เฮ้อ! เหนื่อยเหลือเกินครับ ผมจะทำอย่างไรดี

กระทู้สนทนา



หลังจากตัดสินใจลาออกจากงานที่กรุงเทพเมื่อปลายปี 2555 แล้วมาเปิดร้านหมูกระทะที่จังหวัดมหาสารคามพร้อมกับเรียนปริญาโทไปด้วยในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์  ร้านหมูกระทะของผมเป็นร้านเล็กๆ จำนวน 15 โต๊ะ เปิดมาตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2555 มาจนถึงวันนี้ก็ 2 เดือน 25 วันพอดี ระหว่างที่ผมทำร้านก็เจอกับอะไรหลายอย่าง หมดเงินไปกับร้านก็เยอะ ที่ผ่านมาเงินลงทุนส่วนหนึ่งผมก็กู้เขามาลงทุนจนมาวันนี้ผมคืนเงินที่ยืมมาแล้วเกือบหมดเหลืออีก 50,000 บาท เท่านั้น แต่วันนี้ผมกำลังรู้สึกว่าผมจะหมดแรงสู้เสียแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมต้องหาเงินจำนวนมากมาโป๊ะที่ร้านเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซื้อของในแต่ละวันตกประมาณ 2500-3500 บาท ยอดขายได้วันละ 3000-8000 บาท ซึ่งก็ไม่แน่นอน บางวันต้องลงของทั้งน้ำอัดลม ทั้งน้ำดื่ม ทั้งไอติม หมดไปเกือบหมื่น ยิ่งทุกวันนี้อาหารทะเลแพงมากแต่ผมก็ยังยอมทนเพราะลูกค้าที่เขามาอุดหนุน

ลูกค้าที่ร้านค่อนข้างเยอะ บางวันลูกค้าแน่นเต็มร้าน  ลูกค้าน้อยสุดก็มี 4-5 โต๊ะ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วยแล้วนักศึกษากลับบ้านหมด ลูกค้าหายไปเกือบหมดแต่ก็มีมาบ้างที่เป็นคนทำงานและส่วนมากก็เป็นลูกค้าเก่าทั้งนั้น ถึงลูกค้าจะน้อยผมก็ยังเปิดร้านเพราะเห็นใจลุกค้าเก่าที่จะมากิน ยกเว้นว่าบางวันที่ผมเรียนหนักจนมืดค่ำ น้องที่ทำด้วยสอบวันนั้นเราจึงจะปิดร้านกัน

การทำร้านในครั้งนี้ทำให้ผมได้บทเรียนหลายอย่าง และได้เห็นนิสัยของเพื่อน ของน้อง แต่ละคนว่าเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยและช้ำใจกับมัน มันทำให้ผมเข้าใจคำว่า "มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่" ก็ในครั้งนี้แหล่ะครับ

ช่วงหลังๆมาผมเปิดร้านมาก็หวังเพื่อจะหาเงินใช้หนี้ที่ยืมมา ก็ทยอยใช้ทุกวันจากเงินที่ยืมมา 200,000 ตอนนี้เหลือออยู่ 50,000 บาท บางวันไม่มีเงินเปิดร้านเพราะต้องจ่ายค่าของหมดผมก็ใช้วิธีขอยืมจากเพื่อน จากน้อง จากผู้ใหญ่ที่รู้จักมักคุ้นบ้าง ก็ยืมได้บ้างไม่ได้บ้าง ยืมวันนี้พรุ่งนี้คืนขอเพียงแค่ได้เปิดร้านก็พอ

ไอ้เรื่องยืมเงินนี่แหล่ะมันทำให้ผมช้ำใจ แต่ก่อนที่ผมจะออกจากงานผมมีรถขับ มีเงินพอตัว ไม่ลำบากว่างั้นเถอะ ผมมีเพื่อนอยู่จำนวนหนึ่ง รู้จักน้องจำนวนหนึ่ง ซึ่งคนเหล่านี้มักจะแวะเวียนมาหาผมอยู่ตลอดในช่วงที่ผมมาทำงานที่มหาสารคาม (พักบ้านน้อง) อยากกินอะไร อยากได้อะไร ผมก็มักจะไม่ขัด เพื่อนบางคนขอยืมเงินผมก็ให้ยืม ไม่เคยทวง น้องเดือดร้อนผมก็ช่วยขอยืมเงินผมก็ไม่ขัด น้องบางคนโดนจับเพราะเสพยาวิ่งมาหาผมให้ช่วย ผมก็ช่วยไปประกันตัวออกมา บางคนจะกลับบ้านอยากให้ไปส่งผมก็พาไป เพื่อนอยากไปเที่ยวผมก็พาไป เป็นอย่างนี้ตลอดระยะเวลาหลายปี  น้องบางคนที่ผมรู้จักและคิดว่าเป็นน้องชายตัวเองอยากได้อะไรผมก็หาให้ ผมไปเที่ยวเมืองนอกผมก็พาไปเพราะอยากให้เขาได้เห็นอะไรใหม่ๆ ทุกปีผมจะพาน้องไปเที่ยวต่างประเทศโดยใช้เงินของตัวเอง เพื่อให้น้องเหล่านี้ได้มีโอกาสที่ดีเหมือนกับคนอื่น

