ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณว่า วงการฟุตบอลกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
หากให้เอ่ยชื่อผู้สมัครแต่ละท่าน ก็คงเป็นชื่อที่พวกเราคุ้นเคยกันอยู่บ้างแล้ว แต่ชื่อที่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นชื่อผู้ชายคนนี้ 'พินิจ งามพริ้ง'
ผมเชื่อว่าแฟนบอลไทยส่วนใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก 'พินิจ งามพริ้ง' แน่ๆ เพราะผู้ชายคนนี้ คือ ผู้พลิกประวัติศาสตร์การเชียร์บอลไทยอย่างจริงจังมาแล้ว เขาคนนี้แหล่ะ คือ ผู้ก่อตั้งชมรม 'เชียร์ไทย' และ เว็บไซต์ Cheerthai.com (ปี 2544) โดยจัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มแฟนบอลชาวไทย ภายใต้สโลแกนสุดฮิต 'บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด'
ทีมงาน HIKICKER รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้สัมภาษณ์พี่พินิจ (ขออนุญาติเรียก 'พี่' นะครับ) และพี่พินิจเองนั้น ก็ให้ความร่วมมือกับทางเราเป็นอย่างดี ตอบได้ชัดเจน ตรงประเด็นทุกคำถาม ดังนั้นผมขออนุญาติแบ่งปันบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจอันนี้ให้กับเพื่อนๆ ได้รู้จักกับพี่พินิจกันให้มากขึ้น
บทสัมภาษณ์ ระหว่าง ทีมงาน HIKICKER และ พี่พินิจ งามพริ้ง มีดังนี้...
HIKICKER : หากคุณ ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ สิ่งแรกที่คุณจะเริ่มต้นทำ คืออะไร?
พินิจ งามพริ้ง : "ปัญหาในสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องทำหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการวางระบบการบริหาร เพราะปล่อยประละเลยมานาน สิ่งแรกที่จะต้องเริ่มต้นทำ คือ เรื่องของ 'ความโปร่งใส' นั่นคือ ต้องมีระบบบัญชีที่ตรวจสอบได้โดยสาธารณะ มีการเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่มีอะไรปิดกั้น เพราะความโปร่งใสตลอดจน 'ธรรมาภิบาล' นั่นเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากแฟนบอลและผู้คนทั่วไป (ตามนโยบายเรื่องการบริหารและความโปร่งใส) นอกจากนี้ จะต้องมีการนำระบบบริหารข้อมูลที่เป็นออนไลน์มาใช้บริหาร และการจัดการแข่งขันจัดหาคนที่เปิดกว้างและเหมาะสมกับงาน แฟนฟุตบอลและคนในวงการฟุตบอลหลายคนมีความสามารถจะเชิญมาร่วมงานด้วย การวางรากฐานด้านเยาวชน จะต้องเริ่มทำควบคู่กันไป โดยคัดสรรและแต่งตั้งผู้ชำนาญพิเศษทำการดูแลเรื่องแบบฝึกเยาวชนที่เป็นหนึ่งเดียว และเพื่อกระจายเครือข่ายไปทั่วประเทศ"
HIKICKER : คุณคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน ถึงแม้โอกาสมันจะดูยาก?
พินิจ งามพริ้ง : "ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็คงไม่ถึงกับตีโพยตีพาย ในความเห็นของผม ฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกันมาก ดังนั้นการจะบริหารให้ถูกใจแฟนบอล จำเป็นต้องใช้คนรุ่นใหม่ หมายถึง ต้องสลัดกรอบความคิดเดิมๆ ออกไป ควรเลิกทำงานแบบหวังตำแหน่งแต่ไม่ทำอะไร หรือใช้เสื้อสูททำงาน ควรทำงานด้วยหัวสมอง ด้วยความคิด ความตั้งใจและความรับผิดชอบต่อผลงานที่ทำ อย่างไรก็ตามบ้านเราให้โอกาสคนรุ่นใหม่ค่อนข้างน้อย ผมให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ เขาฮือฮากัน เพราะเป็นแฟนบอลที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องกระโดดลงมาแข่งเอง แต่เมืองไทยคนมักจะบอกว่าผมไม่มี 'บารมี' ผมเลยถามกลับไปว่าบารมี คือ การต้องปิดบังความผิดในอดีตเก่าๆ แล้วเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ ถ้าอย่างงั้นเรียกว่า บารมี ในความหมายแบบไทยๆ ผมขอไม่มีบารมีจะดีกว่า"
HIKICKER : เหตุผลที่คุณลงสมัครตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ คือ อะไร และคุณคิดว่า ทำไมคุณถึงควรได้ตำแหน่งนี้?
