พอ ลืมตาขึ้น รู้ว่าความจริงแล้วตัวเขากำลังนอนหลับตาอยู่ โลกรอบกายนั้นแสนสดใส ท้องฟ้า ทุ่งหญ้า หมู่บ้าน ปราสาท ต้นไม้ ลำธาร สะพาน หรือแม้แต่สายลมที่พัดผ่าน ทุกสิ่งล้วนพร้อมที่จะเกิดเรื่องราวต่างๆ ได้ทุกเมื่อ ทุกสิ่งล้วนเก่าแก่ยิ่งกว่าที่มองเห็น ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในความฝันพวกนั้นอีกครั้ง
‘เงียบ’ เขารู้สึกถึงมันได้เพราะการขาดหายไปของเสียงอื่นๆ ‘เงียบจนเกินไป’ เขาเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ และได้พบกับภาพที่ไม่คาดฝัน
‘ฉันลืมพวกมันไปเสียสนิท’
เขาไม่ได้มองเห็นใครตัวใดตัวหนึ่งในพวกมันทั้งสาม เขามาถึงช้าเกินไป เรื่องราวของพวกมันดูเหมือนจะดำเนินมาจนผ่านเลยตอนจบไปเสียแล้ว
เศษหญ้าฟาง แผ่นไม้ และก้อนอิฐ ซึ่งถูกรื้อพังกระจัดกระจาย กับบางส่วนของตัวบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถูกทอดทิ้งไว้กลางทุ่งรกร้าง พวกมันมองดูราวกับเป็นเศษชิ้นส่วนที่ถูกฉีกกระชากออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิต เป็นตัวแทนที่สื่อถึงวาระสุดท้ายของลูกหมูทั้งสามตัวซึ่งเป็นผู้ลงมือสร้างพวกมันขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็น บ้านฟาง บ้านไม้ หรือบ้านอิฐ ทั้งหมดล้วนมีจุดจบเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าหมาป่าลูฟใช้วิธีการใด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรอดพ้นจากอุ้งมือ หรืออุ้งเท้าของมันได้เลย เขาถอนหายใจยาวด้วยความหดหู่ พร้อมกับความรู้สึกผิด ‘บางที มันอาจจะเป็นความผิดของตัวฉันเองก็เป็นได้’
“สวัสดี พอ คนที่ผ่านทางมา”
เขาสะดุ้ง ขนบนหลังลุกตั้งชันทันทีที่ได้ยินเสียงแหบห้าวนั้นดังขึ้น เขายืนนิ่ง ก่อนค่อยๆ เหลือบมองไปที่ข้างกาย ไม่รู้ว่ามีพุ่มไม้ขึ้นอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใด และผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้น
‘แต่ครั้งนี้พุ่มไม้มีอะไรแปลกๆ บางอย่าง’
เขาบอกไม่ถูก บางทีอาจเป็นขนาด อาจเป็นสี แต่มันไม่เหมือนเดิม ‘มันดูซีด’ และหดเล็กลงอย่างช้าๆ ‘หรือเปล่านะ’ เขาไม่กล้าจ้องมองนานเกินไป เพราะกลัวที่จะได้พบกับดวงตาสีแดงซึ่งซ่อนลึกอยู่ภายในนั้น
ดวงตาของมันก็นับเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาลองนึกทบทวนดูให้ดีแล้ว แววตาของมันก็ไม่ได้ดุร้ายเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาจึงไม่กล้าที่จะจ้องมองมันให้นานจนเกินไป มันไม่น่ากลัว แต่ก็ไม่น่ารื่นรมย์เช่นกัน
“เจ้ากำลังสงสัยว่าข้าจัดการกับพวกมันอย่างไร”
“...เปล่า ผมไม่ได้สงสัย”
“เจ้าอยากรู้ว่า ข้าทำตามแผนที่เจ้าคิดใช่หรือไม่”
“ไม่ ผมไม่อยากรู้” เขาขึ้นเสียง
“ช่าย เจ้าอยากรู้” มันลากเสียงแหบๆ อย่างยียวน “ข้าจัดการกับตัวไหนก่อนกันแน่นะ…” เขาได้ยินเสียงของคมเขี้ยวที่ฉีกออกเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มีคราบสีแดงเปื้อนเปรอะ “…จะตัวไหนก่อนก็คงไม่สำคัญแล้ว จริงไหม”
กำลังมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา
“ข้ามีข่าวดีมาบอก...”
