หน้าเปิด
งานพิธีสำเร็จการศึกษา เซ็นคิจิที่เป็นประธานนักเรียนก็ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีกับเหล่านักเรียนปีสามที่สำเร็จการศึกษา
โทไรก็บอกเป็นภาพที่น่าดูหรือยอดเยี่ยมดีที่มีปีสามเยอะขนาดนี้ นาเสะบอกไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยจนตัวเธอเกือบสั่นเหมือนกัน และทั้งหมดนี้ก็รวมถึงห้อง 13 กับ ลบ13 ด้วย นาเสะบอกจะบอกว่าเซ็นคิจิเป็นคนเปลี่ยนงานพิธีสำเร็จการศึกษาก็ได้ บอกได้ว่าเซ็นคิจิเมื่อเทียบกับคนพวกนี้แล้วก็เหมือนกำลังฉายแสงหลังจากเรื่องนั้น เอมุคาเอะก็รู้ว่าหลังจากที่ดวงจันทร์หายไปเหมือนกัน ทางเซ็นคิจิก็กล่าวไปเรื่อยๆ
จนมาพูดเรื่องเมดากะ เซ็นคิจิบอกดอกไม้ที่ติดอยู่บนหน้าอกของเหล่าปีสามที่กำลังจะจบนั้นรวมถึงที่ประดับอยู่ในห้องนี้ เป็นดอกไม้ที่เมดากะปลูกเอาไว้เมื่อตอนเป็นประธานนักเรียน เซ็นคิจิบอกก็สับสนอยู่เหมือนกันที่ทำไมประธานนักเรียนถึงมาปลูกดอกไม้แต่ก็คิดว่าเมดากะทำเพื่องานนี้
บอกก็ไม่น่าให้อภัยอยู่ที่เมดากะหยุดไปในขณะที่รุ่นพี่กำลังจะก้าวไปใช้ชีวิตใหม่แบบนี้แต่บอกเพื่อดอกไม้พวกนี้แล้วเขาก็ให้ทุกคนยกโทษให้เมดากะก็แล้วกัน และเซ็นคิจิก็จะขอพูดเรื่องของเมดากะอีกอย่างโดยพูดย้อนกลับไปช่วยม.ต้นปี3หรือก็คือราวๆหนึ่งปีก่อน เซ็นคิจิได้ถามเมดากะว่าทำไมถึงต้องมาสมัครทั้งๆที่เรื่องการเรียนของเมดากะไม่จำเป็นเลยก็ได้ เมดากะก็ตอบโดยบอกเหมือนเป็นคำถามโง่ๆ เมดากะบอกว่าก็เธอกำลังไปเรียนว่า 1+1 เท่ากับอะไร เซ็นคิจิคิดว่าทุกคนคงงงแน่ว่าหมายความว่าไง คงไม่เข้าใจกันแน่นอนซึ่งเซ็นคิจิตอนนั้นก็คิดว่าเป็นการกระทำผิดปกติของเมดากะเหมือนเคย เซ็นคิจิบอกเขาคิดว่าหมายถึงที่พวกเราไม่ได้เรียนว่า 1+1 เท่ากับอะไรมานานแล้ว แต่นั้นไม่ใช่เซ็นคิจิเชื่อว่าความหมายของเมดากะจริงๆแล้วก็คือ...
