มีหนังเงียบขาวดำปี 1928 โคตรยอดเยี่ยมคลาสสิกมาแนะนำกันครับ The Cameraman!!!

The Cameraman (1928)



Genre : Silent Film, Comedy, Drama, Romance

Director : Edward Sedgwick
Story : Clyde Bruckman, Lew Lipton, Byron Morgan, Al Boasberg
Continuity : Richard Schayer    
Titles : Joseph Farnham    

สารภาพก่อนเลยว่าผมไม่เคยได้ยินชื่อ Edward Sedgwick รวมถึงนักแสดงนำอย่าง Buster Keaton มาก่อนเลย ซึ่งก็ถือว่าเชยมากเพราะ Buster Keaton เขาโคตรดังในยุคของเขาเลยครับ เป็นนักแสดงหนังคอเมดี้คล้าย ๆ Chaplin เลยครับ ผมบังเอิญได้รู้จักหนังเรื่องนี้ก็เพราะลิสหนังลิสหนึ่งใน imdb ที่ผมว่ารสนิยมดีโคตร ๆ เขามีชื่อ The Cameraman ในอันดับต้น ๆ ของเขา

The Cameraman เป็นหนังเงียบขาวดำนะครับ

เนื้อเรื่องของ The Cameraman เป็นเรื่องของตากล้องสมัครเล่นตกหลุมรักหญิงสาวที่ทำงานกับ MGM Studios เขาจึงหวังจะทำงานถ่ายภาพเคลื่อนไหวมาขายสตูดิโอเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก เนื้อเรื่องสั้น ๆ เข้าใจง่ายตามสไตล์หนังยุค 1930 แต่ขอบอกว่าโคตรเยี่ยมไม่แพ้หนังคลาสสิกของ Chaplin เรื่อง City Lights เลยครับ

The Cameraman ปี 1928 โดดเด่นอย่างไร ทำไมคนได้ชมถึงยกย่องกันมากนัก
ประการแรกครับ - บทหนังที่เขียนออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ตัวละครตากล้องที่ดูต่ำต้อยหวังจะพิชิตใจหญิงสาวด้วยหน้าที่การงาน แง่มุมความเป็นหนังคอเมดี้ผสมกับโรแมนติกและดราม่าออกมาได้ลงตัวมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ
ประการที่สอง - สไตล์หนังคอเมดี้ที่ได้ยิ้มตลอดทั้งเรื่อง (และไม่ใช่หนังขายแต่ความตลก!!!) ผมเข้าใจว่าหนังยุค 1930 มักจะมีมุกตลกฟุ่มเฟือยไม่เกี่ยวกับหนัง (อย่างเช่นที่ผมเบื่อกับ Chaplin ออกมาเล่นตลกโดยที่หนังไม่เดินไปข้างหน้า) ซึ่ง The Cameraman ก็มีขายฉากตลกของ Buster Keaton ที่ไม่เกี่ยวกับหนังอยู่อย่างน้อยสองฉาก ซึ่งหนึ่งในสองฉากมีความยาวมากจนผมเองยังรำคาญเลยครับ คือมันไม่ตลกแล้วเล่นยาวเกินไป หะหะ แต่นอกเหนือจากนั้นผมว่ามุกตลกมันมีคลาสมาก ๆ อย่างเช่นมุกกล้องชนกระจกแตก เล่นตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเรื่องเหมือนเป็น gimmick ของฉากนั้นไปเลยครับ
ประการที่สาม - เทคนิคการถ่ายทำและการตัดต่อปี 1928 หลายฉากทำให้ผมได้อึ้ง ต้องขอยกตัวอย่างสักนิดเลยครับ เช่น ฉากวิ่งขึ้นลงบันได 5-6 ชั้น โดยเป็นการถ่ายแบบ long take เลื่อนกล้องขึ้น-ลงตามชั้นของตึก!!! ปี 1928 แต่ฉากนี้ทำผมอึ้งมาก นอกจากนี้ก็มีเทคนิคการถ่ายขณะรถเคลื่อนที่ อันนี้ประทับใจเป็นการส่วนตัวครับ
ประการสุดท้าย - หนังหลายเรื่องมักจะมีปัญหาในการหาทางลง พูดง่าย ๆ ก็คือจบอย่างไรให้สวย และผมบอกตรงนี้เลยว่า The Cameraman เป็นหนังอีกเรื่องที่ปิดหนังได้โคตรยอดเยี่ยม!!

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมดของหนัง ผมอดไม่ได้ที่จะต้องขอยกเป็นมวยถูกคู่กับ City Lights ปี 1931 ซึ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชายจรจัดพยายามหาเงินมาช่วยเหลือหญิงสาวพิการทางสายตา เป็นหนัง Romantic Comedy เหมือนกัน ถ้าวัดที่ความตลกของหนังคงต้องให้ Chaplin เขาชนะไปล่ะครับ ส่วนด้านความโรแมนติกนี่ผมให้สูสีกันเลย ต่างก็มีดีในความโรแมนติกแบบฉบับของตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงความลงตัวของบทหนังผมให้ The Cameraman เหนือกว่าครับ เพราะ City Lights หลายฉากมันไม่ช่วยให้หนังเดินหน้า เช่นเศรษฐีขี้เมาหรือฉากชกมวย คือผมมองว่าหนังของ Chaplin เป็นหนังตลกมากกว่าแล้วพอดีมันได้ซึ้งด้วยเลยคลาสสิกขึ้นหิ้ง ส่วน The Cameraman ผมให้มันคลาสสิกด้วยเรื่องราว (Story) ของมันเองเลยครับ

Masterpiece หนังเงียบอีกเรื่องอย่างแน่นอนครับ

10/10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่