ตอนนีเราได้ตารางสเกลราคาค่าบ้านที่เราต้องจ่ายเจ้านายมาแล้วนะคะ สรุปแล้วในแต่ละเดือนที่ต้องจ่าย 15,000บ.นั้น เจ้านายคิดเป็น (ทั้งหมดขอปัดเป็นเลขกลมๆ เพื่อความง่ายและสะดวกในการเข้าใจ)
ทุกๆเดือนจะต้องจ่าย 15,000บ. ไปตลอด 19 ปี
โดยในแต่ละเดือนนั้น 15,000บ. นี้แบ่งออกเป็น เงินต้น 8,650 บ./เดือน ดอกเบี้ย 6,350 บ.เดือน
และเมื่อดูสเกลเป็นแบบรายปี เริ่มต้นผ่อนเมื่อ 2551
เริ่มต้นปี 2551 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2552 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2553 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2554 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2555 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2556 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2557 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2558 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2559 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2560 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2561 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2562 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2563 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2564 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2565 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2566 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2567 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2568 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2569 เงินต้น 52,000 ดอกเบี้ย 38,000 รวม 90,000บ.
ตอนนี้เราควรทำยังไงดีคะ แนะนำเรากันหน่อยค่ะ
เจ้านายแบบนี้นี่ดีหรือไม่ดีคะ พี่สาวเราก็อย๊ากอยากจะให้เรากูแบงค์มาจ่ายซะให้จบๆๆ เราอ่านๆๆดูคห.จากกระทู้รู้สึกว่าถ้ากู้อีกเนี่ยดอกเบี้ยบ้านหลังนี้คงโดนไปรวมกันแพงกว่าค่าบ้านละ กู้ไปกู้มาเพื่ออะไร เฮ่ออออ เหนื่อยใจ
ปล.ตอนนี้พี่ชายเอาสัญญามาให้ดูค่ะ ว่าตอนที่ทำเรื่องตกลงอันนี้เค้ามีร่างหนังสือสัญญาเอาไว้ มีลายเซ็นต์ยอมรับกันทั้งจากของพี่ชายและทางเจ้านาย และพยาน โดยใจความสำคัญในข้อนึงเขียนว่า
เมื่อการทำราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเสร็จสิ้น ผู้ขาย(หมายถึงเจ้านาย)ตกลงที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทันที และผู้ขายต้องจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
จากสัญญาในข้อนี้ถือว่านำมาใช้เป็นหลักฐานได้เลยไหมคะ หมายถึงว่าถ้าทางเค้าตุกตก สัญญาขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างนี้ ถือว่าเป็นความอุ่นใจ การันตีความปลอดภัยให้ทางเราได้เลยไหมคะ ว่าถ้าเราจ่ายครบแล้ว เค้าตุกติก สามารถเอาข้อนี้ฟ้องร้องได้
รบกวนตอบกันหน่อยนะคะ เราไม่มีความรู้ทางด้านนี้ที่ดีพอ อยากได้ความเห็นของหลายๆคนเพื่อนจะได้ตัดสินใจให้ถูกต้องไม่ผิดพลาดอีกค่ะ
// ก็อปปี้กระทู้ก่อนหน้านี้มา เผื่อคนที่ไม่เคยอ่านจะได้ช่วยตอบได้อย่างเข้าใจเรื่องราวค่ะ
.......................................................................................