1+1=2 ที่ๆคนๆหนึ่งและอีกคนๆหนึ่งมารวมกันเป็นสอง นั้นก็คือโรงเรียน แทนที่จะเป็นเพียงตัวเลข แต่กับคนที่พูดด้วยคำพูดแบบนี้ได้จะไม่รู้จักความโดดเดี่ยว ไม่รู้จักถึงความทุกข์ของความโดดเดี่ยว เพราะงั้นเมดากะถึงมาเรียนที่โรงเรียนฮาโคนิวะนี้ มาพบกับทุกคน มาแข่งกับทุกคน มารักทุกคน มาเรียนรู้ทุกคน มาเป็นสองกับทุกคน
จาก 1+1 เป็น 2 แล้วก็ 3 4 5 .... 10 จนสุดท้ายก็กับทุกคนที่เชื่อมโยงกัน พูดได้ว่าเมดากะมาที่นี่เพื่อพบกับทุกคน พอได้รู้ถึงคำตอบที่หลากหลายของ 1+1 คืออะไรแล้วเซ็นคิจิก็บอกเลยว่าเขาดีใจที่ทุกคนที่ได้เจอกับเมดากะมาอยู่ที่นี่และสอนคำตอบนั้นให้เมดากะ และแน่นอนว่าไม่แค่เมดากะ เซ็นคิจิก็บอกพวกเขาเองก็ดีใจที่ได้เจอทุกคน บอกพวกเขาอาจไม่ได้เป็นรุ่นน้องที่ดีนักแต่เขาก็มั่นใจว่าคำตอบของ 1+1 ที่ได้เรียนรู้จากทุกคนที่นี่จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป
แล้วเซ็นคิจิก็ขอบคุณทุกคนและจบการกล่าวในฐานะประธานนักเรียน โมโมะเองก็พูดกับฮิโตมิว่าเซ็นคิจิช่างรุ่งโรจน์สมเป็นลูกชายของฮิโตมิ ฮิโตมิเองก็ซึ้งใจกับคำพูดของเซ็นคิจิถึงจะไม่ใช่คำพูดกล่าวลารุ่นพี่ที่ดีนักก็เถอะ ยังเป็นมือสมัครเล่นของการเอาใจใส่อยู่ โมโมะก็บอกไม่ต้องห่วงแต่คนที่จะพูดคนต่อไปนี่สิ... และก็มาถึงตัวแทนนักเรียนที่จบการศึกษามากล่าวต่อ
นั้นคือคุมางาวะ บางคนก็แปลกใจที่ทำไมไม่เป็นคุโด้ที่เป็นอดีตประธาน คุโด้บอกเขาไม่ดีพอจะพูดหรอก คุมางาวะขอบคุณเซ็นคิจิที่กล่าวและพูดล้อเล่นนิดหน่อย พอดีตอนนั้นนามานิเอะก็โผล่ออกมาจากแถวในกลุ่มนักเรียนปีสามทำให้เซ็นคิจิตะโกนห้ามและงงว่านามานิเอะอยู่ปีสามกับเขาด้วยเหรอ(คนละโรงเรียนอีก)
คุมางาวะพูดต่อถึงเรื่องสำเร็จการศึกษา บอกเลยว่าเขาสอบเข้ามหาลัยตกหมดและก็ยังไม่เจองานที่อยากทำเลย พูดตรงๆคือยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะไปทำอะไรดีจนรู้สึกยังไม่อยากจะจบเลย พูดเลยว่าคิดอยากส่งคนอย่างเขาไปยังโลกแห่งความจริงจริงๆเหรอ หดหู่ซะจนทุกคนเหนื่อยใจแทน แถมตอนเป็นนักเรียนก็มีแต่ล้มเหลวทั้งโดนปราบด้วยเกมของตัวเอง(พูดถึงภาคคุมางาวะ) ทั้งถูกเมดากะไล่ ทั้งอันชินอินอีก กลุ่มผ้ากันเปื้อนผืนเดียวก็ถูกยุบ แฟชั่นยีนบรามือก็ไม่ได้ถูกลงปกโชเน็นจัมป์ มีหลายอย่างที่ไม่ได้ทำในชีวิตโรงเรียน แต่ก็พูดได้ว่าเป็นชีวิตนักเรียนที่ดี
ลองทำอะไรบ้า ได้หัวเราะกับเรื่องบ้าๆที่ทำ ถึงจะไม่ใช่หนทางของเขา สำหรับบางคนอย่างเขาที่เป็นนักเรียนย้ายโรงเรียนมา แต่โรงเรียนนี้ก็เป็นที่ๆเขาไม่อยากจะจากออกไปเลย ไม่อยากจะจบไป คุมางาวะบอกแน่นอนว่าบางสิ่งมันต่างไปจากครั้งที่แล้วที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ เขาได้กลายเป็นคนอ่อนโยนซึ่งก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว บอกพอเมดากะกับอันชินอินหายไปเขาถึงกับวิตก พอไม่มีทั้งสองคนแล้วก็คิดว่าตัวเองจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เปลี่ยนกลับมาเป็นไม่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ถึงจะไม่มีทั้งสองคนก็ยังเพียงพอที่เขาจะอยู่เหมือนเดิม
