สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
1. เมื่อได้งาน ให้เช่าห้องพักราคาถูก และไม่ไกลจากที่ทำงานมากนักอยู่ก่อน ให้เวลากะตัวเองซัก 2 ปี สำรวจความมั่นคงของบริษัท และมั่นใจได้ว่าบริษัทแข็งแกร่ง ไม่ปิดกิจการแน่ๆ (หากต้องการรวบรัด ให้อ่านต่อข้อ 6)
2. ปีที่ 3-5 ( อายุ 25-27) เก็บเงินไปดาวน์คอนโดอยู่ เอาที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ จะได้ไม่ต้องจ่าย 2 เด้ง ทั้งค่าเช่าห้อง ทั้งผ่อนดาวน์คอนโด (เดี๋ยวนี้มีเยอะ คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ อาจเป็นคอนโดมือสอง อาจอยู่ไกลสักหน่อย แต่พอรับไหวในการเดินทาง)
3. ผ่อนคอนโดไปเรื่อยๆ อยู่ไปเรื่อยๆ ( อายุ 30-33) เลือกผ่อนยาวๆ ไว้ก่อนซัก 15-20 ปีไรเงี้ยะ (ถ้ามีมากพอค่อยผ่อนมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด) ไม่ต้องรีบ เหลือไว้เป็นเงินออมเวลาฉุกเฉินบ้าง ซึ่งช่วงเวลาชักหน้าไม่ถึงหลังนี้เป็นกันทุกคน และคุณก็ไม่รอดแน่ๆ อย่าประมาท เชื่อผม
4. เมื่อเงินออมมากพอ ให้ไปดาวน์ทาวน์เฮ้าส์ เมื่อทาวน์เฮ้าส์ใหม่ใกล้เสร็จพร้อมอยู่ได้แล้ว ให้ขายคอนโดที่ซื้อมาในตอนแรกออกไป (การขาย ต้องเผื่อเวลาไว้ประมาณ 3-4 เดือน ก่อนทาวน์เฮ้าส์จะเสร็จพร้อมอยู่) แค่นี้คุณจะมีเงินเหลือจากการขายคอนโด เหมือนได้อยู่คอนโดฟรีๆ ตั้งหลายปี เจ๋งมั๊ย
5. นำเงินที่ขายคอนโดได้ไปตกแต่งบ้าน แอร์ ตู้เย็น ต่อครัวหลังบ้าน ปูกระเบื้องหน้าบ้าน ทำกันสาด ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ ฯลฯ
6. หากต้องการมีบ้านเร็ว ไม่ต้องซื้อคอนโด ให้หาบ้านมือสองสภาพใหม่ อยู่อาศัยมาไม่เกิน 5 ปี ดูหลายๆ ที่ ใจเย็นๆ
หาทำเลหมู่บ้านที่อยากไปอยู่ ดูในเน็ตก่อนก็ได้...สืบราคาบ้านแถวนั้น กำหนดราคาไว้ในใจ แล้วไปดูให้เห็นกับตา...บ้านที่ลงประกาศขายอย่าเพิ่งรีบซื้อ ให้ตระเวนดูทั้งหมู่บ้านในละแวกนั้นเสียก่อน เชื่อว่าน่าจะหาบ้านได้ในราคาและทำเลที่ดีกว่าที่ดูในเน็ตมา แม้จะเป็นหมู่บ้านเดียวกันก็ตาม
7. ที่ให้หาบ้านมือสองสภาพดี เพราะประหยัดได้หลายอย่างเช่น มุ้งลวด เหล็กดัด ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แทงก์น้ำ แอร์ โทรศัพท์ ครัวที่ต่อเติมแล้ว ที่จอดรถมีหลังคา กันสาด จานดาวเทียม สวนหย่อม ม้านั่งหินอ่อน ฯลฯ ประหยัดไปได้อีกโข ซึ่งเท่าที่มีประสบการณ์ เจ้าของบ้านเดิมจะไม่เอาไปด้วย อีกทั้งยังจะได้สำรวจรอยทรุด รอยร้าวของบ้านได้อีกทางหนึ่ง เจ๋งป่ะล่ะ
