SAFE SEX รักปลอดภัย...........มีจริงหรือ?

ได้ฟังอ.หมอสัญญา พูดเรื่องนี้ไว้ในรายการ"เติมรักให้เต็มรส" ช่องรามาแชนแนลจึงอยากเอามาแชร์
เผื่อว่าข้อมูลจากอ.หมอ จะมีประโยชน์กับผู้ที่ไม่ได้ฟัง


เปิดรายการด้วยสองสาว อุ้ม ลักขณา และแน่น ยศภัค ได้มีการพูดคุยประเด็นเรื่องความรัก
การมีแฟนแบบไหนที่อุ้ม ลักขณา ให้ความสำคัญในการเลือกผู้ชายมาเป็นแฟน ตรงนีได้
มุมมองในฐานะที่อุ้มเป็นดาราแนว sexzy star ด้วย ว่าความรักของคนในวงการก็แค่
การได้หลับนอนชั่วข้ามคืน ไม่มีรักแท้อะไรจริงๆ รวมทั้งหลักในใจที่เธอคิดว่าจะ
จะเลือกใครสักคนมาเป็นแฟนวันนี้ เธอมองจากอะไร ?


ในรายการ อ.หมอสัญญา เล่าย้อนว่า รำลึกไปถึง 30ปีที่แล้ว
ที่ถ.เพชรบุรี ทั้งเส้นจะมีแต่อาบอบนวด  และวัตรปฎิบัติของผู้ชาย
ในช่วงนั้นส่วนใหญ่ก็จะนิยมไปอาบอบนวดมากมาย และบางคนก็ไม่ใช้ถุงยาง
แต่เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีโรค HIV  แต่ติดกามโรคกันมากมายแทน
ดังนั้นทำให้คลินิกกามโรคเยอะมากมาย ซึ่งโรคเหล่านั้น เช่นหนองในแท้ ,หนองในเทียม
สามารถรักษาหายได้  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ว่าสมัยยุคที่แล้ว
หรือสมัยนี้ ต่างก็ชอบไปเที่ยวนอกบ้านหรือธรรมเนียม การไปตรวจงานตาม
ต่างจังหวัดแล้วมีการเลี้ยงดูปูเสื่อนั่นคือการนำเด็กสาวๆมาต้อนรับด้วย
การหลับนอนกัน ซึ่งนั่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ทำให้เกิดSAFE SEXในครอบครัว
และนำโรคมาติดกับภรรยาได้ตั้งแต่ ปี 2537 เมื่อHIV  ถูกตรวจพบที่รพ.รามา เป็นครั้งแรก
ทำให้อาบอบนวดบนถนนเพชรบุรีเริ่มปิดไป และมีการใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้น
จึงทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการใช้ถุงยาง ทั้งในหญิงบริการและสถานบริการ
เพื่อป้องกันตัวเอง ก็จะทำให้เกิดกระบวนSAFE SEX แต่ในทางการแพทย์
ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัย 100%

อุ้ม ลักขณา ยกตัวอย่าง เพื่อสนิทที่เคยมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า
มีเพื่อนสาวมาเล่าให้ฟังว่า คบอยู่กับแฟนคนเดียวมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
แต่เชื่อมั่นว่าไม่ได้มีใคร แต่วันนึงกลับพบว่าตัวเองเป็นโรค"หูดหงอนไก่" ซึ่ง
หมอได้ซักประวัติกลับไปว่า "แฟนเที่ยวหรือเปล่า" แต่เมื่อเพื่อนหญิงกลับมา
ถามแฟนตัวเอง แฟนตัวเองกลับต่อว่ากลับว่า "ติดมาจากแฟนเก่าแล้วมาโทษ
เค้าหรือเปล่า"
อ.หมอสัญญา ให้ทัศนะว่า "หูด" ในทางการแพทย์ไม่ได้ติดจากการร่วมเพศ
ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์
สามารถเป็นโรคหูดหรือเริมได้เหมือนกัน เพราะเกิดจากการสัมผัส และ
ถุงยางก็ไม่สามารถป้องกันได้หูดหรือเริมได้ดีนักเพราะมันอยู่ภายนอกได้
ไม่ได้จำกัดแค่อวัยวะเพศผู้ชายเท่านั้น อาจารย์พูดติดตลกว่าถ้าจะให้
ปลอดภัยแน่แท้คงต้องคลุมถุงยางทั้งตัวแทน
แล้วทำไมสาวโสดทำไมเป็น ...ต้องหันกลับไปดูพฤติกรรมทางเพศของสาวโสด