บอกเลยว่าคงไม่อาจทำให้การพบเจอผู้คนที่แตกต่างกันทำให้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ บอกคิดว่านี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบทุกคน จากนี้เขาก็มาทำให้ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้ ทุกคนเองโชคไม่ดีที่มาเจอคนอย่างเขา มาเจอคนลบที่สามารถเปลี่ยน 1+1 เป็น 0 ได้บอกเลยว่าโชคไม่ดีจริงๆ และคุมางาวะก็จะขอให้คำแนะนำและและสุดท้ายในฐานะรุ่นพี่เรื่องของความได้ประโยชน์จากการได้เจอกัน บอกทุกคนที่นี่ต่างจะสำเร็จการศึกษาออกไปสู่สังคม บางทีอาจจะหมดกำลังใจเมื่อได้เรียนรู้ถึงความไม่มีเหตุผล ประสบการณ์แห่งความสูญเสียแท้จริง จะมีวันที่คิดว่าชีวิตของตัวเองนั้นเลวร้าย ไม่ว่าใครก็สามารถเจอประสบการณ์นั้นได้สักวันเมื่อมาถึง
และบอกให้รู้เลยว่าคนอย่างเขายังมีอยู่ คนที่เคราะห์ร้ายยิ่งกว่าทุกคนที่นี่ และยังหัวเราะและมีชีวิตอยู่แม้จะมีแต่เรื่องแบบสุดๆก็ตาม บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง ตราบที่เขายังอยู่ชีวิตของทุกคนก็ไม่ได้เลวร้ายที่สุด ความเคราะห์ร้ายจะเป็นประสบการณ์ให้ทุกคนนับจากนี้ ถึงจะเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่เขาเจอมาในช่วงวัยรุ่นนี้ บอกขอให้จำคนอย่างเขาที่ถึงจะเคราะห์ร้ายก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ บอกแล้วเขาจะพิสูจน์ให้เห็นเอง
บอกถึงแม้จะเป็นจุดที่ใครคิดว่าความเคราะห์ร้ายราวกับนรกจนไม่มีทางเลือกปลดปล่อยตัวเอง เขาก็จะสอนให้เองว่าความเคราะห์ร้ายนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด จะจัดการเอาน็อตปักฝังกระดูกให้เลย แล้วคุมางาวะก็ขอกล่าวเพียงเท่านี้ บอกถึงจะเรียนจบแต่เขาก็ยังไม่ได้จบไปจากโชเน็นจัมป์เพราะงั้นก็อ่านกันต่อไป พวกกลุ่มผู้สมัครสภานักเรียนเลยคิดเลยว่าถึงที่สุดจริงๆเลยคนๆนี้ แต่ทุกคนก็ปรบมือให้ อาคุเนะเองบอกถ้าไม่ใช่แบบนี้ก็ไม่สมเป็นคุมางาวะ คิไคจิมะเองก็บอกอยากให้เมดากะมาเห็นแบบนี้จัง ตอนนั้นประตูก็เปิดออก
คนๆหนึ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง เข้ามาพูดว่าเป็นการกล่าวลาที่ดี ถึงจะมาช้าไปนิดแต่ก็ดีใจที่มาทันเวลา และพูดกับเซ็นคิจิด้วยว่าที่เซ็นคิจิกล่าวก็ดีเหมือนกันที่พูดถึงเธอ บอกเธอเป็นห่วงนิดๆว่าจะพูดอะไรแย่ๆเกี่ยวกับเธอรึเปล่า แล้วก็พูดกับชิรานุอิที่ในที่สุดก็กลับมาโรงเรียนได้นั้นเท่ากับคุมางาวะไม่อาจทำให้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ แต่ความจริงแล้วเธอเองก็เหมือนกันที่อยากกลับมาให้ทัน หลังจากทำลายดวงจันทร์เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาวที่หลงทางและไปสู้ในสงคราม จอมมารในอีกจักรวาล ต้องขัดขวางสงครามระหว่างแสงสว่างกับความมืดจนกลายเป็นการผจญภัยเพื่อการกลับมาจริงๆ แล้วก็พูดกับคุมางาวะที่ถึงเธอจะช้าไปแต่ที่คุมางาวะเดิมพันเอาไว้ถึงเธอจะแค้นอยู่หน่อยแต่คุมางาวะก็น่าจะดีใจนิ คุมางาวะเคยพูดไว้เดิมพันไว้ว่าสุดท้ายเมดากะต้องรอดกลับมาแน่ คุมางาวะเลยน้ำตาร่วงบอกชีวิตของเขาน่าสนุกจริงๆ
