่มองไปรอบๆก็เอ่ยออกมาว่า พวกนายใช้ปลาทำอาหารกันหมดเลยเหรอ? ปลาเป็นหนึ่งในหลายเมนูของอาหารญี่ปุ่นก็จริง แต่ไม่คิดว่ามันซ้ำซากหรือมันเดิมๆไปงั้นหรือ? โซมะได้ยินแบบนั้นเลยถามคนพี่กลับไปว่าแล้วนายล่ะใช้อะไร ซึ่งคนพี่ก็โชว์วัตถุดิบของตัวเองให้ดูแล้วเอ่ยออกมาว่า"นายรู้ใช่ไหมว่านี้คืออะไร?"ซึ่งสิ่งที่คนพี่โชว์ให้โซมะเห็นก็คือ Aigamo (เป็ดลูกครึ่งระหว่างนกเป็ดน้ำกับเป็ดญี่ปุ่น)
-แน่นอนว่าโชว์ของแปลกแบบนี้ทั้งหมดก็อึ้งกันเป็นธรรมดา แต่คนพี่ยังบอกอีกว่าที่นี้น่ะไม่ได้มีแต่เป็ดหรอกนะ ยังมีทั้งกระต่ายแล้วก็ไก่อีกด้วย น่าเสียดายจริงๆที่พวกนายไม่ตั้งใจตามหากันให้ดีกว่านี้ ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็เจ็บใจเพราะเหมือนสองคนนั้นจะมีตัวเลือกอื่นนอกเหนือจากปลา แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าฮินาโกะจะมีเกณฑ์การตัดสินแบบไหน ในตอนนั้นเองคนพี่ก็เข้ามาหาโซมะแล้วเอ่ยว่านายกำลังขวางทางฉันอยู่พร้อมกับจับไหล่โซมะให้ถอยออกไป ตอนนั้นเองโซมะก็สังเกตเห็นรอยแผลมากมายที่มือของคนพี่ทำเอาโซมะถึงกับนิ่งไปเลยจนเมกุมิต้องถามโซมะว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นรึเปล่า ทางด้านสองพี่น้องคนพี่ก็เริ่มสั่งคนน้องให้จัดการวัตถุดิบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดหนังและแล่ส่วนต่างๆทันที
-ว่าแล้วคนน้องก็เริ่มทำการชำแหละเป็ดทันที จนเมกุมิที่ดูอยู่ถึงกับทึ่งในความรวดเร็ว เพราะคนน้องเล็งตัดออกมาเฉพาะส่วนอกและขา แถมยังกรีดตัดได้อย่างดีแม้แต่พุงเองก็ยังไม่ต้องผ่าเปิดออกจนหมด (สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ การแล่เนื้อสัตว์ปีกโดยรวมๆถ้าจะให้ตัดได้ง่ายๆเนี่ย เริ่มจากการตัดคอกับเท้าออกก่อน หลังจากนั้นให้ผ่าเปิดบริเวณท้องแล้วจับกางให้แผ่ออก จะง่ายและสะดวกต่อการตัดพวกน่อง ปีกแล้วก็อกครับ) เมกุมิเห็นแบบนี้ก็ถึงกับอึ้งไปเลยพร้อมกับคิดว่าทักษะมีดที่แม่นยำขนาดนี้มันอะไรกัน ส่วนคนน้องเห็นเมกุมิมาจ้องใหญ่ก็เลยสงสัยว่าเมกุมิอยากได้อะไรรึเปล่าซึ่งเมกุมิก็ลนลานตอบกลับไปว่า เปล่าแต่เธอแค่ตกใจที่เจอคนที่ใช้มีดได้เก่งและตัดแบ่งส่วนสัตว์ปีกได้เร็วขนาดนี้ ซึ่งคนน้องได้ยินดังนั้นเลยตอบออกไปว่า พี่ชายฉันนะทำเร็วกว่าฉันตั้งสามเท่าเชียวนะ
-ว่าแล้วหน้าถัดไปก็โชว์สกิลของคนพี่ทันที เริ่มจากการกรีดหนังเป็ดที่ติดอยู่บนอก(ทำไปเพื่อให้ความร้อนผ่านเข้าได้+ทำให้เกิดลายสวยงาม)จากนั้นนำไปหมักใน(น่าจะ)เกลือแล้วก็โรยพริกไทยลงไป จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนและนำเอาอกเป็ดไปไปPan Fry(การทอดโดยใช้น้ำมันน้อยมากๆไม่ต่างจากการย่างบนกระทะสักเท่าไร จากในรูป คนพี่เอาส่วนหนังเป็ดคว่ำลงให้ติดกับกระทะ คาดว่าทำไปเพื่อให้มันในหนังเป็ดไหลเยิ้มออกมา แล้วเก็บส่วนนั้นไว้สำหรับใช้ทำซอส)