พินิจ งามพริ้ง : "เหตุผลที่ผมลงสมัคร ก็ไม่มีอะไร มันมีความคิด มันมีความอัดอั้น ผมทำกองเชียร์ทีมชาติไทย ช่วยสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ ในการเชียร์ฟุตบอล ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กระตุ้นให้คนมาดูบอลไทย คิดหัวแทบจะระเบิด ว่าจะทำอย่างไรให้คนมาคลั่งไคล้บอลไทย แต่สุดท้ายต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาคมฯ แล้วคุณวรวีร์มาบอกว่าเขาเป็นคนทำลีกอาชีพ โถ่! ใครๆ ก็รู้ ถ้าไม่ถูกเอเอฟซีบังคับพวกเขาก็ยังคงคิดกันไม่ออก ที่จริงความต้องการมันมีมานานแล้วจากการช่วยกันกระตุ้นของแฟนบอล มันถึงได้มีคนดูที่เยอะขึ้น แต่ตอนนี้สมาคมฯ กำลังจะทำลายเพราะไม่ได้มีการวางการแก้ปัญหาระยะยาว ในเรื่องความสามารถในการทำธุรกิจของสโมสรเล็กๆ ตรงนี้ผมบอกได้เลยว่า ยังไม่ยั่งยืน ใจจริงผม ผมไม่ได้อยากเป็นนายกสมาคมฯ หรอก เพราะการทำงานในตำแหน่งทางสังคมเพื่อส่วนรวมมันเป็นทุกขลาภ ถ้าคนที่ตั้งใจทำเพื่อนส่วนรวมเขาจะไม่อยากอยู่นาน แต่คนที่เขาอยากเป็นนานๆ ใครไล่ก็ไม่ไป เพราะมันมี จุด จุด จุด เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลง และสร้างบรรทัดฐานผู้นำใหม่กันเสียที"
HIKICKER : คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโค้ชทีมชาติ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน, ปัญหา และการแก้ไข ส่วนตัวแล้วคุณอยากได้โค้ชชาวไทย หรือต่างชาติ?
พินิจ งามพริ้ง : "ปัญหาเรื่องโค้ชทีมชาติ ผมว่ามันเกิดจากพวกเรามองว่าโค้ชต้องเป็นพระเจ้า ฟุตบอลเดี๋ยวนี้ไม่ได้แข่งแค่ในสนาม แต่แข่งที่ การเตรียมความพร้อมทุกอย่าง ในแผนงานของผม จะต้องมี 'Intelligence Unit' ทำงานการบ้านทั้งหมด เพื่อประสานงานโค้ช เช่น มีฐานข้อมูลนักฟุตบอลทั่วเอเชีย วิเคราะห์วิจัยว่าคนไหน จุดเด่น จุดด้อย เป็นอย่างไร แล้วเมื่อเราต้องเจอกับเขา จะแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้ ก่อนการแข่งขันในแต่ละนัด 1-3 เดือนต้องมีการ survey สถานที่จริง ในกรณีเตะนอกบ้าน สำรวจเรื่องความเสี่ยงทุกอย่างที่อาจจะมี เช่น สนามซ้อมไม่ได้มาตรฐาน การเดินทาง เวลาการแข่งขัน... ทั้งนี้เพื่อนนำมาใช้ในการเตรียมทีมให้เหมาะสม ถ้ามีการทำงานอย่างที่ว่าแล้ว โค้ชทีมชาติ จะไม่ต้องมาแบกภาระมากเหมือนอย่างปัจจุบัน ผมคิดว่าคนไทยก็ทำได้ เคารพและให้สิทธิเขา เขาไม่อยากได้เงินเเดือน เดือนละล้านเหมือนฝรั่งหรอก แต่คุณต้องให้เกียรติเขา แล้วเอาเงินส่วนต่างนั้นมาทำเรื่อง Intelligence Unit ให้มันถาวรไปเลย"
HIKICKER : ด้านการตลาด และ ศรัทธามหาชน 1 ใน 4 กลยุทธ์ของคุณคืออะไร อยากให้ช่วยอธิบายในเรื่องนี้?