คุมางาวะ: ในที่สุดก็ "ชนะ"
อีกด้าน ฮันเท็นที่กำลังดื่มน้ำเอาๆและกำลังอยู่กับอิอิฮิโกะ(ส่วนที่หลงเหลือ)และโอบิในหมู่บ้านชิรานุอิ โอบิบอกน่าแปลกใจที่ฮันเท็นไปช่วยเมดากะถึงดวงจันทร์ทั้งที่ไม่ใช่มนุษย์ ฮันเท็นบอกเขาก็แค่ทำในสิ่งที่อันชินอินจะทำ แต่ก็บอกไม่จำเป็นอีกแล้วจากนี้เขาจะถอนตัวจากเรื่องเมดากะ นี่ก็แค่จัดการเรื่องที่รับมา อิอิฮิโกะเห็นด้วยและตอนนี้สิ่งที่เขาทำลายไปก็จะกลับมาได้ บอกแน่ใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะโผล่มาไม่ช้าก็เร็วนี้แน่
โอบิบอกหมู่บ้านชิรานุอิองก็ต้องปิดงานเหมือนกัน บอกการคงอยู่มา 500 ปีของพวกเธอจบลงแล้วถึงจะไม่ใช่ด้วยฝีมือเมดากะแต่เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น อิอิฮิโกะบอกเขาเองก็รู้สึกระอายเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่มนุษย์ธรรมดาไม่จำเป็นต้องสวงนอะไรไว้ด้วย การที่ผู้คนมาพบและพูดคุยกันและแลกเปลี่ยนคำพูดกันนั้นแหละที่ทำให้รู้สึกถึงการเชื่อมโยงกัน
ด้านพวกเมดากะก็กำลังจะถ่ายรูป
จบตอน ตอนหน้าขึ้นภาคใหม่ต่อ
[Spoil] Medaka Box - 185
งานพิธีสำเร็จการศึกษา เซ็นคิจิที่เป็นประธานนักเรียนก็ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีกับเหล่านักเรียนปีสามที่สำเร็จการศึกษา
โทไรก็บอกเป็นภาพที่น่าดูหรือยอดเยี่ยมดีที่มีปีสามเยอะขนาดนี้ นาเสะบอกไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยจนตัวเธอเกือบสั่นเหมือนกัน และทั้งหมดนี้ก็รวมถึงห้อง 13 กับ ลบ13 ด้วย นาเสะบอกจะบอกว่าเซ็นคิจิเป็นคนเปลี่ยนงานพิธีสำเร็จการศึกษาก็ได้ บอกได้ว่าเซ็นคิจิเมื่อเทียบกับคนพวกนี้แล้วก็เหมือนกำลังฉายแสงหลังจากเรื่องนั้น เอมุคาเอะก็รู้ว่าหลังจากที่ดวงจันทร์หายไปเหมือนกัน ทางเซ็นคิจิก็กล่าวไปเรื่อยๆ
จนมาพูดเรื่องเมดากะ เซ็นคิจิบอกดอกไม้ที่ติดอยู่บนหน้าอกของเหล่าปีสามที่กำลังจะจบนั้นรวมถึงที่ประดับอยู่ในห้องนี้ เป็นดอกไม้ที่เมดากะปลูกเอาไว้เมื่อตอนเป็นประธานนักเรียน เซ็นคิจิบอกก็สับสนอยู่เหมือนกันที่ทำไมประธานนักเรียนถึงมาปลูกดอกไม้แต่ก็คิดว่าเมดากะทำเพื่องานนี้
บอกก็ไม่น่าให้อภัยอยู่ที่เมดากะหยุดไปในขณะที่รุ่นพี่กำลังจะก้าวไปใช้ชีวิตใหม่แบบนี้แต่บอกเพื่อดอกไม้พวกนี้แล้วเขาก็ให้ทุกคนยกโทษให้เมดากะก็แล้วกัน และเซ็นคิจิก็จะขอพูดเรื่องของเมดากะอีกอย่างโดยพูดย้อนกลับไปช่วยม.ต้นปี3หรือก็คือราวๆหนึ่งปีก่อน เซ็นคิจิได้ถามเมดากะว่าทำไมถึงต้องมาสมัครทั้งๆที่เรื่องการเรียนของเมดากะไม่จำเป็นเลยก็ได้ เมดากะก็ตอบโดยบอกเหมือนเป็นคำถามโง่ๆ เมดากะบอกว่าก็เธอกำลังไปเรียนว่า 1+1 เท่ากับอะไร เซ็นคิจิคิดว่าทุกคนคงงงแน่ว่าหมายความว่าไง คงไม่เข้าใจกันแน่นอนซึ่งเซ็นคิจิตอนนั้นก็คิดว่าเป็นการกระทำผิดปกติของเมดากะเหมือนเคย เซ็นคิจิบอกเขาคิดว่าหมายถึงที่พวกเราไม่ได้เรียนว่า 1+1 เท่ากับอะไรมานานแล้ว แต่นั้นไม่ใช่เซ็นคิจิเชื่อว่าความหมายของเมดากะจริงๆแล้วก็คือ...