รบกวนขอคำแนะนำจากทุกๆท่านด้วยค่ะ หากใครยังไม่เคยอ่านกระทู้ที่เราถามไปในครั้งก่อน ตามอ่านได้ข้างล่างนะคะ เราก็อปปี้มาวางไว้เผื่อจะมีคนมาช่วยตอบเพิ่มค่ะ หรือเผื่อลืมๆไปแล้วด้วย
เนื่องจากว่าคราวที่แล้วข้อมูลที่ตั้งกระทู้เราให้ไม่ครบ เพราะเราก็จำไม่ค่อยได้ ตอนนี้ถามพี่ชายมาแล้วค่ะ ข้อมูลคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ
- สรุปว่าบ้านที่ซื้อนั้น เริ่มซื้อเมื่อต้นปี 2551ตีเอาว่ามกราคมเลยนะคะ โดยบ้านมีราคาประมาณ 2 ล้านบาท (ขอปัดเป็นเลขกลมๆนะคะ จริงๆขาดๆเกินๆกว่านี้นิดเดียว ไม่กี่พัน และไม่ใช่ราคา 2 ล้านห้าแสนบาทตามที่เคยแจ้งในกระทู้ก่อนด้วยค่ะ)
- โดยพี่ชายเราตกลงกันไว้ว่าจะจ่ายเดือนละ 15,000บ.(อันนี้ก็ขอปัดเป็นเลขกลมๆนะคะ +-แค่ไม่กี่ร้อย)
จ่ายเป็นเวลา 19 ปี (=228 เดือน)
- โดยเจ้านายเราคิดดอกเบี้ยพี่ชายเราที่ 4 เปอร์เซ็นต์ตลอด (ก็เป็นดอกเบี้ยปีละ 80,000บ.) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเจ้านายจะคิดเรทนี้ตลอดตั้งแต่งวดแรกที่ต้องจ่าย ยันจบสิ้นการจ่ายเงิน
- สรุปแล้วรวมยอดบ้านที่ต้องจ่ายจะเป็น
ค่าบ้าน 2,000,000+ดอกเบี้ย 1,520,000บ.= 3,520,000 บ.
ซึ่งนับแล้วตอนนี้ก็จ่ายมาแล้วประมาณ 62 เดือนก็ประมาณ 930,000บ. ขาดอีกประมาณ 2,590,000บ. (เราคิดถูกไหมหว่า ถามพี่ชายมาพี่ชายก็เงอะๆงะๆ จำไม่ได้ด้วยว่าเหลือเท่าไหร่ แต่ก็ผ่อนจ่ายตามข้อมูลที่ให้)
เรื่องบ้านๆๆนี่เราไม่ค่อยมีความรู้เลยค่ะ อยากจะถามทุกๆท่านที่พอให้ข้อมูลได้ค่ะ ว่าดอกเบี้ย 4 เปอร์เซ็นต์ที่เจ้านายให้ มันคือดีหรือไม่ดีคะ สูงหรือโอเคแล้ว จัดว่าเป็นเจ้านายที่โหดหรือใจดีคะ เราไม่ทราบเรื่องดอกเบี้ยเท่าไหร่ค่ะ ว่าปกติจะได้กันประมาณที่เรทเท่าไหร่
แล้วแบบนี้เราควรจัดการไปกู้แบงค์เมื่อเราทำงานมีอายุงานครบ 2 ปีเพื่อหนี้ก้อนนี้กับเจ้านายพี่ชายจะได้จบๆกันไป หรือว่าถ้ากู้แบงค์ดอกเบี้ยจะแพงกว่านี้อีกคะ???????
ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ว่าในสถานการ์ณประมาณนี้ วิธีไหนน่าจะดีที่สุดคะ ควรทำอะไรแบบไหนก่อน เราต้องขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ เพราะว่าเราเป็นห่วงอนาคตข้างหน้าค่ะ กลัวอะไรๆจะไม่แน่นอนค่ะ
ช่วยตอบกันหน่อยนะคะ ข้อมูลคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านล่วงหน้าค่ะ
*******************************************************************************************
ด้านล่างนี้คือข้อมูลจากกระทู้เก่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เราเคยตั้งไว้ค่ะ เพื่อประกอบการให้ความคิดเห็น
สืบเนื่องกันมาจากเมื่อ 3-4 ปีก่อน พี่ชายเราอยากจะซื้อบ้าน ทีนี้ด้วยว่าดอกเบี้ยจากการกู้ซื้อบ้านผ่านทางธนาคารมันค่อนข้างสูง อีกทั้งตอนนั้นเจ้านายเสนอมาว่าจะออกเงินจ่ายค่าบ้านนี้ไปก่อน โดยให้พี่ชายผ่อนจ่ายผ่านการหักเงินเดือนในทุกๆเดือนโดยอัตโนมัติ เจ้านายคิดดอกเบี้ยพี่ชายเหมือนกันค่ะ เพียงแต่คิดดอกเบี้ยในเรทที่ต่ำกว่าธนาคาร (ตรงนี้เราไม่ทราบว่าเค้าคิดดอกเบี้ยในเรทเท่าไหร่ จำไม่ได้ค่ะ แต่พี่ชายบอกว่าต่ำกว่าธนาคาร เลยตกลงใจที่จะซื้อบ้านด้วยวิธีนี้) ซึ่งราคาบ้านตอนตกลงที่จะซื้อราคาบ้านอยู่ที่ประมาณ 2 ล้าน 5 แสนบาทโดยประมาณค่ะ (สรุปแล้วเป็นแค่ประมาณ 2,000,000บ.