พินิจ งามพริ้ง : "เรื่องการตลาด และ ศรัทธามหาชน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการพัฒนาฟุตบอลต้องใช้เงินมาก ถ้าไม่ศรัทธา สปอนเซอร์ก็เอาด้วยชั่วครั้งชั่วคราว ศรัทธาของแฟนบอลและจำนวนเงินจากสปอนเซอร์มันมีปฏิ
สัมพันธ์กัน ซึ่งก็ต้องย้อนไปเรื่องความโปร่งใสเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องการตลาด และ ศรัทธามหาชนนี้ ผมวางไว้ เราจะมีระบบเพื่อเปิดรับแฟนบอลให้เข้ามาเป็นเครือข่ายผู้สนับสนุน มีการสมัครสมาชิก จ่ายค่าสมาชิกปีละ 500 บาท ล้านคนก็ 500 ล้านบาท มีระบบบริหารข้อมูลสมาชิก ในทางธุรกิจเรียกว่า 'CRM (Customer Relation Management)' ได้รับข้อมูลข่าวสารเป็นประจำ ได้สิทธิพิเศษเป็นส่วนลด เราจะร่วมกับบริษัทห้างร้านจัดทำสินค้าตราทีมชาติไทยเพื่อขายและนำเงินเข้ามาบริหารจัดการ อันนี้นอกเหนือจากเงินสปอนเซอร์รายใหญ่ โดยสรุปเงินจะมาจาก 3 ส่วน คือ 1. ค่าสมาชิกรายบุคคล 2. รายได้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้า 3. สปอนเซอร์รายใหญ่ ทั้ง 3 ส่วนนี้ทุกคนจะได้ประโยชน์ และเงินก็จะนำมาพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างยั่งยืนและถาาวร"
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เป็นบทสัมภาษณ์ของ ผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมจะอุทิตนให้กับวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง... 'พินิจ งามพริ้ง'
บอส นิธิทัศน์
เครดิต :
http://www.hikicker.com/footballthai/news/articles/8238.html
พินิจ งามพริ้ง : จาก 'กองเชียร์' ก้าวสู่ 'ผู้ท้าชิง'
ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณว่า วงการฟุตบอลกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
หากให้เอ่ยชื่อผู้สมัครแต่ละท่าน ก็คงเป็นชื่อที่พวกเราคุ้นเคยกันอยู่บ้างแล้ว แต่ชื่อที่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นชื่อผู้ชายคนนี้ 'พินิจ งามพริ้ง'
ผมเชื่อว่าแฟนบอลไทยส่วนใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก 'พินิจ งามพริ้ง' แน่ๆ เพราะผู้ชายคนนี้ คือ ผู้พลิกประวัติศาสตร์การเชียร์บอลไทยอย่างจริงจังมาแล้ว เขาคนนี้แหล่ะ คือ ผู้ก่อตั้งชมรม 'เชียร์ไทย' และ เว็บไซต์ Cheerthai.com (ปี 2544) โดยจัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มแฟนบอลชาวไทย ภายใต้สโลแกนสุดฮิต 'บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด'
ทีมงาน HIKICKER รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้สัมภาษณ์พี่พินิจ (ขออนุญาติเรียก 'พี่' นะครับ) และพี่พินิจเองนั้น ก็ให้ความร่วมมือกับทางเราเป็นอย่างดี ตอบได้ชัดเจน ตรงประเด็นทุกคำถาม ดังนั้นผมขออนุญาติแบ่งปันบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจอันนี้ให้กับเพื่อนๆ ได้รู้จักกับพี่พินิจกันให้มากขึ้น
บทสัมภาษณ์ ระหว่าง ทีมงาน HIKICKER และ พี่พินิจ งามพริ้ง มีดังนี้...
HIKICKER : หากคุณ ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ สิ่งแรกที่คุณจะเริ่มต้นทำ คืออะไร?
