นักท่องเที่ยวผู้ดี"สักพระพุทธเจ้า" เกือบถูกไล่ออกจากศรีลังกา เจ้าตัว เสียใจ ยัน"เคารพ"

จากมติชนออนไลน์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 มีนาคม  ว่า นายแอนโธนี่ แรทคลิฟฟ์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ได้เกือบถูกขับไล่ออกจากสนามบินศรีลังกา ซึ่งเป็นจุดแวะพักเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สนามบินได้พบว่า เขามีรอยสักพระพุทธรูปที่แขน และเห็นว่าเป็นการกระทำที่หมิ่นหยามและไม่เคารพต่อศาสนาพุทธ ทำให้เขาต้องเดินทางกลับอังกฤษ ไม่สามารถเดินทางต่อไปยังมาเลเซียจุดหมายปลายทางได้

ด้านนายแอนโธนี่ กล่าวว่า  รู้สึกช็อกและเสียใจหลังจากเกิดเหตุดังกล่าว โดยยืนยันว่า รอยสักดังกล่าวเป็นศิลปะที่ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ใคร และยังถือเป็นการเคารพและเทิดทูนด้วย เนื่องจากรอยสักนี้ เกิดจากการไปสักที่ประเทศพม่า ซึ่งก็เป็นชาติที่นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน

ทั้งนี้  แรทคลิฟฟ์ ยังระบุต่อว่า   หัวหน้าหน่วยตรวจคนเข้าเมืองศรีลังการู้สึกหัวเสียกับรอยสักของเขามาก และบอกว่า  จะต้องถูกส่งกลับประเทศ  พร้อมยึดพาสปอร์ต  โดยถูกควบคุมตัวเป็นเวลากว่า 1.30 ชม.  และตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ยังพาคนมาดูรอยสักของเขาตลอดด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เขาพยายามอธิบายเหตุผล แต่ถูกหัวหน้าหน่วยฯสั่งให้เลิกพูด

อย่างไรก็ตาม ในที่สุด แอนโธนี่ได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเขาได้ แต่ก็ยังถูกสอบสวนอีกรอบเมื่อเดินทางถึงประเทศนี้ และว่า สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขาช็อก ทำให้เขาเสียใจและเสียเวลามาก

รายงานระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว มีชาวอังกฤษเดินทางไปศรีลังกากว่า 1 แสนคน หรือคิดเป็น 10 เปอร์เซนต์ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2010 ยังเกิดเหตุการณ์คล้ายทำนองนี้ เมื่อศิลปินอาร์แอนด์บี "เอคอน"ชาวสหรัฐ ถูกปฎิเสธไม่ให้วีซ่าเข้าพักในศรีลังกา หลังจากถูกประท้วงว่า มิวสิควีดีโอของเขาลบหลู่พุทธศาสนา เพราะมีผู้หญิงเต้นต่อหน้าพระพุทธรูป

ขณะที่หน่วยงานระหว่างประเทศอังกฤษยังได้เตือนพลเมืองของตัวเอง ต่อการเดินทางเยือนศรีลังกาว่า ให้ระมัดระวังการปฎิบัติอย่างไม่เหมาะสมต่อภาพพระพุทธเจ้าและศิลปะวัตถุด้านศาสนา ซึ่งทางการศรีลังกาถือเป็นเรื่องใหญ่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่