เท่านั้นค่ะ) ก็ซื้อไปโดยที่ชื่อเจ้าของบ้านเป็นชื่อของเจ้านายค่ะ (ทุกวันนี้ก็ยังเป็นชื่อของเจ้านาย) แล้วพี่ชายเราเงินเดือนประมาณ 30,000บ. ก็หักค่าผ่อนบ้านไปตามเรทปกติที่จะต้องจ่ายค่ะ โดยเจ้านายจะหักค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนไปจากเงินเดือนพี่ชายอัตโนมัติทันทีในแต่ละเดือนค่ะ เช่นพี่ชายเงินเดือน 30,000บ. ค่าผ่อนบ้านสมมติเดือนนี้ต้องจ่าย 15,500 บ.เค้าก็จะหักไปเลย เงินก็จะเข้ามาในบัญชีพี่ชายเหลือเพียงแค่ 14,500บ. เป็นแบบนี้ไปตลอดๆ ซึ่งก็ทำแบบนี้มา 3-4 แล้วค่ะ (สรุปแล้วทำแบบนี้มา 5 ปีเศษแล้วค่ะ)
ทีนี้พักหลังๆช่วงปีสองปีที่ผ่านมา พี่ชายเราเหนื่อยกับงานนี้มาก เพราะว่าต้องเข้างานตั้งแต่ตี 5-6 โมงเช้า เลิกงานก็ 1-2 ทุ่ม บางที 3 ทุ่มก็มี --" งานต้องดูแลควบคุมทั้งออฟฟิศยันคุมเด็กไลน์ผลิตโรงงาน เชคสินค้า ควบคุมสต็อก/สเป็กสินค้า ทำบัญชี สากกระเบือยันเรือรบมากมาย ซึ่งงานที่ทำไม่มีค่าโอทีล่วงเวลา ทุกอย่างรวมอยู่ในเงินเดือนนี้หมดแล้ว ไม่มีสิทธิ์วันลากิจ ลาพักร้อนใดๆ อยากลาก็มาขอเจ้านายเอาเอง เค้าจะพิจารณาเป็นเคสบายเคสไป ไม่มีสวัสดิการใดๆ โบนัสบางปีก็มี หลังๆไม่มี ถ้ามีก็แค่ 10,000บ. แค่นั้นไม่มีมากกว่านี้ ไม่ได้หยุด 13 วันตามที่รัฐบาลกำหนดด้วย หยุดแค่เฉพาะวันสำคัญๆจริง เช่นปีใหม่ สงกรานต์ วันพ่อวันแม่ก็ไม่หยุด --" (พี่ชายเราทำงานที่นี้มาประมาณ 13-14 ปีแล้วค่ะ) ไม่มีเวลาให้ลูกให้เมียเลย T_T ทีนี้พอเหนื่อยมากอยากมีเวลาให้ลูกเมียบ้าง คิดจะลาออกก็ติดปัญหาเรื่องบ้านนี้ ที่ว่าถ้าลาออกไปจะทำยังไง บ้านยังเป็นชื่อเจ้านายอยู่ ไปคุยเรื่องนี้กับเจ้านาย เค้าก็บอกถ้าจะออกก็ออกไป บ้านก็เข้ากับธนาคาร ทีนี้พี่ชายเราเลยไม่ยอม เพราะว่าดอกมันแพงกว่าเยอะ อีกทั้งอุตส่าห์สู้มาตั้งหลายปี อดทนมานาน เลยเลือกที่จะอดทนต่อไป เพื่อที่ภาระบ้านนี้หมด ก็ค่อยคิดเรื่องลาออก
ทีนี้ก็อดทนมาสักพัก แต่หลังๆคงอึดอัดใจและคงเหนื่อยจริงๆ พี่ชายเลยอยากให้เราเอง กู้เงินกับธนาคารเพื่อที่ได้เงินก้อนมาโปะค่าบ้านในส่วนที่เหลือนี้อีกให้หมด (รู้สึกว่าน่าจะเหลืออีกประมาณล้านกว่าบาทเลยหล่ะค่ะ ที่ยังต้องจ่าย จำนวนเงินคงเหลือเป๊ะๆเราไม่ชัดเจนค่ะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ) #ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะว่าน่าจะขาดอีกประมาณ 2,590,000บ.ที่ต้องผ่อน เพราะพี่ชายเราเองก็คิดว่าเค้าเองเผื่อในสักวันหนึ่งเค้าอดทนไม่ไหว จะได้ไปทำงานอย่างอื่นได้ โดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำงาน ต้องมาอดทนสารพัดเพราะเพื่อบ้านแบบนี้ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ ณ ตอนนี้ไม่มีจุดที่ทำให้มั่นใจได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าถ้าหากเราจ่ายไปครบหมดแล้วในอนาคตข้างหน้า เจ้านายเค้าจะโอนชื่อเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อพี่ชายเราจริงๆรึเปล่า (แต่ที่ผ่านมาเค้าก็ไม่มีไรตุกติกนะคะ คิดเผื่อเอาไว้ก่อน กังวลใจไปก่อน เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อยากเอาชัวร์ไว้ก่อน ยังไงถ้าเป็นชื่อเรา ถึงค่อยสบายใจได้ )