1+1=2 ที่ๆคนๆหนึ่งและอีกคนๆหนึ่งมารวมกันเป็นสอง นั้นก็คือโรงเรียน แทนที่จะเป็นเพียงตัวเลข แต่กับคนที่พูดด้วยคำพูดแบบนี้ได้จะไม่รู้จักความโดดเดี่ยว ไม่รู้จักถึงความทุกข์ของความโดดเดี่ยว เพราะงั้นเมดากะถึงมาเรียนที่โรงเรียนฮาโคนิวะนี้ มาพบกับทุกคน มาแข่งกับทุกคน มารักทุกคน มาเรียนรู้ทุกคน มาเป็นสองกับทุกคน
จาก 1+1 เป็น 2 แล้วก็ 3 4 5 .... 10 จนสุดท้ายก็กับทุกคนที่เชื่อมโยงกัน พูดได้ว่าเมดากะมาที่นี่เพื่อพบกับทุกคน พอได้รู้ถึงคำตอบที่หลากหลายของ 1+1 คืออะไรแล้วเซ็นคิจิก็บอกเลยว่าเขาดีใจที่ทุกคนที่ได้เจอกับเมดากะมาอยู่ที่นี่และสอนคำตอบนั้นให้เมดากะ และแน่นอนว่าไม่แค่เมดากะ เซ็นคิจิก็บอกพวกเขาเองก็ดีใจที่ได้เจอทุกคน บอกพวกเขาอาจไม่ได้เป็นรุ่นน้องที่ดีนักแต่เขาก็มั่นใจว่าคำตอบของ 1+1 ที่ได้เรียนรู้จากทุกคนที่นี่จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป
แล้วเซ็นคิจิก็ขอบคุณทุกคนและจบการกล่าวในฐานะประธานนักเรียน โมโมะเองก็พูดกับฮิโตมิว่าเซ็นคิจิช่างรุ่งโรจน์สมเป็นลูกชายของฮิโตมิ ฮิโตมิเองก็ซึ้งใจกับคำพูดของเซ็นคิจิถึงจะไม่ใช่คำพูดกล่าวลารุ่นพี่ที่ดีนักก็เถอะ ยังเป็นมือสมัครเล่นของการเอาใจใส่อยู่ โมโมะก็บอกไม่ต้องห่วงแต่คนที่จะพูดคนต่อไปนี่สิ... และก็มาถึงตัวแทนนักเรียนที่จบการศึกษามากล่าวต่อ
นั้นคือคุมางาวะ บางคนก็แปลกใจที่ทำไมไม่เป็นคุโด้ที่เป็นอดีตประธาน คุโด้บอกเขาไม่ดีพอจะพูดหรอก คุมางาวะขอบคุณเซ็นคิจิที่กล่าวและพูดล้อเล่นนิดหน่อย พอดีตอนนั้นนามานิเอะก็โผล่ออกมาจากแถวในกลุ่มนักเรียนปีสามทำให้เซ็นคิจิตะโกนห้ามและงงว่านามานิเอะอยู่ปีสามกับเขาด้วยเหรอ(คนละโรงเรียนอีก)
คุมางาวะพูดต่อถึงเรื่องสำเร็จการศึกษา บอกเลยว่าเขาสอบเข้ามหาลัยตกหมดและก็ยังไม่เจองานที่อยากทำเลย พูดตรงๆคือยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะไปทำอะไรดีจนรู้สึกยังไม่อยากจะจบเลย พูดเลยว่าคิดอยากส่งคนอย่างเขาไปยังโลกแห่งความจริงจริงๆเหรอ หดหู่ซะจนทุกคนเหนื่อยใจแทน แถมตอนเป็นนักเรียนก็มีแต่ล้มเหลวทั้งโดนปราบด้วยเกมของตัวเอง(พูดถึงภาคคุมางาวะ) ทั้งถูกเมดากะไล่ ทั้งอันชินอินอีก กลุ่มผ้ากันเปื้อนผืนเดียวก็ถูกยุบ แฟชั่นยีนบรามือก็ไม่ได้ถูกลงปกโชเน็นจัมป์ มีหลายอย่างที่ไม่ได้ทำในชีวิตโรงเรียน แต่ก็พูดได้ว่าเป็นชีวิตนักเรียนที่ดี