พินิจ งามพริ้ง : "ปัญหาในสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องทำหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการวางระบบการบริหาร เพราะปล่อยประละเลยมานาน สิ่งแรกที่จะต้องเริ่มต้นทำ คือ เรื่องของ 'ความโปร่งใส' นั่นคือ ต้องมีระบบบัญชีที่ตรวจสอบได้โดยสาธารณะ มีการเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่มีอะไรปิดกั้น เพราะความโปร่งใสตลอดจน 'ธรรมาภิบาล' นั่นเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากแฟนบอลและผู้คนทั่วไป (ตามนโยบายเรื่องการบริหารและความโปร่งใส) นอกจากนี้ จะต้องมีการนำระบบบริหารข้อมูลที่เป็นออนไลน์มาใช้บริหาร และการจัดการแข่งขันจัดหาคนที่เปิดกว้างและเหมาะสมกับงาน แฟนฟุตบอลและคนในวงการฟุตบอลหลายคนมีความสามารถจะเชิญมาร่วมงานด้วย การวางรากฐานด้านเยาวชน จะต้องเริ่มทำควบคู่กันไป โดยคัดสรรและแต่งตั้งผู้ชำนาญพิเศษทำการดูแลเรื่องแบบฝึกเยาวชนที่เป็นหนึ่งเดียว และเพื่อกระจายเครือข่ายไปทั่วประเทศ"
HIKICKER : คุณคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน ถึงแม้โอกาสมันจะดูยาก?
พินิจ งามพริ้ง : "ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็คงไม่ถึงกับตีโพยตีพาย ในความเห็นของผม ฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกันมาก ดังนั้นการจะบริหารให้ถูกใจแฟนบอล จำเป็นต้องใช้คนรุ่นใหม่ หมายถึง ต้องสลัดกรอบความคิดเดิมๆ ออกไป ควรเลิกทำงานแบบหวังตำแหน่งแต่ไม่ทำอะไร หรือใช้เสื้อสูททำงาน ควรทำงานด้วยหัวสมอง ด้วยความคิด ความตั้งใจและความรับผิดชอบต่อผลงานที่ทำ อย่างไรก็ตามบ้านเราให้โอกาสคนรุ่นใหม่ค่อนข้างน้อย ผมให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ เขาฮือฮากัน เพราะเป็นแฟนบอลที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องกระโดดลงมาแข่งเอง แต่เมืองไทยคนมักจะบอกว่าผมไม่มี 'บารมี' ผมเลยถามกลับไปว่าบารมี คือ การต้องปิดบังความผิดในอดีตเก่าๆ แล้วเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ ถ้าอย่างงั้นเรียกว่า บารมี ในความหมายแบบไทยๆ ผมขอไม่มีบารมีจะดีกว่า"
HIKICKER : เหตุผลที่คุณลงสมัครตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ คือ อะไร และคุณคิดว่า ทำไมคุณถึงควรได้ตำแหน่งนี้?
พินิจ งามพริ้ง : "เหตุผลที่ผมลงสมัคร ก็ไม่มีอะไร มันมีความคิด มันมีความอัดอั้น ผมทำกองเชียร์ทีมชาติไทย ช่วยสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ ในการเชียร์ฟุตบอล ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กระตุ้นให้คนมาดูบอลไทย คิดหัวแทบจะระเบิด ว่าจะทำอย่างไรให้คนมาคลั่งไคล้บอลไทย แต่สุดท้ายต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาคมฯ แล้วคุณวรวีร์มาบอกว่าเขาเป็นคนทำลีกอาชีพ โถ่! ใครๆ ก็รู้ ถ้าไม่ถูกเอเอฟซีบังคับพวกเขาก็ยังคงคิดกันไม่ออก ที่จริงความต้องการมันมีมานานแล้วจากการช่วยกันกระตุ้นของแฟนบอล มันถึงได้มีคนดูที่เยอะขึ้น แต่ตอนนี้สมาคมฯ กำลังจะทำลายเพราะไม่ได้มีการวางการแก้ปัญหาระยะยาว ในเรื่องความสามารถในการทำธุรกิจของสโมสรเล็กๆ ตรงนี้ผมบอกได้เลยว่า ยังไม่ยั่งยืน ใจจริงผม ผมไม่ได้อยากเป็นนายกสมาคมฯ หรอก เพราะการทำงานในตำแหน่งทางสังคมเพื่อส่วนรวมมันเป็นทุกขลาภ ถ้าคนที่ตั้งใจทำเพื่อนส่วนรวมเขาจะไม่อยากอยู่นาน แต่คนที่เขาอยากเป็นนานๆ ใครไล่ก็ไม่ไป เพราะมันมี จุด จุด จุด เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลง และสร้างบรรทัดฐานผู้นำใหม่กันเสียที"
HIKICKER : คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโค้ชทีมชาติ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน, ปัญหา และการแก้ไข ส่วนตัวแล้วคุณอยากได้โค้ชชาวไทย หรือต่างชาติ?