มันหยุด และเขาได้ยินเสียงมันแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เสียงของมันเหนียวเหนอะ จนราวกับว่าเขาได้เห็นลิ้นของมันค่อยๆ ลากไปตามริมฝีปากด้วยตาของตนเอง
“...หนังสือนิทานจบลงแล้ว”
“อะไรนะ” เขาสะดุ้ง ตอนที่มันพูดคำว่า ‘จบ’ ราวกับว่าโลกที่เขายืนอยู่นี้สั่นสะเทือนขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็หยุดนิ่ง แต่แรงนั้นยังคงส่งผลกับร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
สายลมเริ่มพัดแรง เมฆบนท้องฟ้าลอยล่องแข่งกันราวกับเป็นภาพที่ถูกใครบางคนเร่งความเร็วขึ้นหลายเท่าตัว
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้น” เขาถาม เสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“ไม่มี” มันหัวเราะ “ทุกอย่างจบแล้ว”
เขายังไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะดีใจหรือไม่ เขายังคงรู้สึกไม่ไว้วางใจ ‘มันง่ายเกินไป’ ความแปลกประหลาดทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ทุกอย่างจบลงเมื่อถึงเวลาอันควร มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้
‘หรือจริงๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนี้เอง’
สายลมเริ่มพัดหมุนวนขึ้นสู่ด้านบน ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเกิดพายุหมุนขนาดยักษ์ และเขายืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง ในตำแหน่งที่เรียกกันว่า ตาของพายุ จุดที่เชื่อว่ามีความสงบตั้งอยู่ในแกนกลางของหายนะที่หมุนวนไปรอบๆ
“แล้วหนังสือแท้อะไรนั่น หนังสือนิทานเล่มที่หายไปล่ะ”
“เจ้าจะพบมันเอง”
‘จะ’ เขานึก หมายความว่ายังไม่ใช่ตอนนี้
“แล้วทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน” เขาตะโกนแข่งกับเสียงลมที่พัดดังขึ้นเรื่อยๆ
“ทั้งหมดนี้มีความจำเป็น แล้วสักวันเจ้าจะได้รู้เอง...หรืออาจจะไม่รู้ แต่มันก็ไม่สำคัญอีกนั่นแหละ” เสียงแหบๆ ของมันยิ่งฟังยากขึ้นเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงของพุ่มไม้ที่มันซ่อนตัวมาตั้งแต่ต้นยิ่งรวดเร็วขึ้น ภายใต้ลมพายุที่โหมกระหน่ำ สีเขียวของมันถูกแทนที่ด้วยสีน้ำตาลของใบไม้ที่แห้งเหี่ยว พวกมันเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ใบไม้ร่วงปลิวหายไปในสายลมหลงเหลือเพียงกิ่งก้านอันเปลือยเปล่าราวกับเป็นโครงกระดูกหงิกงอ
นั่นเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่เด็กชายได้เห็นร่างที่แท้จริงของหมาป่าที่มีนามว่าลูฟ
‘จงจดจำไว้ ว่านี่คือความฝัน’
เสียงที่ไม่ใช่เสียงของมันดังกรีดเข้าไปในร่างของเขา ทุกสิ่งรอบกายกำลังจะถูกดูดหายขึ้นไปสู่หลุมกลางท้องฟ้าที่เกิดขึ้นจากพายุหมุน สิ่งใกล้เคียงที่สุดเท่าที่เด็กชายจะนึกเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ หลุมดำ นั่นเอง
ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพุ่งผ่านหน้าเขาไป ในจังหวะเดียวกับที่เสียงหัวเราะแหบห้าวบาดหูของมันดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับไม่ต้องการให้เขาพลาดรายละเอียดบางอย่างที่กำลังผ่านไป
ต้นไม้ต้นใหญ่ที่กำลังออกผลเต็มต้น ผลไม้ที่เขาควรจะนึกถึงทุกครั้งหากพูดถึงนิทาน
‘จบบริบูรณ์’
เมื่อคำนั้นพุ่งผ่านไป หรืออย่างน้อยเขาก็คิดว่ามันพุ่งผ่านไป เหลือทิ้งไว้เพียงความมืด และเงียบงัน ไม่มี ‘แล้วทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปตลอดกาล’ หรือ ‘นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า’ อะไรแบบนั้น
พอ สะดุ้งลืมตามองขึ้นไปในความมืดมิดภายในห้องนอนที่แสนคุ้นเคยของตน ‘จบแล้ว’ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้อย่างที่เขาวางแผนเอาไว้ เขาถอนหายใจยาว ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ภาพผลไม้ในฝันพุ่งผ่านไปพร้อมกับนิทานเรื่องหนึ่งในความทรงจำ เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ตื่นจนถึงข้างใน รีบลุกขึ้นจากเตียง เปิดไฟ และพยายามลงมาถึงชั้นล่างให้เร็วที่สุดโดยที่ไม่กลิ้งตกบันไดไปเสียก่อน เสียงกรีดร้องของเขาดังลั่นตัดความเงียบของยามราตรีจนขาดสะบั้น
“คุณยาย”
แอปเปิ้ล เขาไม่เคยรู้จักต้นของมัน แต่ผลไม้ในฝันนั้นต้องเป็นแอปเปิ้ลอย่างไม่ต้องสงสัย ผลแอปเปิ้ลที่ถูกกัดไปคำหนึ่ง อันสามารถสื่อไปถึงได้หลายสิ่ง ที่เก่าแก่ที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ผลไม้แห่งความรู้ในตำนานที่มนุษย์คู่แรกของโลกถูกลวงหลอกให้กัดกินจนต้องถูกขับไล่ออกมาจากสวนอีเดน
ความรู้ตัวตน ถูก ผิด ดี ชั่ว อันแบ่งแยกมนุษย์ออกจากธรรมชาติ ก้าวย่างที่ไม่มีวันหวนคืนไปได้อีกตลอดกาล
แอปเปิ้ลแห่งความรู้ลูกที่สอง อันหมายถึง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์เครือข่ายที่ถูกแทนด้วยรูปสัญลักษณ์เดียวกัน ความรู้ที่ทำให้สังคมมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าใกล้กันอย่างฉาบฉวย แต่กลับแยกถ่างส่วนลึกของมนุษย์ให้ไกลห่างจากกัน
แล้วสำหรับในนิทานเล่า ย่อมเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากแอปเปิ้ลเคลือบยาพิษของราชินีแม่มด ซึ่งเจ้าหญิงขาวราวหิมะกัดกินแล้วหลับใหลไปตลอดกาลนั่นเอง
ผลไม้ในจานที่รับประทานกันไปเมื่อตอนเย็นนั้นมีแอปเปิ้ลรวมอยู่ด้วย แต่เนื่องจากมันถูกปอกเป็นชิ้นๆ เขาจึงไม่ได้เอะใจนึกถึงมันมาก่อน
กัดกินแล้วหลับใหลไปตลอดกาล ‘ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่แบบนี้’
“คุณยาย คุณยายครับ” เสียงอื้ออึงเอะอะดังขึ้น ไฟในบ้านถูกเปิดสว่าง
“...ยังหายใจอยู่ รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว” เสียงที่มีสติดังสั่งการเฉียบขาด เพียงไม่นานหลังจากนั้น รถของพ่อก็วิ่งออกจากบ้านไป
นับเป็นครั้งแรกที่ พอ เกิดความไม่แน่ใจในเรื่องหนึ่งขึ้นมา ตัวตนที่แท้จริงของลูฟในความฝัน แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ โครงกระดูกหมาป่าทั้งตัวที่มีดวงตาสีแดงแห่งความตาย