-เมกุมิที่ดูการทำงานอยู่ถึงกับอึ้งที่อีกฝ่ายทำต่อเนื่องไปโดยไม่มีหยุดอย่างคล่องแคล้วแถมการเคลื่อนไหวทุกอย่างไม่มีส่วนไหนที่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอสงสัยเลยว่าหมอนี่เป็นใครกัน ซึ่งโซมะเองที่ดูอยู่ก็เอ่ยออกมาว่า ไม่แปลกใจเลยที่หมอนี้ทำได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งเมกุมิก็สงสัยแต่โซมะตอบไปว่า แค่ดูมือของหมอนั้นก็รู้แล้วล่ะ
-หลังจากนั้นคนพี่ก็ได้ทา(น่าจะ)น้ำผึ้งลงไปบนหนังเป็ดเพื่อเพิ่มความเงาให้กับชิ้นเนื้อ ก่อนจะนำเข้าไปใส่เตาอบ
คนพี่ - ฟอรูโน่...อันเชนเดเร... (เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่าจุดเตาหรือจุดไฟ)
-ว่าแล้วไฟที่เตาอบก็สว่างวาป สองพี่น้องหันกลับมาหาโซมะแล้วก็เมกุมิก่อนที่จะเอ่ยว่า
คนพี่ - ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ...
คนพี่ - ชื่อของผมคือ ทาคุมิ อัลดินี่
ทาคุมิ - ส่วนนี้คือน้องชายฝาแฝดของผม อิซามิ อัลดินี่
ทาคุมิ - พวกเราทำงานอยู่ในครัวของตรัตโตเรียที่บ้านเกิดน่ะ
เมกุมิ - ตรัตโตเรีย?
ทาคุมิ - มันเป็นภาษาอิตาลี่มีควาหมายว่า "ร้านอาหารที่มีจำนวนมากน่ะ"
-ว่าแล้วทาคุมิก็หันไปหาโทมะแล้วโชว์บางอย่างที่แขนเสื้อของเขาให้โทมะดู
ทาคุมิ - ฉันก็เหมือนนาย ยูกิฮิระ
ทาคุมิ - เป็นพ่อครัวที่ต่อสู้เพื่อปกป้องร้านอาหารของครอบครัว
ว่าแล้วภาพก็ซูมไปที่แขนเสื้อของทาคุมิ..."ตรัตโตเรีย อัลดินี่"
-หลังจากนั้นทาคุมิก็เอ่ยต่อออกไปว่า
ทาคุมิ - นายเคยพูดสินะว่า "ไม่คิดจะแพ้คนที่ไม่เคยยืนอยู่ต่อหน้าลูกค้า"
ทาคุมิ - ลองพูดอีกรอบหลังเอาชนะฉันให้ได้สิ
ทาคุมิ - ระหว่างอัลดินี่หรือยูกิฮิระ ฉันจะโชว์ให้นายได้เห็น...
ทาคุมิ - ว่าฉันนี้แหละที่จะเหนือกว่า!
โซมะ - เห...น่าสนุกดีนิ
ว่าแล้วโซมะก็หยิบผ้าขึ้นมาพันคาดหัวทันที
โซมะ - เข้ามาเลย!! (ว่าแล้วก็หันหลังโชว์ตราร้านยูกิฮิระมาประชันกับทาคุมิ)
------------------------------
อาทิตย์หน้า หน้าสีต่ออีกฉบับ (พรีวิวเล่มนี้บอกว่า เล่มหน้าโซมะจะทำเทมปุระ?)
ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีเซอร์วิสใดๆ แต่ได้อารมณ์การ์ตูนเด็กผู้ชายเต็มๆ อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วสิ (หรือว่าส่วนใหญ่จะสนกันแต่เซอร์วิสหว่า...)
อนึ่ง ตอนนี้ผมเสริมความรู้ด้านการทำอาหาร+โภชนาการเข้าไปเพิ่มด้วย (ผมค่อนข้างยอมรับว่า วิธีการทำอาหารเรื่องนี้+อาหารสมจริงมากๆ และเป็นจุดหลักที่ทำให้ผมชอบเรื่องนี้เลยแต่วิธีการทำหรือการอธิบายค่อนข้างจะมีน้อย ถ้าไม่ได้ศึกษาด้านนี้หรือชอบการทำอาหารแล้ว แทบจะไม่รู้เลยว่าตัวละครแต่ละตัวทำสิ่งนั้นๆกันไปเพื่ออะไร)
แล้วก็เช่นเคยครับ ผิดหรือพลาดตรงไหนโปรดทักท้วงมาได้เลยครับผม