พินิจ งามพริ้ง : "ปัญหาเรื่องโค้ชทีมชาติ ผมว่ามันเกิดจากพวกเรามองว่าโค้ชต้องเป็นพระเจ้า ฟุตบอลเดี๋ยวนี้ไม่ได้แข่งแค่ในสนาม แต่แข่งที่ การเตรียมความพร้อมทุกอย่าง ในแผนงานของผม จะต้องมี 'Intelligence Unit' ทำงานการบ้านทั้งหมด เพื่อประสานงานโค้ช เช่น มีฐานข้อมูลนักฟุตบอลทั่วเอเชีย วิเคราะห์วิจัยว่าคนไหน จุดเด่น จุดด้อย เป็นอย่างไร แล้วเมื่อเราต้องเจอกับเขา จะแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้ ก่อนการแข่งขันในแต่ละนัด 1-3 เดือนต้องมีการ survey สถานที่จริง ในกรณีเตะนอกบ้าน สำรวจเรื่องความเสี่ยงทุกอย่างที่อาจจะมี เช่น สนามซ้อมไม่ได้มาตรฐาน การเดินทาง เวลาการแข่งขัน... ทั้งนี้เพื่อนนำมาใช้ในการเตรียมทีมให้เหมาะสม ถ้ามีการทำงานอย่างที่ว่าแล้ว โค้ชทีมชาติ จะไม่ต้องมาแบกภาระมากเหมือนอย่างปัจจุบัน ผมคิดว่าคนไทยก็ทำได้ เคารพและให้สิทธิเขา เขาไม่อยากได้เงินเเดือน เดือนละล้านเหมือนฝรั่งหรอก แต่คุณต้องให้เกียรติเขา แล้วเอาเงินส่วนต่างนั้นมาทำเรื่อง Intelligence Unit ให้มันถาวรไปเลย"
HIKICKER : ด้านการตลาด และ ศรัทธามหาชน 1 ใน 4 กลยุทธ์ของคุณคืออะไร อยากให้ช่วยอธิบายในเรื่องนี้?
พินิจ งามพริ้ง : "เรื่องการตลาด และ ศรัทธามหาชน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการพัฒนาฟุตบอลต้องใช้เงินมาก ถ้าไม่ศรัทธา สปอนเซอร์ก็เอาด้วยชั่วครั้งชั่วคราว ศรัทธาของแฟนบอลและจำนวนเงินจากสปอนเซอร์มันมีปฏิ
สัมพันธ์กัน ซึ่งก็ต้องย้อนไปเรื่องความโปร่งใสเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องการตลาด และ ศรัทธามหาชนนี้ ผมวางไว้ เราจะมีระบบเพื่อเปิดรับแฟนบอลให้เข้ามาเป็นเครือข่ายผู้สนับสนุน มีการสมัครสมาชิก จ่ายค่าสมาชิกปีละ 500 บาท ล้านคนก็ 500 ล้านบาท มีระบบบริหารข้อมูลสมาชิก ในทางธุรกิจเรียกว่า 'CRM (Customer Relation Management)' ได้รับข้อมูลข่าวสารเป็นประจำ ได้สิทธิพิเศษเป็นส่วนลด เราจะร่วมกับบริษัทห้างร้านจัดทำสินค้าตราทีมชาติไทยเพื่อขายและนำเงินเข้ามาบริหารจัดการ อันนี้นอกเหนือจากเงินสปอนเซอร์รายใหญ่ โดยสรุปเงินจะมาจาก 3 ส่วน คือ 1. ค่าสมาชิกรายบุคคล 2. รายได้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้า 3. สปอนเซอร์รายใหญ่ ทั้ง 3 ส่วนนี้ทุกคนจะได้ประโยชน์ และเงินก็จะนำมาพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างยั่งยืนและถาาวร"
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เป็นบทสัมภาษณ์ของ ผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมจะอุทิตนให้กับวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง... 'พินิจ งามพริ้ง'
บอส นิธิทัศน์
เครดิต : http://www.hikicker.com/footballthai/news/articles/8238.html