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 21 (ตอนจบ)
‘เงียบ’ เขารู้สึกถึงมันได้เพราะการขาดหายไปของเสียงอื่นๆ ‘เงียบจนเกินไป’ เขาเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ และได้พบกับภาพที่ไม่คาดฝัน
‘ฉันลืมพวกมันไปเสียสนิท’
เขาไม่ได้มองเห็นใครตัวใดตัวหนึ่งในพวกมันทั้งสาม เขามาถึงช้าเกินไป เรื่องราวของพวกมันดูเหมือนจะดำเนินมาจนผ่านเลยตอนจบไปเสียแล้ว
เศษหญ้าฟาง แผ่นไม้ และก้อนอิฐ ซึ่งถูกรื้อพังกระจัดกระจาย กับบางส่วนของตัวบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถูกทอดทิ้งไว้กลางทุ่งรกร้าง พวกมันมองดูราวกับเป็นเศษชิ้นส่วนที่ถูกฉีกกระชากออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิต เป็นตัวแทนที่สื่อถึงวาระสุดท้ายของลูกหมูทั้งสามตัวซึ่งเป็นผู้ลงมือสร้างพวกมันขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็น บ้านฟาง บ้านไม้ หรือบ้านอิฐ ทั้งหมดล้วนมีจุดจบเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าหมาป่าลูฟใช้วิธีการใด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรอดพ้นจากอุ้งมือ หรืออุ้งเท้าของมันได้เลย เขาถอนหายใจยาวด้วยความหดหู่ พร้อมกับความรู้สึกผิด ‘บางที มันอาจจะเป็นความผิดของตัวฉันเองก็เป็นได้’
“สวัสดี พอ คนที่ผ่านทางมา”
เขาสะดุ้ง ขนบนหลังลุกตั้งชันทันทีที่ได้ยินเสียงแหบห้าวนั้นดังขึ้น เขายืนนิ่ง ก่อนค่อยๆ เหลือบมองไปที่ข้างกาย ไม่รู้ว่ามีพุ่มไม้ขึ้นอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใด และผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้น
‘แต่ครั้งนี้พุ่มไม้มีอะไรแปลกๆ บางอย่าง’
เขาบอกไม่ถูก บางทีอาจเป็นขนาด อาจเป็นสี แต่มันไม่เหมือนเดิม ‘มันดูซีด’ และหดเล็กลงอย่างช้าๆ ‘หรือเปล่านะ’ เขาไม่กล้าจ้องมองนานเกินไป เพราะกลัวที่จะได้พบกับดวงตาสีแดงซึ่งซ่อนลึกอยู่ภายในนั้น
ดวงตาของมันก็นับเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาลองนึกทบทวนดูให้ดีแล้ว แววตาของมันก็ไม่ได้ดุร้ายเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาจึงไม่กล้าที่จะจ้องมองมันให้นานจนเกินไป มันไม่น่ากลัว แต่ก็ไม่น่ารื่นรมย์เช่นกัน
“เจ้ากำลังสงสัยว่าข้าจัดการกับพวกมันอย่างไร”
“...เปล่า ผมไม่ได้สงสัย”
“เจ้าอยากรู้ว่า ข้าทำตามแผนที่เจ้าคิดใช่หรือไม่”
“ไม่ ผมไม่อยากรู้” เขาขึ้นเสียง
“ช่าย เจ้าอยากรู้” มันลากเสียงแหบๆ อย่างยียวน “ข้าจัดการกับตัวไหนก่อนกันแน่นะ…” เขาได้ยินเสียงของคมเขี้ยวที่ฉีกออกเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มีคราบสีแดงเปื้อนเปรอะ “…จะตัวไหนก่อนก็คงไม่สำคัญแล้ว จริงไหม”
กำลังมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา
“ข้ามีข่าวดีมาบอก...”