8. ก่อนตกลงซื้อ ควรถามประวัติคร่าวๆ ของบ้านที่จะซื้อไว้บ้าง (อาจถามจากร้านค้าในหมู่บ้านเพิ่มเติม) เจอบ้านที่มีเจ้าที่แรงๆ หรืออื่นๆ อาจทำให้อยู่แล้วไม่มีความสุขนะคับ
9. บ้านมือสอง แบงค์จะให้กู้ประมาณ 80% ของราคาซื้อขายเท่านั้น เช่น ซื้อบ้านราคา 1 ล้าน แบงก์จะให้กู้แค่ 8 แสน...อีก 2 แสนต้องจ่ายให้กับเจ้าของบ้านเอง เป็นต้น ฉะนั้นเวลาจะกู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้าน จะต้องขอกู้ให้มากกว่าราคาซื้อขายจริงเป็น 1,300,000 บาท ..... 80% ของหนึ่งล้านสามแสนบาท จะเท่ากับ ( 1,300,000 x 80 หาร 100) = 1,040,000.- เกินราคาบ้านมาสี่หมื่น....สี่หมื่นนั่นแหละไว้เอามาจ่ายเป็นค่าโอน....ค่านิติกรรม....ค่าโอนมิเตอร์น้ำ...มิเตอร์ไฟ...ฯลฯ บางทีคุณแทบไม่ต้องจ่ายซักบาทเมื่อซื้อบ้านมือสอง ไปเริ่มผ่อนบาทแรกได้เลยในเดือนหน้า แต่ถ้าคุณคิดจะกู้แค่ 8 แสน ก็ซื้อเช็คเงินสดสองแสนที่ยังขาดอยู่ให้เจ้าของบ้านไปเลยครับ ถ้าเป็นผม...สองแสน....เก็บไว้ก่อนก็ดีนะ
10. การซื้อบ้านมือสองควรปรึกษาโบรกเกอร์ที่ซื้อขายบ้านจะสะดวกกว่ามาก แลกกับค่าธรรมเนียมดำเนินการไม่กี่พัน เพราะโบรกเกอร์เหล่านี้จะช่วยดูแลเอกสารทุกอย่าง อีกทั้งยังสามารถช่วยคุยกับแบงก์ให้เปิดวงเงินส่วนที่เกินได้ แทนที่จะได้แค่ 8 แสน คุณกลับได้ล้านสี่หมื่น ถือว่า COVER ค่าบ้านทั้งหมด รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับกรมที่ดินได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอเป็นวันๆ แค่รอเซ็นต์อย่างเดียว
วิธีการในข้อ 9 และ 10 ทำได้เพราะปรึกษาโบรกเกอร์นะครับ ไม่เช่นนั้น ผมคงต้องจ่ายเจ้าของบ้านอีกสองแสนที่ขาดอยู่แน่ๆ เคยแล้ว...เดินดุ่ยๆ เข้าไปกู้แบงก์เอง ไม่มีแบงก์ไหนให้วงเงินกู้แก่ผมเกินค่าบ้านซักแบงก์เลย เอกสารมาไง ไปงั้น...กู้ 1 ล้าน ก็ได้แปดแสนตามกฎค่ะ ไม่มีพลิกแพลงใดๆ เลย จนมาปรึกษาโบรกเกอร์นี่แหละ ที่พูดมานี่...ผมไม่ได้เป็นโบรกเกอร์นะทั้งหมดคือประสบการณ์ล้วนๆ ไว้ให้รุ่นน้องไว้อ่านประกอบการตัดสินใจ
แต่ละคนมีความพร้อมไม่เหมือนกัน ขอให้ทุกคนโชคดี มีบ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทุกๆ คน จะเล็กจะใหญ่ ขอให้อยู่แล้วมีความสุข และสบายใจก็เพียงพอแล้วสำหรับช่วงชีวิตหนึ่ง ขอโทษด้วยนะที่พิมพ์ซะยาวเลย ขอโทษอีกครั้งที่ต้องทนอ่านนะครับ