แต่คือพี่ชายเราเองก็ไม่สามารถที่จะใช้ชื่อตัวเองในการกู้เงินกับแบงค์ได้ เพราะว่าประมาณ 5-6 ปีก่อน เค้าก็ไม่รู้นึกครึ้มคิดอะไร ไปเซ็นต์ชื่อเป็นผู้กู้เงินกับแบงค์ร่วมกับป้า เพราะป้าจะซื้อบ้าน แต่กู้คนเดียวไม่ผ่าน สงสารป้าเลยช่วยเหลือไป เท่ากับว่าตอนนี้บ้านของป้า ก็ติดเป็นชื่อว่ามีพี่ชายเรากู้ร่วมอยู่ --" ทำให้พี่ชายไม่น่าจะกู้เงินก้อนมาอีกได้ เพราะป้าเองบัดนี้ก็ยังผ่อนบ้านที่มีชื่อพี่ชายเรากู้ไม่หมด พี่ชายเราเลยมาปรึกษาอยากที่จะให้เราช่วยกู้ได้ไหม (เราโอเคยินยอมค่ะ เพราะบ้านหลังนี้เราก็อยู่มา 3-4 ปีแล้ว ที่เค้าซื้อบ้านหลังนี้ก็เพราะเพื่อให้เราอยู่ เราจะได้ไม่ต้องเช่าบ้าน เช่าหอให้ลำบาก ^_^ ) ทีนี้เราเลยมีปัญหาที่สงสัยค่ะ คืออย่างถ้าเคสทั่วๆไป การจะขอกู้แบงค์ก็จะเป็นเอาเอกสารไปขอกู้แบงค์ พร้อมทั้งข้อมูลที่ทางโครงการหมู่บ้านเตรียมให้ เพื่อไปยื่นกู้
แต่ของเราหล่ะคะ จะต้องเป็นไปยังไง เพราะว่ามันหลายเสต็ป เราต้องขอเอกสารอะไรจากเจ้านายพี่ชายไหมคะ? บอกตรงๆเรื่องการกู้รวมถึงเอกสารต่างๆเรายังไม่ชัดเจน มีใครพอทราบบ้างไหมคะ ว่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรคร่าวๆไปบ้าง มีวิธีที่ทำให้เจ้านายพี่ชายเราไม่ต้องรู้ไหมคะ แบบว่ามันต้องขอเอกสารบ้านมาจากเจ้านายด้วยไหม
และข้อมูลเพิ่มเติมของเรา ก็คือ เราเองเงินเดือนประมาณ 20,000บ. อายุ 23ปี อายุงาน 1 ปี 6 เดือนเศษ ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของอสังหาอะไรใดๆทั้งสิ้น T_T แบบนี้เราจะกู้ผ่านหรือเปล่าคะ หากไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ จะสามารกู้เงินได้ไหมคะ และถ้าหากสามารถกู้ผ่าน น่าจะได้เงินกู้ที่เท่าไหร่คะ
รบกวนผู้รู้ทุกท่าน ช่วยให้ข้อมูลด้วยค่ะ รวมถึงหากใครมีคำแนะนำใดๆ เช่นธนาคารไหนที่ควรลองไปติดต่อ แจ้งมานะคะ ขอขอบคุณข้อมูลล่วงหน้าค่ะ
ต่อเนื่องจากทู้เดิมเรื่องซื้อบ้านโดยเจ้านายออกเงินไปก่อนแล้วจะกู้แบงค์โปะส่วนที่เหลือ ช่วยตอบกันหน่อยค่ะ ต้องการคห.มากๆ
ทุกๆเดือนจะต้องจ่าย 15,000บ. ไปตลอด 19 ปี
โดยในแต่ละเดือนนั้น 15,000บ. นี้แบ่งออกเป็น เงินต้น 8,650 บ./เดือน ดอกเบี้ย 6,350 บ.เดือน
และเมื่อดูสเกลเป็นแบบรายปี เริ่มต้นผ่อนเมื่อ 2551
เริ่มต้นปี 2551 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2552 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2553 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2554 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2555 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2556 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2557 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2558 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2559 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2560 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2561 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2562 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2563 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2564 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2565 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2566 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2567 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2568 เงินต้น 103,800 ดอกเบี้ย 76,200 รวม 180,000บ.