อ.สัญญา เชื่อว่าทุกคนมีพฤติกรรมทางเพศ ถึงคุณเป็นโสด คุณก็จะต้องมี
ทางระบายออกในพฤติกรรมทางเพศของคุณทางใดทางหนึ่ง
สำหรับทางระบายออกก็มีทั้งแบบการไปร่วมเพศกับคนอื่น , หรือการช่วยตัว
เองซึ่งมีหลายแบบ  แบบใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ขอบตาแพะ ที่จะช่วยเพิ่มรส
ชาติในการร่วมเพศ, ฝากระป๋องสเปรย์ ซึ่งพบอยู่ในช่องคลอด อ.สัญญา
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์สำเร็จความใคร่แล้วตอนดึงออกฝาคงหลุด
หรือถุงยางหลุดคาช่องคลอด ซึ่งเป็นเคสที่พบบ่อย
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมทางเพศของผู้หญิงโสดเป็น
อย่างไร หรือผู้ชายอายุ 50ปีที่ไม่แต่งงาน เค้าก็คงมีพฤติกรรมทางเพศส่วนตัว
ที่เราไม่อาจจะรู้ได้เหมือนกัน

กรณีชาวเพศที่ 3 เรียกร้องเรื่องการบริจาคเลือดกับหน่วยงานของรัฐ
แต่ถูกปฏิเสธนั้น อาจารย์สัญญาให้ข้อมูลว่า

ปกติแล้วรักร่วมเพศชายมักจะร่วมเพศทางทวารหนัก ซึ่งทวารหนักจะเป็น
หูรูดไว้กลั้นอุจจาระเพราะฉะนั้นจะนำสิ่งอะไรเข้าไปต้องถ่างขยายมัน
ซึ่งมันจะไม่ขยายเองตามธรรมชาติและเกิดโอกาสถลอกได้เป็นแผล
ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่าย ถึงจะใช้ถุงยางก็มีโอกาสแตกบ่อยมาก
เพราะไม่มีน้ำหล่อลื่นด้วยและเกิดการเสียดสีรุนแรง เพราะถ้าเป็นช่องคลอด
ยังมีน้ำหล่อลื่นและช่องคลอดยังขยายได้ปัญหาน้อยกว่าทวารหนัก
จึงทำให้การร่วมเพศทางทวารหนักมีแนวโน้มให้เกิดการติดโรคมากกว่า
การร่วมเพศทางอื่นๆ เช่น ทางปากหรือช่องคลอด เช่นเดียวกับผู้ชายที่มี
พฤติกรรมการร่วมเพศกับภรรยาทางทวารหนักก็จะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
จึงทำให้องค์กรของรัฐต้องให้ความปลอดภัยเรื่องนี้มาก อ.สัญญายกตัวอย่าง
เพื่อนสมัยเรียนว่าเป็นโรคฮีโมฟีเลีย(เลือดไหลหยุดยาก) และต้องมารับเลือด
บ่อยๆ แต่กลับต้องเสียชีวิตเพราะเลือดที่รับมีเชื้อ HIV เนื่องจากสมัยนั้นการ
ตรวจรับเลือดยังไม่ดีพอ

สรุปย่อๆมาประมาณนี้แต่ยังไม่จบ ฟังกันเต็มได้ที่ลิงค์นี้
http://www.ramachannel.tv/detail.php?id=3016
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่