sorachai_mong@yahoo.com
2. ปีที่ 3-5 ( อายุ 25-27) เก็บเงินไปดาวน์คอนโดอยู่ เอาที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ จะได้ไม่ต้องจ่าย 2 เด้ง ทั้งค่าเช่าห้อง ทั้งผ่อนดาวน์คอนโด (เดี๋ยวนี้มีเยอะ คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ อาจเป็นคอนโดมือสอง อาจอยู่ไกลสักหน่อย แต่พอรับไหวในการเดินทาง)
3. ผ่อนคอนโดไปเรื่อยๆ อยู่ไปเรื่อยๆ ( อายุ 30-33) เลือกผ่อนยาวๆ ไว้ก่อนซัก 15-20 ปีไรเงี้ยะ (ถ้ามีมากพอค่อยผ่อนมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด) ไม่ต้องรีบ เหลือไว้เป็นเงินออมเวลาฉุกเฉินบ้าง ซึ่งช่วงเวลาชักหน้าไม่ถึงหลังนี้เป็นกันทุกคน และคุณก็ไม่รอดแน่ๆ อย่าประมาท เชื่อผม
4. เมื่อเงินออมมากพอ ให้ไปดาวน์ทาวน์เฮ้าส์ เมื่อทาวน์เฮ้าส์ใหม่ใกล้เสร็จพร้อมอยู่ได้แล้ว ให้ขายคอนโดที่ซื้อมาในตอนแรกออกไป (การขาย ต้องเผื่อเวลาไว้ประมาณ 3-4 เดือน ก่อนทาวน์เฮ้าส์จะเสร็จพร้อมอยู่) แค่นี้คุณจะมีเงินเหลือจากการขายคอนโด เหมือนได้อยู่คอนโดฟรีๆ ตั้งหลายปี เจ๋งมั๊ย
5. นำเงินที่ขายคอนโดได้ไปตกแต่งบ้าน แอร์ ตู้เย็น ต่อครัวหลังบ้าน ปูกระเบื้องหน้าบ้าน ทำกันสาด ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ ฯลฯ
6. หากต้องการมีบ้านเร็ว ไม่ต้องซื้อคอนโด ให้หาบ้านมือสองสภาพใหม่ อยู่อาศัยมาไม่เกิน 5 ปี ดูหลายๆ ที่ ใจเย็นๆ
หาทำเลหมู่บ้านที่อยากไปอยู่ ดูในเน็ตก่อนก็ได้...สืบราคาบ้านแถวนั้น กำหนดราคาไว้ในใจ แล้วไปดูให้เห็นกับตา...บ้านที่ลงประกาศขายอย่าเพิ่งรีบซื้อ ให้ตระเวนดูทั้งหมู่บ้านในละแวกนั้นเสียก่อน เชื่อว่าน่าจะหาบ้านได้ในราคาและทำเลที่ดีกว่าที่ดูในเน็ตมา แม้จะเป็นหมู่บ้านเดียวกันก็ตาม
7. ที่ให้หาบ้านมือสองสภาพดี เพราะประหยัดได้หลายอย่างเช่น มุ้งลวด เหล็กดัด ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แทงก์น้ำ แอร์ โทรศัพท์ ครัวที่ต่อเติมแล้ว ที่จอดรถมีหลังคา กันสาด จานดาวเทียม สวนหย่อม ม้านั่งหินอ่อน ฯลฯ ประหยัดไปได้อีกโข ซึ่งเท่าที่มีประสบการณ์ เจ้าของบ้านเดิมจะไม่เอาไปด้วย อีกทั้งยังจะได้สำรวจรอยทรุด รอยร้าวของบ้านได้อีกทางหนึ่ง เจ๋งป่ะล่ะ