นอกจากนี้ผมยังทำงานช่วยเหลือคนอื่นอีกโดยใช้เงินของตัวเอง เช่น ให้ทุนการศึกษา ช่วยเหลือเรื่องเงินประกอบอาชีพ ช่วยเหลือเรื่องเอกสารต่างๆ ตามที่ขอมา  ตั้งโรงทาน ซึ่งทุกอย่างล้วนใช้เงินส่วนตัวทั้งสิ้น ที่ผ่านมาผมก็ทำงานหนักแต่มันมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคน บางครั้งเงินไม่มีก็ต้องวิ่งหาเงินมาให้กับน้องๆที่เดือดร้อน

มาวันนี้วันที่ผมตัดสินใจมาอยู่มหาสารคามและทำร้านหมูกระทะ มันทำให้ผมรู้ว่าเพื่อนที่คบกันมา น้องที่รู้จัก มีนิสัยเป็นอย่างไร เมื่อผมเข้าตาจนไม่มีเงินจะเปิดร้าน ไม่มีเงินซื้อของ ผมพยายามไปหาหยิบยืมจากเพื่อน จากน้องที่รู้จัก ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ แม้แต่น้อง แต่เพื่อนที่ผมเคยช่วยเหลือประกันตัว น้องๆที่ผมเคยพาไปเที่ยวต่างประเทศ ทุกคนล้วนแล้วหันหลังให้ผมทั้งสิ้น ไม่ช่วยเหลืออะไรแถมยังไม่เคยถามผมว่า ที่ร้านเป็นอย่างไร มีอะไรให้ช่วยไหม ทุกคนไม่เคยถามผมเลย พอเห็นว่าผมไม่มีเงินทุกคนต่างไม่มองหน้าผม ไม่มาเล่นด้วย แม้แต่เจอกันตามถนนหนทางหรือตามห้างก็ไม่ถามผมสักคำ  เรื่องนี้ทำให้ผมเหนื่อยหัวใจบางวันผมนั่งร้องให้ก็มี ยามที่เราทุกข์ย ามที่เราไม่มีเงินวิ่งไปพึ่งใครก็ไม่ได้  ทุกคนทำเหมือนกับไม่รู้จักเรา...

ทุกวันนี้ผมก็มีน้องที่เคยมาพักอยู่ด้วยตอนมาทำงานที่มหาสารคามคอยช่วยเหลือ คอยเป็นกำลังใจให้ บางวันน้องๆเขาก็วิ่งหาเงินมาช่วยกันเพื่อที่จะเปิดร้าน  ทุกคนคิดว่าวันหนึ่งเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ลูกค้าเราเยอะมาก แต่เราจะมีแรงสู้ไปให้ถึงหรือเปล่า

มาวันนี้ผมยังรักที่จะทำอาหารในราคานักศึกษาให้กับลูกค้าได้มากิน แต่วันนี้ผมกลับเหลือแรงไม่มาก เหนื่อยกายที่ทำงานหนักผมทนได้ แต่เหนื่อยใจนี่สิมันทนลำบาก ทุกวันนี้ก็สู้เพื่อน้องๆที่คอยให้กำลังใจเพราะผมต้องดูแลพวกเขา ยังอีกจะเรื่องงานที่ต้องคอยช่วยเหลือผู้คนที่วิ่งมาให้ผมช่วยเหลืออยู่มิได้ขาด ผมจะทำอย่างไรดีครับในขณะที่ผมไม่มีเงินเลย

หลายคนอาจพูดว่า ทำไมไม่ไปกู้ธนาคารล่ะ ผมอยากกู้ แต่ด้วยที่ว่าผมออกจากงานมาแล้ว เลยไม่สามารถกู้ได้เพราะไม่มีหลักฐานการทำงาน จะเอาร้านเข้าธนาคารก็ไม่ได้เพราะยังไม่ถึงปี ไปคุยกับธนาคารออมสินเขาก็ให้แค่ 10,000 บาท แถมต้องหาคนมาค้ำประกันซึ่งมันหายากมากขนาดพี่น้องกันยังไม่กล้าค้ำประกันให้กันเลย  เงินเก็บที่ผมทำงานมาก่อนหน้านั้น ผมก็นำมาสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ ซื้อที่ให้ท่าน ส่งหลานสองคนเรียน นอกนั้นเงินส่วนหนึ่งผมก็ใช้สำหรับทำงานเพื่อสาธารณะที่ผมชอบ เงินก้นถุงที่ผมนำมาทำร้านก็มีแค่ 200,000 บาทเท่านั้น นอกนั้นก็ยืมมาอีกส่วน

มาวันนี้ผมหมดแรงแล้วจริงๆ พยายามที่จะลุกขึ้นสู้แต่มันเริ่มที่จะลุกไม่ไหว คิดอยากจะหาทุนมาต่อยอดโดยการหาหุ้นส่วนเข้ามาแต่ก็ไม่รู้จะไปชวนใครมาทำด้วย อยากจะหาที่กู้เงินมันก็หายาก และไม่รู้จะไปหาที่ไหน เพราะผมไม่รู้จักใครแล้ว ตอนนี้ผมตัวคนเดียวจริงๆ ตอนนี้ผมต้องการทุนแค่ 30,000-40,000 บาท ก็สามารถต่อยอดร้านได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร?  

แรงผมกำลังจะหมดแล้วครับ ผมเหนื่อยเหลือเกิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่