เริ่มต้นปี 2569 เงินต้น 52,000 ดอกเบี้ย 38,000 รวม 90,000บ.
ตอนนี้เราควรทำยังไงดีคะ แนะนำเรากันหน่อยค่ะ
เจ้านายแบบนี้นี่ดีหรือไม่ดีคะ พี่สาวเราก็อย๊ากอยากจะให้เรากูแบงค์มาจ่ายซะให้จบๆๆ เราอ่านๆๆดูคห.จากกระทู้รู้สึกว่าถ้ากู้อีกเนี่ยดอกเบี้ยบ้านหลังนี้คงโดนไปรวมกันแพงกว่าค่าบ้านละ กู้ไปกู้มาเพื่ออะไร เฮ่ออออ เหนื่อยใจ
ปล.ตอนนี้พี่ชายเอาสัญญามาให้ดูค่ะ ว่าตอนที่ทำเรื่องตกลงอันนี้เค้ามีร่างหนังสือสัญญาเอาไว้ มีลายเซ็นต์ยอมรับกันทั้งจากของพี่ชายและทางเจ้านาย และพยาน โดยใจความสำคัญในข้อนึงเขียนว่า
เมื่อการทำราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเสร็จสิ้น ผู้ขาย(หมายถึงเจ้านาย)ตกลงที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทันที และผู้ขายต้องจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
จากสัญญาในข้อนี้ถือว่านำมาใช้เป็นหลักฐานได้เลยไหมคะ หมายถึงว่าถ้าทางเค้าตุกตก สัญญาขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างนี้ ถือว่าเป็นความอุ่นใจ การันตีความปลอดภัยให้ทางเราได้เลยไหมคะ ว่าถ้าเราจ่ายครบแล้ว เค้าตุกติก สามารถเอาข้อนี้ฟ้องร้องได้
รบกวนตอบกันหน่อยนะคะ เราไม่มีความรู้ทางด้านนี้ที่ดีพอ อยากได้ความเห็นของหลายๆคนเพื่อนจะได้ตัดสินใจให้ถูกต้องไม่ผิดพลาดอีกค่ะ
// ก็อปปี้กระทู้ก่อนหน้านี้มา เผื่อคนที่ไม่เคยอ่านจะได้ช่วยตอบได้อย่างเข้าใจเรื่องราวค่ะ
.......................................................................................