มันหยุด และเขาได้ยินเสียงมันแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เสียงของมันเหนียวเหนอะ จนราวกับว่าเขาได้เห็นลิ้นของมันค่อยๆ ลากไปตามริมฝีปากด้วยตาของตนเอง
“...หนังสือนิทานจบลงแล้ว”
“อะไรนะ” เขาสะดุ้ง ตอนที่มันพูดคำว่า ‘จบ’ ราวกับว่าโลกที่เขายืนอยู่นี้สั่นสะเทือนขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็หยุดนิ่ง แต่แรงนั้นยังคงส่งผลกับร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
สายลมเริ่มพัดแรง เมฆบนท้องฟ้าลอยล่องแข่งกันราวกับเป็นภาพที่ถูกใครบางคนเร่งความเร็วขึ้นหลายเท่าตัว
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้น” เขาถาม เสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“ไม่มี” มันหัวเราะ “ทุกอย่างจบแล้ว”
เขายังไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะดีใจหรือไม่ เขายังคงรู้สึกไม่ไว้วางใจ ‘มันง่ายเกินไป’ ความแปลกประหลาดทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ทุกอย่างจบลงเมื่อถึงเวลาอันควร มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้
‘หรือจริงๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนี้เอง’
สายลมเริ่มพัดหมุนวนขึ้นสู่ด้านบน ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเกิดพายุหมุนขนาดยักษ์ และเขายืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง ในตำแหน่งที่เรียกกันว่า ตาของพายุ จุดที่เชื่อว่ามีความสงบตั้งอยู่ในแกนกลางของหายนะที่หมุนวนไปรอบๆ
“แล้วหนังสือแท้อะไรนั่น หนังสือนิทานเล่มที่หายไปล่ะ”
“เจ้าจะพบมันเอง”
‘จะ’ เขานึก หมายความว่ายังไม่ใช่ตอนนี้
“แล้วทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน” เขาตะโกนแข่งกับเสียงลมที่พัดดังขึ้นเรื่อยๆ
“ทั้งหมดนี้มีความจำเป็น แล้วสักวันเจ้าจะได้รู้เอง...หรืออาจจะไม่รู้ แต่มันก็ไม่สำคัญอีกนั่นแหละ” เสียงแหบๆ ของมันยิ่งฟังยากขึ้นเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงของพุ่มไม้ที่มันซ่อนตัวมาตั้งแต่ต้นยิ่งรวดเร็วขึ้น ภายใต้ลมพายุที่โหมกระหน่ำ สีเขียวของมันถูกแทนที่ด้วยสีน้ำตาลของใบไม้ที่แห้งเหี่ยว พวกมันเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ใบไม้ร่วงปลิวหายไปในสายลมหลงเหลือเพียงกิ่งก้านอันเปลือยเปล่าราวกับเป็นโครงกระดูกหงิกงอ
นั่นเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่เด็กชายได้เห็นร่างที่แท้จริงของหมาป่าที่มีนามว่าลูฟ
‘จงจดจำไว้ ว่านี่คือความฝัน’
เสียงที่ไม่ใช่เสียงของมันดังกรีดเข้าไปในร่างของเขา ทุกสิ่งรอบกายกำลังจะถูกดูดหายขึ้นไปสู่หลุมกลางท้องฟ้าที่เกิดขึ้นจากพายุหมุน สิ่งใกล้เคียงที่สุดเท่าที่เด็กชายจะนึกเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ หลุมดำ นั่นเอง
ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพุ่งผ่านหน้าเขาไป ในจังหวะเดียวกับที่เสียงหัวเราะแหบห้าวบาดหูของมันดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับไม่ต้องการให้เขาพลาดรายละเอียดบางอย่างที่กำลังผ่านไป
