สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าต้องการจะวางแผน เรื่องการผ่อน เพื่อให้ต้นทุนการกู้ยืมซื้อบ้าน ลดลงให้มากที่สุด ควรจะทำอย่างนี้ครับ
ควรจะตกลง กับทางธนาคารที่กู้ ขอชำระเงินกู้ ในช่วงระหว่าง วันที่ 5 - 10 ของทุกเดือน ถ้า จขกท ทำงานกินเงินเดือน และสมมติว่าเงินเดือน ออก วันที่ 25 ของ ทุก เดือน เมื่อเงินเดือนออก ในเดือนแรก ก็ให้ รีบนำเงินไปชำระเงินผ่อนทันที ก่อนถึงวันที่ 5 -10 ของเดือน จะทำให้ ธนาคารคำนวณดอกเบี้ย เงินกู้ได้ไม่ครบเดือน และเดือนต่อ ๆ ไป ก็ให้ทำแบบนี้ อีก ทุกเดือน จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยลงครับ เพราะดอกเบี้ย มันไม่ชนเดือนครับ
ในระยะ ปี แรก ที่ ได้รับ โปรโมชั่น ดอกเบี้ย ถูก ในช่วงหนึ่งปีแรก นี้ หากมี เงินสด เหลืออยู่ ที่คิดว่าได้นำ เงินไปฝากกินดอกเบี้ยกับธนาคาร ไว้ เมื่อใกล้ ๆ จะ สิ้นสุดระยะเวลาของการให้ โปรโมชั่น ก็ให้ถอนเงินจำนวนนี้ ออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำไป โปะ บัญชีเงินกู้ เพื่อต้องการจะลดยอดคงเหลือของเงินกู้ ให้ลดลง ให้มากที่สุด แล้วจะทำให้เราจ่ายดอกเบี้ยกู้ น้อยลง ครับ
พอขึ้นสู่ ปี ที่ สอง ปกติ จะผ่อน เดือนละ 13,000 บาท ใช่ไหมครับ ถ้าต้องการจะลดต้น ลด ดอก ในแต่ละเดือน ก็ควรจะผ่อนให้มากกว่า 15,000 บาท ถ้า ทำได้ จะทำให้เราสามารถ ลด ต้น ได้เร็ว ดอกก็จะค่อย ๆ ลด ลงตามไปด้วย
ระหว่างผ่อน ก็ต้องติดตาม ภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ใน ท้องตลาด ด้วยว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ละธนาคาร เป็นอย่างไร กัน บ้าง ถ้า ดอกเบี้ยเงินกู้ มีการปรับขึ้น เรา ก็ต้องห้ามผ่อน ในจำนวนเงินเท่าเดิม ต้องพยายามผ่อนให้มากกว่า ปกติ ขึ้นไปอีก แต่ ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ก็ให้ผ่อนไปตามปกติ ครับ เมื่อผ่อนไปได้ระยะเวลาหนึ่ง หากเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารอื่น ถูกกว่า ก็ให้คำนวณค่าใช้จ่าย ให้ดี ๆ ถ้าคิดว่า คุ้ม ก็ให้ ทำการ รีไฟแนนซ์ เงินกู้นั้นครับ จะทำให้ต้นทุนการกู้ ถูก ลง อีก และจะช่วยร่นระยะเวลาการกู้ลงได้ครับ
เวลากู้ ให้คิด อยู่เสมอว่า ยิ่งกู้นาน ดอกเบี้ย ยิ่งบาน กู้ไม่ยาว ดอกเบี้ย บ้านจะไม่บาน ครับ
ขอให้โชคดีครับ