รบกวนขอคำแนะนำจากทุกๆท่านด้วยค่ะ หากใครยังไม่เคยอ่านกระทู้ที่เราถามไปในครั้งก่อน ตามอ่านได้ข้างล่างนะคะ เราก็อปปี้มาวางไว้เผื่อจะมีคนมาช่วยตอบเพิ่มค่ะ หรือเผื่อลืมๆไปแล้วด้วย
เนื่องจากว่าคราวที่แล้วข้อมูลที่ตั้งกระทู้เราให้ไม่ครบ เพราะเราก็จำไม่ค่อยได้ ตอนนี้ถามพี่ชายมาแล้วค่ะ ข้อมูลคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ
- สรุปว่าบ้านที่ซื้อนั้น เริ่มซื้อเมื่อต้นปี 2551ตีเอาว่ามกราคมเลยนะคะ โดยบ้านมีราคาประมาณ 2 ล้านบาท (ขอปัดเป็นเลขกลมๆนะคะ จริงๆขาดๆเกินๆกว่านี้นิดเดียว ไม่กี่พัน และไม่ใช่ราคา 2 ล้านห้าแสนบาทตามที่เคยแจ้งในกระทู้ก่อนด้วยค่ะ)
- โดยพี่ชายเราตกลงกันไว้ว่าจะจ่ายเดือนละ 15,000บ.(อันนี้ก็ขอปัดเป็นเลขกลมๆนะคะ +-แค่ไม่กี่ร้อย)
จ่ายเป็นเวลา 19 ปี (=228 เดือน)
- โดยเจ้านายเราคิดดอกเบี้ยพี่ชายเราที่ 4 เปอร์เซ็นต์ตลอด (ก็เป็นดอกเบี้ยปีละ 80,000บ.) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเจ้านายจะคิดเรทนี้ตลอดตั้งแต่งวดแรกที่ต้องจ่าย ยันจบสิ้นการจ่ายเงิน
- สรุปแล้วรวมยอดบ้านที่ต้องจ่ายจะเป็น
ค่าบ้าน 2,000,000+ดอกเบี้ย 1,520,000บ.= 3,520,000 บ.
ซึ่งนับแล้วตอนนี้ก็จ่ายมาแล้วประมาณ 62 เดือนก็ประมาณ 930,000บ. ขาดอีกประมาณ 2,590,000บ. (เราคิดถูกไหมหว่า ถามพี่ชายมาพี่ชายก็เงอะๆงะๆ จำไม่ได้ด้วยว่าเหลือเท่าไหร่ แต่ก็ผ่อนจ่ายตามข้อมูลที่ให้)
เรื่องบ้านๆๆนี่เราไม่ค่อยมีความรู้เลยค่ะ อยากจะถามทุกๆท่านที่พอให้ข้อมูลได้ค่ะ ว่าดอกเบี้ย 4 เปอร์เซ็นต์ที่เจ้านายให้ มันคือดีหรือไม่ดีคะ สูงหรือโอเคแล้ว จัดว่าเป็นเจ้านายที่โหดหรือใจดีคะ เราไม่ทราบเรื่องดอกเบี้ยเท่าไหร่ค่ะ ว่าปกติจะได้กันประมาณที่เรทเท่าไหร่
แล้วแบบนี้เราควรจัดการไปกู้แบงค์เมื่อเราทำงานมีอายุงานครบ 2 ปีเพื่อหนี้ก้อนนี้กับเจ้านายพี่ชายจะได้จบๆกันไป หรือว่าถ้ากู้แบงค์ดอกเบี้ยจะแพงกว่านี้อีกคะ???????
ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ว่าในสถานการ์ณประมาณนี้ วิธีไหนน่าจะดีที่สุดคะ ควรทำอะไรแบบไหนก่อน เราต้องขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ เพราะว่าเราเป็นห่วงอนาคตข้างหน้าค่ะ กลัวอะไรๆจะไม่แน่นอนค่ะ
ช่วยตอบกันหน่อยนะคะ ข้อมูลคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านล่วงหน้าค่ะ
*******************************************************************************************
ด้านล่างนี้คือข้อมูลจากกระทู้เก่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เราเคยตั้งไว้ค่ะ เพื่อประกอบการให้ความคิดเห็น