ลองทำอะไรบ้า ได้หัวเราะกับเรื่องบ้าๆที่ทำ ถึงจะไม่ใช่หนทางของเขา สำหรับบางคนอย่างเขาที่เป็นนักเรียนย้ายโรงเรียนมา แต่โรงเรียนนี้ก็เป็นที่ๆเขาไม่อยากจะจากออกไปเลย ไม่อยากจะจบไป คุมางาวะบอกแน่นอนว่าบางสิ่งมันต่างไปจากครั้งที่แล้วที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ เขาได้กลายเป็นคนอ่อนโยนซึ่งก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว บอกพอเมดากะกับอันชินอินหายไปเขาถึงกับวิตก พอไม่มีทั้งสองคนแล้วก็คิดว่าตัวเองจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เปลี่ยนกลับมาเป็นไม่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ถึงจะไม่มีทั้งสองคนก็ยังเพียงพอที่เขาจะอยู่เหมือนเดิม
บอกเลยว่าคงไม่อาจทำให้การพบเจอผู้คนที่แตกต่างกันทำให้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ บอกคิดว่านี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบทุกคน จากนี้เขาก็มาทำให้ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้ ทุกคนเองโชคไม่ดีที่มาเจอคนอย่างเขา มาเจอคนลบที่สามารถเปลี่ยน 1+1 เป็น 0 ได้บอกเลยว่าโชคไม่ดีจริงๆ และคุมางาวะก็จะขอให้คำแนะนำและและสุดท้ายในฐานะรุ่นพี่เรื่องของความได้ประโยชน์จากการได้เจอกัน บอกทุกคนที่นี่ต่างจะสำเร็จการศึกษาออกไปสู่สังคม บางทีอาจจะหมดกำลังใจเมื่อได้เรียนรู้ถึงความไม่มีเหตุผล ประสบการณ์แห่งความสูญเสียแท้จริง จะมีวันที่คิดว่าชีวิตของตัวเองนั้นเลวร้าย ไม่ว่าใครก็สามารถเจอประสบการณ์นั้นได้สักวันเมื่อมาถึง
และบอกให้รู้เลยว่าคนอย่างเขายังมีอยู่ คนที่เคราะห์ร้ายยิ่งกว่าทุกคนที่นี่ และยังหัวเราะและมีชีวิตอยู่แม้จะมีแต่เรื่องแบบสุดๆก็ตาม บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง ตราบที่เขายังอยู่ชีวิตของทุกคนก็ไม่ได้เลวร้ายที่สุด ความเคราะห์ร้ายจะเป็นประสบการณ์ให้ทุกคนนับจากนี้ ถึงจะเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่เขาเจอมาในช่วงวัยรุ่นนี้ บอกขอให้จำคนอย่างเขาที่ถึงจะเคราะห์ร้ายก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ บอกแล้วเขาจะพิสูจน์ให้เห็นเอง
บอกถึงแม้จะเป็นจุดที่ใครคิดว่าความเคราะห์ร้ายราวกับนรกจนไม่มีทางเลือกปลดปล่อยตัวเอง เขาก็จะสอนให้เองว่าความเคราะห์ร้ายนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด จะจัดการเอาน็อตปักฝังกระดูกให้เลย แล้วคุมางาวะก็ขอกล่าวเพียงเท่านี้ บอกถึงจะเรียนจบแต่เขาก็ยังไม่ได้จบไปจากโชเน็นจัมป์เพราะงั้นก็อ่านกันต่อไป พวกกลุ่มผู้สมัครสภานักเรียนเลยคิดเลยว่าถึงที่สุดจริงๆเลยคนๆนี้ แต่ทุกคนก็ปรบมือให้ อาคุเนะเองบอกถ้าไม่ใช่แบบนี้ก็ไม่สมเป็นคุมางาวะ คิไคจิมะเองก็บอกอยากให้เมดากะมาเห็นแบบนี้จัง ตอนนั้นประตูก็เปิดออก
