ใครบ้างที่พอเริ่ม ไอ เจ็บคอ แล้วจะต้องกินยาแก้อักเสบดักไว้ก่อน ที่ได้ยินคนกินบ่อยๆคือสีแดงดำ ส่วนเรากินเม็ดสีฟ้าเป็นหลักเพราะมีเภสัชบอกว่ามันแรงกว่าซึ่ง
"ยาแก้อักเสบ" เป็นชื่อผิดๆที่คนทั่วไปใช้เรียก"ยาปฏิชีวนะ"เช่น penicillin, tetracycline, amoxicillin ที่ฆ่าได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ส่วนอาการหวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มียาตัวไหนที่รักษาได้นอกจากร่างกายจะค่อยๆสร้างภูมิต้านทานและหายจากหวัดได้เอง แต่..มันใช้เวลา ซึ่งหลายๆคนรำคาญอาการขี้มูกยืด จามทั้งวัน จึงอดไม่ได้ที่จะกินยาปฏิชีวนะเพื่อทุเลาอาการ
จริงอยู่ที่ยามันจะเข้าไปฆ่าแบคทีเรียตัวร้าย ซึ่งอาการเจ็บคอบางประเภทเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หลายคนกินยาเข้าไปจึงรู้สึกว่ามันดีขึ้น แต่ช้าก่อน ยาไม่ได้ฆ่าเฉพาะเชื้อโรคร้ายเท่านั้น แต่ทำลายเชื้อแบคทีเรียดีๆที่คอยป้องกันร่างกายและควบคุมจำนวนเชื้อโรคดื้อยาเอาไว้ ซึ่งผลในระยะยาวคือ เชื้อโรคดื้อยากลายเป็นมัจจุราชเงียบที่แฝงเร้นในร่างกายและมันพัฒนาตัวเองให้ต้านทานตัวยามากขึ้น รอวันที่คุณอ่อนแอขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ มันจะโจมตีทันทีโดยไม่มีแบคทีเรียชนิดดีคอยควบคุม ผลก็คือ ร่างกายคุณอ่อนแอลง ติดโรคได้ง่ายและต้องใช้ยาที่แรงขึ้นในคราวต่อไป
การรักษาหวัดด้วยวิธีให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเองจึงเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดิ่มน้ำอุ่นๆตลอดวัน และ ถ้าต้องการใช้ยาจริงๆควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบว่าอาการนั้นเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรียเพื่อที่แพทย์จะได้สั่งยาให้ถูกกับชนิดแบคทีเรียตัวร้าย โดยไม่ไปฆ่าชนิดดีเข้า อ้างอิงจากรายการ Dr.Oz show คลิกไปดูต่อได้ค่ะ ขอให้สุขภาพดีจงมีแก่เพื่อนๆทุกคน
http://www.doctoroz.com/videos/are-we-headed-antibiotic-apocalypse-pt-1
เพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่ายาแก้อักเสบกับยาปฏิชีวนะคือตัวเดียวกัน
ยาแก้อักเสบหรือยาต้านอักเสบ จะช่วยบรรเทาอาการไข้ ลดบวม แต่ไม่มีฤิทธ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น ยาแอสไพริน
ที่มา :
http://newsser.fda.moph.go.th/rumthai/userfiledownload/asu144dl.pdf
ใครบ้างที่พอเริ่ม ไอ เจ็บคอ แล้วจะต้องกินยาแก้อักเสบดักไว้ก่อน
"ยาแก้อักเสบ" เป็นชื่อผิดๆที่คนทั่วไปใช้เรียก"ยาปฏิชีวนะ"เช่น penicillin, tetracycline, amoxicillin ที่ฆ่าได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ส่วนอาการหวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มียาตัวไหนที่รักษาได้นอกจากร่างกายจะค่อยๆสร้างภูมิต้านทานและหายจากหวัดได้เอง แต่..มันใช้เวลา ซึ่งหลายๆคนรำคาญอาการขี้มูกยืด จามทั้งวัน จึงอดไม่ได้ที่จะกินยาปฏิชีวนะเพื่อทุเลาอาการ
จริงอยู่ที่ยามันจะเข้าไปฆ่าแบคทีเรียตัวร้าย ซึ่งอาการเจ็บคอบางประเภทเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หลายคนกินยาเข้าไปจึงรู้สึกว่ามันดีขึ้น แต่ช้าก่อน ยาไม่ได้ฆ่าเฉพาะเชื้อโรคร้ายเท่านั้น แต่ทำลายเชื้อแบคทีเรียดีๆที่คอยป้องกันร่างกายและควบคุมจำนวนเชื้อโรคดื้อยาเอาไว้ ซึ่งผลในระยะยาวคือ เชื้อโรคดื้อยากลายเป็นมัจจุราชเงียบที่แฝงเร้นในร่างกายและมันพัฒนาตัวเองให้ต้านทานตัวยามากขึ้น รอวันที่คุณอ่อนแอขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ มันจะโจมตีทันทีโดยไม่มีแบคทีเรียชนิดดีคอยควบคุม ผลก็คือ ร่างกายคุณอ่อนแอลง ติดโรคได้ง่ายและต้องใช้ยาที่แรงขึ้นในคราวต่อไป
การรักษาหวัดด้วยวิธีให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเองจึงเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดิ่มน้ำอุ่นๆตลอดวัน และ ถ้าต้องการใช้ยาจริงๆควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบว่าอาการนั้นเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรียเพื่อที่แพทย์จะได้สั่งยาให้ถูกกับชนิดแบคทีเรียตัวร้าย โดยไม่ไปฆ่าชนิดดีเข้า อ้างอิงจากรายการ Dr.Oz show คลิกไปดูต่อได้ค่ะ ขอให้สุขภาพดีจงมีแก่เพื่อนๆทุกคน
http://www.doctoroz.com/videos/are-we-headed-antibiotic-apocalypse-pt-1
เพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่ายาแก้อักเสบกับยาปฏิชีวนะคือตัวเดียวกัน
ยาแก้อักเสบหรือยาต้านอักเสบ จะช่วยบรรเทาอาการไข้ ลดบวม แต่ไม่มีฤิทธ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น ยาแอสไพริน
ที่มา : http://newsser.fda.moph.go.th/rumthai/userfiledownload/asu144dl.pdf