สืบเนื่องกันมาจากเมื่อ 3-4 ปีก่อน พี่ชายเราอยากจะซื้อบ้าน ทีนี้ด้วยว่าดอกเบี้ยจากการกู้ซื้อบ้านผ่านทางธนาคารมันค่อนข้างสูง อีกทั้งตอนนั้นเจ้านายเสนอมาว่าจะออกเงินจ่ายค่าบ้านนี้ไปก่อน โดยให้พี่ชายผ่อนจ่ายผ่านการหักเงินเดือนในทุกๆเดือนโดยอัตโนมัติ เจ้านายคิดดอกเบี้ยพี่ชายเหมือนกันค่ะ เพียงแต่คิดดอกเบี้ยในเรทที่ต่ำกว่าธนาคาร (ตรงนี้เราไม่ทราบว่าเค้าคิดดอกเบี้ยในเรทเท่าไหร่ จำไม่ได้ค่ะ แต่พี่ชายบอกว่าต่ำกว่าธนาคาร เลยตกลงใจที่จะซื้อบ้านด้วยวิธีนี้) ซึ่งราคาบ้านตอนตกลงที่จะซื้อราคาบ้านอยู่ที่ประมาณ 2 ล้าน 5 แสนบาทโดยประมาณค่ะ (สรุปแล้วเป็นแค่ประมาณ 2,000,000บ.เท่านั้นค่ะ) ก็ซื้อไปโดยที่ชื่อเจ้าของบ้านเป็นชื่อของเจ้านายค่ะ (ทุกวันนี้ก็ยังเป็นชื่อของเจ้านาย) แล้วพี่ชายเราเงินเดือนประมาณ 30,000บ. ก็หักค่าผ่อนบ้านไปตามเรทปกติที่จะต้องจ่ายค่ะ โดยเจ้านายจะหักค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนไปจากเงินเดือนพี่ชายอัตโนมัติทันทีในแต่ละเดือนค่ะ เช่นพี่ชายเงินเดือน 30,000บ. ค่าผ่อนบ้านสมมติเดือนนี้ต้องจ่าย 15,500 บ.เค้าก็จะหักไปเลย เงินก็จะเข้ามาในบัญชีพี่ชายเหลือเพียงแค่ 14,500บ. เป็นแบบนี้ไปตลอดๆ ซึ่งก็ทำแบบนี้มา 3-4 แล้วค่ะ (สรุปแล้วทำแบบนี้มา 5 ปีเศษแล้วค่ะ)
ทีนี้พักหลังๆช่วงปีสองปีที่ผ่านมา พี่ชายเราเหนื่อยกับงานนี้มาก เพราะว่าต้องเข้างานตั้งแต่ตี 5-6 โมงเช้า เลิกงานก็ 1-2 ทุ่ม บางที 3 ทุ่มก็มี --" งานต้องดูแลควบคุมทั้งออฟฟิศยันคุมเด็กไลน์ผลิตโรงงาน เชคสินค้า ควบคุมสต็อก/สเป็กสินค้า ทำบัญชี สากกระเบือยันเรือรบมากมาย ซึ่งงานที่ทำไม่มีค่าโอทีล่วงเวลา ทุกอย่างรวมอยู่ในเงินเดือนนี้หมดแล้ว ไม่มีสิทธิ์วันลากิจ ลาพักร้อนใดๆ อยากลาก็มาขอเจ้านายเอาเอง เค้าจะพิจารณาเป็นเคสบายเคสไป ไม่มีสวัสดิการใดๆ โบนัสบางปีก็มี หลังๆไม่มี ถ้ามีก็แค่ 10,000บ. แค่นั้นไม่มีมากกว่านี้ ไม่ได้หยุด 13 วันตามที่รัฐบาลกำหนดด้วย หยุดแค่เฉพาะวันสำคัญๆจริง เช่นปีใหม่ สงกรานต์ วันพ่อวันแม่ก็ไม่หยุด --" (พี่ชายเราทำงานที่นี้มาประมาณ 13-14 ปีแล้วค่ะ) ไม่มีเวลาให้ลูกให้เมียเลย T_T ทีนี้พอเหนื่อยมากอยากมีเวลาให้ลูกเมียบ้าง คิดจะลาออกก็ติดปัญหาเรื่องบ้านนี้ ที่ว่าถ้าลาออกไปจะทำยังไง บ้านยังเป็นชื่อเจ้านายอยู่ ไปคุยเรื่องนี้กับเจ้านาย เค้าก็บอกถ้าจะออกก็ออกไป บ้านก็เข้ากับธนาคาร ทีนี้พี่ชายเราเลยไม่ยอม เพราะว่าดอกมันแพงกว่าเยอะ อีกทั้งอุตส่าห์สู้มาตั้งหลายปี อดทนมานาน เลยเลือกที่จะอดทนต่อไป เพื่อที่ภาระบ้านนี้หมด ก็ค่อยคิดเรื่องลาออก