คนๆหนึ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง เข้ามาพูดว่าเป็นการกล่าวลาที่ดี ถึงจะมาช้าไปนิดแต่ก็ดีใจที่มาทันเวลา และพูดกับเซ็นคิจิด้วยว่าที่เซ็นคิจิกล่าวก็ดีเหมือนกันที่พูดถึงเธอ บอกเธอเป็นห่วงนิดๆว่าจะพูดอะไรแย่ๆเกี่ยวกับเธอรึเปล่า แล้วก็พูดกับชิรานุอิที่ในที่สุดก็กลับมาโรงเรียนได้นั้นเท่ากับคุมางาวะไม่อาจทำให้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ แต่ความจริงแล้วเธอเองก็เหมือนกันที่อยากกลับมาให้ทัน หลังจากทำลายดวงจันทร์เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาวที่หลงทางและไปสู้ในสงคราม จอมมารในอีกจักรวาล ต้องขัดขวางสงครามระหว่างแสงสว่างกับความมืดจนกลายเป็นการผจญภัยเพื่อการกลับมาจริงๆ แล้วก็พูดกับคุมางาวะที่ถึงเธอจะช้าไปแต่ที่คุมางาวะเดิมพันเอาไว้ถึงเธอจะแค้นอยู่หน่อยแต่คุมางาวะก็น่าจะดีใจนิ คุมางาวะเคยพูดไว้เดิมพันไว้ว่าสุดท้ายเมดากะต้องรอดกลับมาแน่ คุมางาวะเลยน้ำตาร่วงบอกชีวิตของเขาน่าสนุกจริงๆ
คุมางาวะ: ในที่สุดก็ "ชนะ"
อีกด้าน ฮันเท็นที่กำลังดื่มน้ำเอาๆและกำลังอยู่กับอิอิฮิโกะ(ส่วนที่หลงเหลือ)และโอบิในหมู่บ้านชิรานุอิ โอบิบอกน่าแปลกใจที่ฮันเท็นไปช่วยเมดากะถึงดวงจันทร์ทั้งที่ไม่ใช่มนุษย์ ฮันเท็นบอกเขาก็แค่ทำในสิ่งที่อันชินอินจะทำ แต่ก็บอกไม่จำเป็นอีกแล้วจากนี้เขาจะถอนตัวจากเรื่องเมดากะ นี่ก็แค่จัดการเรื่องที่รับมา อิอิฮิโกะเห็นด้วยและตอนนี้สิ่งที่เขาทำลายไปก็จะกลับมาได้ บอกแน่ใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะโผล่มาไม่ช้าก็เร็วนี้แน่
โอบิบอกหมู่บ้านชิรานุอิองก็ต้องปิดงานเหมือนกัน บอกการคงอยู่มา 500 ปีของพวกเธอจบลงแล้วถึงจะไม่ใช่ด้วยฝีมือเมดากะแต่เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น อิอิฮิโกะบอกเขาเองก็รู้สึกระอายเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่มนุษย์ธรรมดาไม่จำเป็นต้องสวงนอะไรไว้ด้วย การที่ผู้คนมาพบและพูดคุยกันและแลกเปลี่ยนคำพูดกันนั้นแหละที่ทำให้รู้สึกถึงการเชื่อมโยงกัน
ด้านพวกเมดากะก็กำลังจะถ่ายรูป
จบตอน ตอนหน้าขึ้นภาคใหม่ต่อ