ต้นไม้ต้นใหญ่ที่กำลังออกผลเต็มต้น ผลไม้ที่เขาควรจะนึกถึงทุกครั้งหากพูดถึงนิทาน
‘จบบริบูรณ์’
เมื่อคำนั้นพุ่งผ่านไป หรืออย่างน้อยเขาก็คิดว่ามันพุ่งผ่านไป เหลือทิ้งไว้เพียงความมืด และเงียบงัน ไม่มี ‘แล้วทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปตลอดกาล’ หรือ ‘นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า’ อะไรแบบนั้น
พอ สะดุ้งลืมตามองขึ้นไปในความมืดมิดภายในห้องนอนที่แสนคุ้นเคยของตน ‘จบแล้ว’ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้อย่างที่เขาวางแผนเอาไว้ เขาถอนหายใจยาว ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ภาพผลไม้ในฝันพุ่งผ่านไปพร้อมกับนิทานเรื่องหนึ่งในความทรงจำ เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ตื่นจนถึงข้างใน รีบลุกขึ้นจากเตียง เปิดไฟ และพยายามลงมาถึงชั้นล่างให้เร็วที่สุดโดยที่ไม่กลิ้งตกบันไดไปเสียก่อน เสียงกรีดร้องของเขาดังลั่นตัดความเงียบของยามราตรีจนขาดสะบั้น
“คุณยาย”
แอปเปิ้ล เขาไม่เคยรู้จักต้นของมัน แต่ผลไม้ในฝันนั้นต้องเป็นแอปเปิ้ลอย่างไม่ต้องสงสัย ผลแอปเปิ้ลที่ถูกกัดไปคำหนึ่ง อันสามารถสื่อไปถึงได้หลายสิ่ง ที่เก่าแก่ที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ผลไม้แห่งความรู้ในตำนานที่มนุษย์คู่แรกของโลกถูกลวงหลอกให้กัดกินจนต้องถูกขับไล่ออกมาจากสวนอีเดน
ความรู้ตัวตน ถูก ผิด ดี ชั่ว อันแบ่งแยกมนุษย์ออกจากธรรมชาติ ก้าวย่างที่ไม่มีวันหวนคืนไปได้อีกตลอดกาล
แอปเปิ้ลแห่งความรู้ลูกที่สอง อันหมายถึง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์เครือข่ายที่ถูกแทนด้วยรูปสัญลักษณ์เดียวกัน ความรู้ที่ทำให้สังคมมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าใกล้กันอย่างฉาบฉวย แต่กลับแยกถ่างส่วนลึกของมนุษย์ให้ไกลห่างจากกัน
แล้วสำหรับในนิทานเล่า ย่อมเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากแอปเปิ้ลเคลือบยาพิษของราชินีแม่มด ซึ่งเจ้าหญิงขาวราวหิมะกัดกินแล้วหลับใหลไปตลอดกาลนั่นเอง
ผลไม้ในจานที่รับประทานกันไปเมื่อตอนเย็นนั้นมีแอปเปิ้ลรวมอยู่ด้วย แต่เนื่องจากมันถูกปอกเป็นชิ้นๆ เขาจึงไม่ได้เอะใจนึกถึงมันมาก่อน
กัดกินแล้วหลับใหลไปตลอดกาล ‘ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่แบบนี้’
“คุณยาย คุณยายครับ” เสียงอื้ออึงเอะอะดังขึ้น ไฟในบ้านถูกเปิดสว่าง
“...ยังหายใจอยู่ รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว” เสียงที่มีสติดังสั่งการเฉียบขาด เพียงไม่นานหลังจากนั้น รถของพ่อก็วิ่งออกจากบ้านไป
นับเป็นครั้งแรกที่ พอ เกิดความไม่แน่ใจในเรื่องหนึ่งขึ้นมา ตัวตนที่แท้จริงของลูฟในความฝัน แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ โครงกระดูกหมาป่าทั้งตัวที่มีดวงตาสีแดงแห่งความตาย