ควรจะตกลง กับทางธนาคารที่กู้ ขอชำระเงินกู้ ในช่วงระหว่าง วันที่ 5 - 10 ของทุกเดือน ถ้า จขกท ทำงานกินเงินเดือน และสมมติว่าเงินเดือน ออก วันที่ 25 ของ ทุก เดือน เมื่อเงินเดือนออก ในเดือนแรก ก็ให้ รีบนำเงินไปชำระเงินผ่อนทันที ก่อนถึงวันที่ 5 -10 ของเดือน จะทำให้ ธนาคารคำนวณดอกเบี้ย เงินกู้ได้ไม่ครบเดือน และเดือนต่อ ๆ ไป ก็ให้ทำแบบนี้ อีก ทุกเดือน จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยลงครับ เพราะดอกเบี้ย มันไม่ชนเดือนครับ
ในระยะ ปี แรก ที่ ได้รับ โปรโมชั่น ดอกเบี้ย ถูก ในช่วงหนึ่งปีแรก นี้ หากมี เงินสด เหลืออยู่ ที่คิดว่าได้นำ เงินไปฝากกินดอกเบี้ยกับธนาคาร ไว้ เมื่อใกล้ ๆ จะ สิ้นสุดระยะเวลาของการให้ โปรโมชั่น ก็ให้ถอนเงินจำนวนนี้ ออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำไป โปะ บัญชีเงินกู้ เพื่อต้องการจะลดยอดคงเหลือของเงินกู้ ให้ลดลง ให้มากที่สุด แล้วจะทำให้เราจ่ายดอกเบี้ยกู้ น้อยลง ครับ
พอขึ้นสู่ ปี ที่ สอง ปกติ จะผ่อน เดือนละ 13,000 บาท ใช่ไหมครับ ถ้าต้องการจะลดต้น ลด ดอก ในแต่ละเดือน ก็ควรจะผ่อนให้มากกว่า 15,000 บาท ถ้า ทำได้ จะทำให้เราสามารถ ลด ต้น ได้เร็ว ดอกก็จะค่อย ๆ ลด ลงตามไปด้วย
ระหว่างผ่อน ก็ต้องติดตาม ภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ใน ท้องตลาด ด้วยว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ละธนาคาร เป็นอย่างไร กัน บ้าง ถ้า ดอกเบี้ยเงินกู้ มีการปรับขึ้น เรา ก็ต้องห้ามผ่อน ในจำนวนเงินเท่าเดิม ต้องพยายามผ่อนให้มากกว่า ปกติ ขึ้นไปอีก แต่ ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ก็ให้ผ่อนไปตามปกติ ครับ เมื่อผ่อนไปได้ระยะเวลาหนึ่ง หากเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารอื่น ถูกกว่า ก็ให้คำนวณค่าใช้จ่าย ให้ดี ๆ ถ้าคิดว่า คุ้ม ก็ให้ ทำการ รีไฟแนนซ์ เงินกู้นั้นครับ จะทำให้ต้นทุนการกู้ ถูก ลง อีก และจะช่วยร่นระยะเวลาการกู้ลงได้ครับ
เวลากู้ ให้คิด อยู่เสมอว่า ยิ่งกู้นาน ดอกเบี้ย ยิ่งบาน กู้ไม่ยาว ดอกเบี้ย บ้านจะไม่บาน ครับ
ขอให้โชคดีครับ
แสดงความคิดเห็น
ผ่อนบ้านกับออมสิน ขอคำแนะนำในการวางแผน ผ่อนชำระด้วยค่ะ
ตามเงื่อนไขนี้ พอจะชี้แนะได้มั้ยคะ เราควรวางแผนการผ่อนอย่างไร เพื่อให้ 1.สามารถชำระเร็ว กว่า 30 ปี 2. ชำระแล้ว ไม่เสียดอกเยอะ
ลองคำนวณแบบ โง่ๆ เลยนะคะ เดือนละ 13,000*360 เดือน คิดเป็น 4,600,000 บาท ยอดกู้เราแค่ 2,075,000 บาท เองค่ะ
ช่วยแนะนำด้วยนะคะ แบบว่า ไม่รู้จริงๆ ว่าคำนวณอะไร ยังไง แบบไหนค่ะ ขอบคุณค่ะ