คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
อ่านข้อความ จขกท แล้วคิดถึงตัวเอง ผมก็คิดแบบ จขกท เหมือนกัน แต่เหมือน จขกท กำลังหาที่ระบาย
ยังไงผมขอแสดงความคิดของตัวเอง เพื่อแชร์ ตามนี้
เงิน แปรผกผันกับ ความทะเยอทะยานครับ
ถ้าทะเยอทะยานมากแต่เงินน้อยมันก็ไม่มีความสุข มันจะต้องดิ้นรนหาทางหาเงินมาให้ได้ เพื่อตอบโจทย์ตัวเอง
ซึ่งบางครั้ง ต้องเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่ได้เงินเยอะแทน
และเงิน แปรผันตรงกับ ทางเลือก
หมายความว่า พ่อแม่รวย ลูกก็มีทางเลือกเยอะ ไม่เครียด ไม่มีภาระ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เดินหน้าเต็มกับ DREAM!! ของตัวเอง
ถ้าไม่มีเงิน มีหนี้ ก็เก็บเงินไป เงินมาเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำตาม DREAM ของตัวเองก็ยังไม่สาย แค่ช้า...
ความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ
คนไทยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ซึ่งผมก็เป็น ผมเห็นเพื่อนเปิด บ. ตัวเองตั้งแต่เรียนจบด้วยเงินทุนที่มากมาย
บางคนไปเรียนนอก ส่วนผมต้องทำงานหาตังค์เอง เพื่ออนาคต กว่าจะเก็บตังค์ได้ขนาดที่เพื่อนใช้อาจจะต้องใช้เวลา 10 ปี ทางออกของผมคือ
แนวคิดดังนี้
1. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ให้มุ่งมั่นเท่าที่ตัวเองทำได้ ให้เต็มที่ คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน (ซึ่งยังทำไม่ได้ แต่พยายามอยู่)
2. ถ้าไม่อยากสร้างความคิดแบบนี้ ให้ลุกลามเป็นลูกโซ่ อย่าพึ่งมีลูก เพราะโอกาสที่ลูกจะคิดแบบนี้มีสูง และคุณจะสอนลูกไม่ได้
เพราะพื้นฐานความคิดคุณเป็นแนวเดียวกับผม
3. พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เราเดินช้ากว่า 10 ปี ไม่ได้แปลว่าเราจะมีเวลาน้อยกว่า *คนอืนอาจจะตายก่อนเรา 10 ปีก็ได้
4. วิปัสสนา << อันนี้ช่วยคนมาเป็นพันปีแล้วครับ หากยังทุกข์มาก ให้เริ่มทางนี้ก่อน
สุดท้าย ขอให้ จขกท หลุดพ้นจากความทุกข์เร็วๆครับ
ยังไงผมขอแสดงความคิดของตัวเอง เพื่อแชร์ ตามนี้
เงิน แปรผกผันกับ ความทะเยอทะยานครับ
ถ้าทะเยอทะยานมากแต่เงินน้อยมันก็ไม่มีความสุข มันจะต้องดิ้นรนหาทางหาเงินมาให้ได้ เพื่อตอบโจทย์ตัวเอง
ซึ่งบางครั้ง ต้องเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่ได้เงินเยอะแทน
และเงิน แปรผันตรงกับ ทางเลือก
หมายความว่า พ่อแม่รวย ลูกก็มีทางเลือกเยอะ ไม่เครียด ไม่มีภาระ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เดินหน้าเต็มกับ DREAM!! ของตัวเอง
ถ้าไม่มีเงิน มีหนี้ ก็เก็บเงินไป เงินมาเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำตาม DREAM ของตัวเองก็ยังไม่สาย แค่ช้า...
ความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ
คนไทยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ซึ่งผมก็เป็น ผมเห็นเพื่อนเปิด บ. ตัวเองตั้งแต่เรียนจบด้วยเงินทุนที่มากมาย
บางคนไปเรียนนอก ส่วนผมต้องทำงานหาตังค์เอง เพื่ออนาคต กว่าจะเก็บตังค์ได้ขนาดที่เพื่อนใช้อาจจะต้องใช้เวลา 10 ปี ทางออกของผมคือ
แนวคิดดังนี้
1. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ให้มุ่งมั่นเท่าที่ตัวเองทำได้ ให้เต็มที่ คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน (ซึ่งยังทำไม่ได้ แต่พยายามอยู่)
2. ถ้าไม่อยากสร้างความคิดแบบนี้ ให้ลุกลามเป็นลูกโซ่ อย่าพึ่งมีลูก เพราะโอกาสที่ลูกจะคิดแบบนี้มีสูง และคุณจะสอนลูกไม่ได้
เพราะพื้นฐานความคิดคุณเป็นแนวเดียวกับผม
3. พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เราเดินช้ากว่า 10 ปี ไม่ได้แปลว่าเราจะมีเวลาน้อยกว่า *คนอืนอาจจะตายก่อนเรา 10 ปีก็ได้
4. วิปัสสนา << อันนี้ช่วยคนมาเป็นพันปีแล้วครับ หากยังทุกข์มาก ให้เริ่มทางนี้ก่อน
สุดท้าย ขอให้ จขกท หลุดพ้นจากความทุกข์เร็วๆครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ความสุขของมนุษย์เกิดได้โดยความต้องการถูกสนอง ซึ่งความต้องการของมนุษย์นั้นมีมากมาย
- กินข้าวใช้เงินหรือป่าว ถ้าเด็ดกถินข้างบ้านกินได้ทั้งชาติก็ฟรี
- การนอน/การขี้ บ้านต้องใช้เงินซื้อหรือเปล่า ถ้านอนข้างถนน/เดินไปขี้ในป่าข้างทางได้ทั้งชาติก็ฟรี
- ไปหาหมอใช้เงินหรือเปล่า ถ้าป่วยแล้วเลียๆตัวเองหายได้ก็ฟรี
- หาแฟนฟรีหรือเปล่า ถ้านั่งคุยกันเฉยๆแล้วมีคู่ชีวิตได้ก็ฟรี
- มีลูกฟรีหรือเปล่า ถ้าทำคลอดเองได้็ก็ฟรี
......ไอ้ที่ฟรีๆได้ก็พวกความต้องการส่วนเกินทั้งนั้น ไม่ต้องมีก็ได้ เช่น อยากดูงานศิลปะสวยๆ ไม่ต้องซื้อนั่งดูท้องฟ้า นั่งฟังนกร้องเพลงเอา แต่ถามจริงๆ ใจคอคุณจะติสแตก ปลีวิเวกไปชิลคนเดียวอย่างนั้นไปทั้งชาติเลยหรอ
ใครมันจะไปทำได้(ฟะ) ไอ้เรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้อะไรนั่นมันแค่คำพูดเท่ๆเท่านั้นแหละ อารมณ์ชั้นไม่ต้องใช้่เงินซื้ออะไร แค่มีเธออยู่ข้างๆชั้นก็มีความสุขแล้ว อีแบบนี้มันไม่ใช่แค่โลกสวยแล้ว แต่นี้มันเพ้อเจ้อเลย แค่จะโทรไปหาเพื่อนก็ต้องเสียเงินแล้ว
ของที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้เงินมันก็มี แต่มันไม่ได้มีทุกอย่าง ของเกือบทั้งหมดในโลก มีราคาแปะอยู่ทั้งนั้นแหละ
ปล. แต่เห็นด้วยว่าไม่ควรจะไปตะบี้ตะบันหาเงินมากมายล้นฟ้าจนตัวเองหรือคนรอบข้างเดือดร้อน ความสุขอาจจะจำเป็นต้องใช้เงินซื้อ แต่ไอ้เงินที่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องมากมายขนาดนั้น ก็เดินสายกลางดีที่สุด ดีทั้งตัวเอง ดีทั้งคนรอบข้าง
- กินข้าวใช้เงินหรือป่าว ถ้าเด็ดกถินข้างบ้านกินได้ทั้งชาติก็ฟรี
- การนอน/การขี้ บ้านต้องใช้เงินซื้อหรือเปล่า ถ้านอนข้างถนน/เดินไปขี้ในป่าข้างทางได้ทั้งชาติก็ฟรี
- ไปหาหมอใช้เงินหรือเปล่า ถ้าป่วยแล้วเลียๆตัวเองหายได้ก็ฟรี
- หาแฟนฟรีหรือเปล่า ถ้านั่งคุยกันเฉยๆแล้วมีคู่ชีวิตได้ก็ฟรี
- มีลูกฟรีหรือเปล่า ถ้าทำคลอดเองได้็ก็ฟรี
......ไอ้ที่ฟรีๆได้ก็พวกความต้องการส่วนเกินทั้งนั้น ไม่ต้องมีก็ได้ เช่น อยากดูงานศิลปะสวยๆ ไม่ต้องซื้อนั่งดูท้องฟ้า นั่งฟังนกร้องเพลงเอา แต่ถามจริงๆ ใจคอคุณจะติสแตก ปลีวิเวกไปชิลคนเดียวอย่างนั้นไปทั้งชาติเลยหรอ