ทีนี้ก็อดทนมาสักพัก แต่หลังๆคงอึดอัดใจและคงเหนื่อยจริงๆ พี่ชายเลยอยากให้เราเอง กู้เงินกับธนาคารเพื่อที่ได้เงินก้อนมาโปะค่าบ้านในส่วนที่เหลือนี้อีกให้หมด (รู้สึกว่าน่าจะเหลืออีกประมาณล้านกว่าบาทเลยหล่ะค่ะ ที่ยังต้องจ่าย จำนวนเงินคงเหลือเป๊ะๆเราไม่ชัดเจนค่ะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ) #ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะว่าน่าจะขาดอีกประมาณ 2,590,000บ.ที่ต้องผ่อน เพราะพี่ชายเราเองก็คิดว่าเค้าเองเผื่อในสักวันหนึ่งเค้าอดทนไม่ไหว จะได้ไปทำงานอย่างอื่นได้ โดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำงาน ต้องมาอดทนสารพัดเพราะเพื่อบ้านแบบนี้ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ ณ ตอนนี้ไม่มีจุดที่ทำให้มั่นใจได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าถ้าหากเราจ่ายไปครบหมดแล้วในอนาคตข้างหน้า เจ้านายเค้าจะโอนชื่อเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อพี่ชายเราจริงๆรึเปล่า (แต่ที่ผ่านมาเค้าก็ไม่มีไรตุกติกนะคะ คิดเผื่อเอาไว้ก่อน กังวลใจไปก่อน เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อยากเอาชัวร์ไว้ก่อน ยังไงถ้าเป็นชื่อเรา ถึงค่อยสบายใจได้ )
แต่คือพี่ชายเราเองก็ไม่สามารถที่จะใช้ชื่อตัวเองในการกู้เงินกับแบงค์ได้ เพราะว่าประมาณ 5-6 ปีก่อน เค้าก็ไม่รู้นึกครึ้มคิดอะไร ไปเซ็นต์ชื่อเป็นผู้กู้เงินกับแบงค์ร่วมกับป้า เพราะป้าจะซื้อบ้าน แต่กู้คนเดียวไม่ผ่าน สงสารป้าเลยช่วยเหลือไป เท่ากับว่าตอนนี้บ้านของป้า ก็ติดเป็นชื่อว่ามีพี่ชายเรากู้ร่วมอยู่ --" ทำให้พี่ชายไม่น่าจะกู้เงินก้อนมาอีกได้ เพราะป้าเองบัดนี้ก็ยังผ่อนบ้านที่มีชื่อพี่ชายเรากู้ไม่หมด พี่ชายเราเลยมาปรึกษาอยากที่จะให้เราช่วยกู้ได้ไหม (เราโอเคยินยอมค่ะ เพราะบ้านหลังนี้เราก็อยู่มา 3-4 ปีแล้ว ที่เค้าซื้อบ้านหลังนี้ก็เพราะเพื่อให้เราอยู่ เราจะได้ไม่ต้องเช่าบ้าน เช่าหอให้ลำบาก ^_^ ) ทีนี้เราเลยมีปัญหาที่สงสัยค่ะ คืออย่างถ้าเคสทั่วๆไป การจะขอกู้แบงค์ก็จะเป็นเอาเอกสารไปขอกู้แบงค์ พร้อมทั้งข้อมูลที่ทางโครงการหมู่บ้านเตรียมให้ เพื่อไปยื่นกู้
แต่ของเราหล่ะคะ จะต้องเป็นไปยังไง เพราะว่ามันหลายเสต็ป เราต้องขอเอกสารอะไรจากเจ้านายพี่ชายไหมคะ? บอกตรงๆเรื่องการกู้รวมถึงเอกสารต่างๆเรายังไม่ชัดเจน มีใครพอทราบบ้างไหมคะ ว่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรคร่าวๆไปบ้าง มีวิธีที่ทำให้เจ้านายพี่ชายเราไม่ต้องรู้ไหมคะ แบบว่ามันต้องขอเอกสารบ้านมาจากเจ้านายด้วยไหม
และข้อมูลเพิ่มเติมของเรา ก็คือ เราเองเงินเดือนประมาณ 20,000บ. อายุ 23ปี อายุงาน 1 ปี 6 เดือนเศษ ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของอสังหาอะไรใดๆทั้งสิ้น T_T แบบนี้เราจะกู้ผ่านหรือเปล่าคะ หากไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ จะสามารกู้เงินได้ไหมคะ และถ้าหากสามารถกู้ผ่าน น่าจะได้เงินกู้ที่เท่าไหร่คะ
รบกวนผู้รู้ทุกท่าน ช่วยให้ข้อมูลด้วยค่ะ รวมถึงหากใครมีคำแนะนำใดๆ เช่นธนาคารไหนที่ควรลองไปติดต่อ แจ้งมานะคะ ขอขอบคุณข้อมูลล่วงหน้าค่ะ