8. ก่อนตกลงซื้อ ควรถามประวัติคร่าวๆ ของบ้านที่จะซื้อไว้บ้าง (อาจถามจากร้านค้าในหมู่บ้านเพิ่มเติม) เจอบ้านที่มีเจ้าที่แรงๆ หรืออื่นๆ อาจทำให้อยู่แล้วไม่มีความสุขนะคับ
9. บ้านมือสอง แบงค์จะให้กู้ประมาณ 80% ของราคาซื้อขายเท่านั้น เช่น ซื้อบ้านราคา 1 ล้าน แบงก์จะให้กู้แค่ 8 แสน...อีก 2 แสนต้องจ่ายให้กับเจ้าของบ้านเอง เป็นต้น ฉะนั้นเวลาจะกู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้าน จะต้องขอกู้ให้มากกว่าราคาซื้อขายจริงเป็น 1,300,000 บาท ..... 80% ของหนึ่งล้านสามแสนบาท จะเท่ากับ ( 1,300,000 x 80 หาร 100) = 1,040,000.- เกินราคาบ้านมาสี่หมื่น....สี่หมื่นนั่นแหละไว้เอามาจ่ายเป็นค่าโอน....ค่านิติกรรม....ค่าโอนมิเตอร์น้ำ...มิเตอร์ไฟ...ฯลฯ บางทีคุณแทบไม่ต้องจ่ายซักบาทเมื่อซื้อบ้านมือสอง ไปเริ่มผ่อนบาทแรกได้เลยในเดือนหน้า แต่ถ้าคุณคิดจะกู้แค่ 8 แสน ก็ซื้อเช็คเงินสดสองแสนที่ยังขาดอยู่ให้เจ้าของบ้านไปเลยครับ ถ้าเป็นผม...สองแสน....เก็บไว้ก่อนก็ดีนะ
10. การซื้อบ้านมือสองควรปรึกษาโบรกเกอร์ที่ซื้อขายบ้านจะสะดวกกว่ามาก แลกกับค่าธรรมเนียมดำเนินการไม่กี่พัน เพราะโบรกเกอร์เหล่านี้จะช่วยดูแลเอกสารทุกอย่าง อีกทั้งยังสามารถช่วยคุยกับแบงก์ให้เปิดวงเงินส่วนที่เกินได้ แทนที่จะได้แค่ 8 แสน คุณกลับได้ล้านสี่หมื่น ถือว่า COVER ค่าบ้านทั้งหมด รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับกรมที่ดินได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอเป็นวันๆ แค่รอเซ็นต์อย่างเดียว
วิธีการในข้อ 9 และ 10 ทำได้เพราะปรึกษาโบรกเกอร์นะครับ ไม่เช่นนั้น ผมคงต้องจ่ายเจ้าของบ้านอีกสองแสนที่ขาดอยู่แน่ๆ เคยแล้ว...เดินดุ่ยๆ เข้าไปกู้แบงก์เอง ไม่มีแบงก์ไหนให้วงเงินกู้แก่ผมเกินค่าบ้านซักแบงก์เลย เอกสารมาไง ไปงั้น...กู้ 1 ล้าน ก็ได้แปดแสนตามกฎค่ะ ไม่มีพลิกแพลงใดๆ เลย จนมาปรึกษาโบรกเกอร์นี่แหละ ที่พูดมานี่...ผมไม่ได้เป็นโบรกเกอร์นะทั้งหมดคือประสบการณ์ล้วนๆ ไว้ให้รุ่นน้องไว้อ่านประกอบการตัดสินใจ
แต่ละคนมีความพร้อมไม่เหมือนกัน ขอให้ทุกคนโชคดี มีบ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทุกๆ คน จะเล็กจะใหญ่ ขอให้อยู่แล้วมีความสุข และสบายใจก็เพียงพอแล้วสำหรับช่วงชีวิตหนึ่ง ขอโทษด้วยนะที่พิมพ์ซะยาวเลย ขอโทษอีกครั้งที่ต้องทนอ่านนะครับ
sorachai_mong@yahoo.com
แสดงความคิดเห็น
เพื่อนๆทำงานเก็บเงินกันนานแค่ไหนถึงเริ่มซื้อบ้านคะ?