ใครมันจะไปทำได้(ฟะ) ไอ้เรื่องเงินซื้อความสุขไม่ได้อะไรนั่นมันแค่คำพูดเท่ๆเท่านั้นแหละ อารมณ์ชั้นไม่ต้องใช้่เงินซื้ออะไร แค่มีเธออยู่ข้างๆชั้นก็มีความสุขแล้ว อีแบบนี้มันไม่ใช่แค่โลกสวยแล้ว แต่นี้มันเพ้อเจ้อเลย แค่จะโทรไปหาเพื่อนก็ต้องเสียเงินแล้ว
ของที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้เงินมันก็มี แต่มันไม่ได้มีทุกอย่าง ของเกือบทั้งหมดในโลก มีราคาแปะอยู่ทั้งนั้นแหละ
ปล. แต่เห็นด้วยว่าไม่ควรจะไปตะบี้ตะบันหาเงินมากมายล้นฟ้าจนตัวเองหรือคนรอบข้างเดือดร้อน ความสุขอาจจะจำเป็นต้องใช้เงินซื้อ แต่ไอ้เงินที่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องมากมายขนาดนั้น ก็เดินสายกลางดีที่สุด ดีทั้งตัวเอง ดีทั้งคนรอบข้าง
ความคิดเห็นที่ 19
เคยได้ยินเรื่องเส้นกราฟความสุขที่แปรผันตรงกับจำนวนเงินที่มีหรือเปล่าคะ
เป็นทฤษฏีที่ค่อนข้างจริงอยู่ไม่น้อย นั่นคือในตอนต้น ถ้าคุณมีเงินจำนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็จะมีความสุขเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ต่อให้มีเงินมากขึ้นมากแค่ไหน ปริมาณความสุขของคุณก็จะไม่เพิ่มมากขึ้นแล้ว
นั่นก็แปลว่า แท้จริงแล้ว เงินสำคัญในระดับหนึ่ง คุณต้องมีเงินที่เพียงพอในการใช้ชีวิตระดับหนึ่ง คุณถึงจะมีความสุขในระดับหนึ่ง
แล้วจุดๆแห่งความเพียงพอนี้มันอยู่ตรงไหน นี่ล่ะคือศิลปะของการใช้ชีวิตของแต่ละคน
บางคน ทั้งชีวิตก็ไม่เคยไปถึงจุดๆนั้น เพราะมีความคาดหวังในชีวิตที่สูงมาก ไม่เคยรู้จักพอ
บางคนรู้จักตัวเองได้เร็ว รู้ว่าตนเองต้องการอะไร และต้องการใช้เงินไปในแนวทางไหน
คนแบบนี้เค้าก็จะมีความสมดุลในชีวิต เพราะเค้ารู้ว่าความสุขในชีวิตเค้าคืออะไร ดังนั้น ถึงมีเงินมากไปกว่านี้ เค้าก็ไม่ต้องการ
ดังนั้น มีเงินให้เพียงพอในระดับหนึ่งค่ะ เพียงพอกับความต้องการที่แท้จริงของเรา
เป็นทฤษฏีที่ค่อนข้างจริงอยู่ไม่น้อย นั่นคือในตอนต้น ถ้าคุณมีเงินจำนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็จะมีความสุขเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ต่อให้มีเงินมากขึ้นมากแค่ไหน ปริมาณความสุขของคุณก็จะไม่เพิ่มมากขึ้นแล้ว
นั่นก็แปลว่า แท้จริงแล้ว เงินสำคัญในระดับหนึ่ง คุณต้องมีเงินที่เพียงพอในการใช้ชีวิตระดับหนึ่ง คุณถึงจะมีความสุขในระดับหนึ่ง
แล้วจุดๆแห่งความเพียงพอนี้มันอยู่ตรงไหน นี่ล่ะคือศิลปะของการใช้ชีวิตของแต่ละคน
บางคน ทั้งชีวิตก็ไม่เคยไปถึงจุดๆนั้น เพราะมีความคาดหวังในชีวิตที่สูงมาก ไม่เคยรู้จักพอ
บางคนรู้จักตัวเองได้เร็ว รู้ว่าตนเองต้องการอะไร และต้องการใช้เงินไปในแนวทางไหน
คนแบบนี้เค้าก็จะมีความสมดุลในชีวิต เพราะเค้ารู้ว่าความสุขในชีวิตเค้าคืออะไร ดังนั้น ถึงมีเงินมากไปกว่านี้ เค้าก็ไม่ต้องการ
ดังนั้น มีเงินให้เพียงพอในระดับหนึ่งค่ะ เพียงพอกับความต้องการที่แท้จริงของเรา
แสดงความคิดเห็น
คำพูดที่บอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ นี่จริงเหรอครับ ผมว่าเอาจริงเงินซื้อความสุขได้ ซื้อโอกาสก็ได้
อีกคนบ้านรวย เอนท์ไม่ติด ทำตัว ชิวๆ ส่งเรียนม.อินเตอร์ ป.โทก็ส่งนอกได้ เลือกเรียนสาขาที่อยากเรียนได้ กลับมาเลือกทำงานที่รักได้
บางคนบอกความสุขผมง่ายๆ ไม่ต้องไฮโซใช้เงิน ผมชอบถ่ายภาพ แบคแพค. แหม่ถ่ายภาพก็ต้องซื้อกล้องจิงป่าวครับ แบคแพคยังไงก็ต้องใช้เงิน บางคนบอกแบคแพคยุโรป50,000ถูกๆไปเอง แต่สำหรับคนไม่มีเงินห้าหมื่นคือโคดแพง