ของเราเก็บเงินก้อนก่อนซื้อได้ประมาณ 50% ของราคา ผ่อน+โปะแหลกตลอด 4 ปีเลยล่ะค่ะ
ช่วงที่เราโหมทำงานหาเงิน มีหลายคนทักว่าเรารีบซื้อมากเกินไป อายุยังน้อยอยู่ น่าจะรอให้ฐานะมั่นคงกว่านี้ก่อน
แต่เราเห็นว่าที่บ้านตอนนั้นพ่อแม่ยังแข็งแรง ยังทำงานได้ปกติ ทางบ้านเราบอกว่าค่อยส่งเงินมาตอนหลังเกษียณละกัน
เราเห็นว่าตอนนั้นยังไม่มีภาระอื่น เป็นโอกาสที่ดีก็เลยจัดเต็มไปเลยน่ะค่ะ มาถึงตอนนี้ยิ้มออก+โล่งไปเลยค่ะ
สำหรับเรา เราคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าพอใจมากๆค่ะ ดีแล้วที่ไม่เปลี่ยนใจไปซะก่อน
เพื่อนเราบางคนกำลังจะเริ่มซื้อบ้านค่ะ ส่วนใหญ่มีต้นเหตุจากการวางแผนว่าจะแต่งงานแล้วน่ะค่ะ
มีหลายคนที่ซื้อตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงานไม่นาน จากนั้นก็มีปัญหาผ่อนไม่ไหว ขายต่อ+โดนแบงค์ยึดไปก็หลายราย
บางคนซื้อตอนอายุเริ่มเยอะ มีลูก มีส่งให้พ่อแม่ ผ่อนรถ ฯลฯ หลายคนก็มีปัญหาเรื่องการผ่อนให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ปัญหาคือ พอเราผ่อนหมด คนในที่ทำงานเลยมาขอคำแนะนำกันให้เพียบ มีสภาพเป็นเหมือนที่ปรึกษาของคนที่กำลังจะซื้อบ้านเลยค่ะ
รุ่นน้องก็ชักอยากรีบซื้อบ้าง จะได้ผ่อนหมดเร็วๆก่อนจะมีภาระอื่น รุ่นพี่ก็ชักอยากซื้อบ้าง ประมาณว่าเราเป็นรุ่นน้อง+เป็นผู้หญิงยังทำได้เลย
แต่เราไม่กล้าให้คำแนะนำน่ะค่ะ ความรู้จริงๆด้านนี้เราไม่มีเลย กลัวจะไปแนะนำผิดๆเข้าให้อีก แต่ถ้าไม่แนะนำเขามันก็คงไม่ดีเหมือนกัน
ก็เลยอยากรู้ของเพื่อนๆบ้างน่ะค่ะว่าอายุ-อายุงาน-เงินเก็บก่อนซื้อ-ซื้อ+ผ่อนบ้านกันยังไงบ้าง แล้วมีปัญหาในระหว่างการผ่อนไหมคะ?
หรือขอเป็นคำแนะนำก็ได้ค่ะว่า กรณีไหนที่ควรหรือไม่ควรที่จะซื้อบ้านน่ะค่ะ จะได้เก็บเป็นข้อมูลไว้แนะนำคนที่มาถามได้น่ะค่ะ
ปล. ตอนนี้เป็นการให้คำแนะนำแบบมั่วๆ ลุ่มๆดอนๆ เอาความคิดตัวเองเป็นหลักเลยค่ะ ผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้