รถหาย โทรแจ้ง 1599

กระทู้ข่าว
"โจรกรรมรถ" ยังเป็นหนามยอกของตำรวจไทย ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะติดตามรถกลับมาคืนเจ้าของในสภาพเดิมได้ หรือแทบหมดหวังที่จะได้รถคืน และยิ่งปัจจุบันยอดซื้อ-ขายรถเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัว โอกาสที่รถจะถูกโจรกรรมก็ย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) เตรียมปัดฝุ่นโครงการ Lost Car และสายด่วน 1599 ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บด้วยนวัตกรรมใหม่ "ดีเอ็นเอรถ" เพื่อสืบหารถถูกโจรกรรม แม้ว่าจะถูกแยกชิ้นส่วนแล้วก็ตาม!!

-มาตรการเชิงรุก ป้องกันการโจรกรรมรถ

               ตอนนี้มีการปัดฝุ่น www.lostcar.go.th ขึ้นมา จากที่ผมเคยได้รับผิดชอบเมื่อครั้งยังเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เมื่อปี 2552 ที่มีแนวคิดเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาใช้กับระบบการบริหารจัดการข้อมูล ข่าวสารในการป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงาน เมื่อมีเหตุรถหายสามารถแจ้งความและนำไปสู่การสกัดจับ ติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว และเจ้าของรถหรือผู้เสียหายสามารถติดตามข้อมูลรถหายได้ในเว็บไซต์นี้

               เว็บไซต์นี้ก็ทำงานร่วมกับสายด่วน 1599 ในอดีตเวลามีรถหายเบอร์แรกที่นึกถึงคือ 191 แต่เมื่อโทรแล้วเขาก็แจ้งสกัดจับให้ไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของรถจริงหรือไม่ หรือโทรมาสนุกสนานเฮฮา หรือไปแจ้งความที่โรงพัก กว่าจะตรวจสอบได้ว่าจริงไหมก็ไม่ทันท่วงที กว่าจะเสร็จรถถึงชายแดน หรือไปถึงอู่ต่างจังหวัดก็ชำแหละเป็นชิ้นๆ แล้ว

- การทำงานของ Lost Car และสายด่วน 1599 เป็นอย่างไร

                จะใช้ลักษณะการทำงานเหมือนศูนย์ 1599 ในอดีตที่ตั้งไว้ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อมีสายโทรเข้ามายัง 1599 สมมุติว่า "น.ส.เอ" โทรเข้ามาแจ้งความว่ารถยี่ห้อนี้ สีนี้ หายที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเวลานี้ เจ้าหน้าที่คนที่ 1 จะรับและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นว่าผู้แจ้งชื่อ-นามสกุลอะไร วันเกิด ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน

               ขณะที่เจ้าหน้าที่คนที่ 2 จะรับฟังข้อมูลพร้อมทั้งพิมพ์ข้อมูลที่ได้รับในขณะนั้นตรวจสอบลงบนระบบทะเบียนราษฎรทันที ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ และเจ้าหน้าที่คนที่ 3 ก็จะตรวจสอบฐานข้อมูลของกรมการขนส่ง ว่ารถที่แจ้งหายนั้นใครเป็นเจ้าของ ใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที สามารถยืนยันการมีตัวตน ว่าไม่มีการกลั่นแกล้งได้แล้ว ก็จะกระจายข้อมูลไปยังทุกหน่วย ทุกด่าน ทุกจุดให้มีการสกัดจับอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้ประสานขอความร่วมมือจาก จส.100 วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน สวพ.91 สมาคมและชมรมรถรับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่) และมูลนิธิต่างๆ ในการกระจายข้อมูลเกี่ยวกับรถหายเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสกัดจับคนร้าย เท่ากับว่าเรามีตำรวจเต็มถนนไปหมด เมื่อผู้เสียหายแจ้งรถหายที่ 1599 แล้วก็ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ถ้ายังไม่เจอก็สามารถเข้าไปตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนมีการบันทึกข้อมูลลงใน www.lostcar.go.th หรือไม่ ถ้าหากไม่มีก็สามารถร้องทุกข์ไปที่ผู้บังคับบัญชาได้เช่นกัน

ยังไม่หมดครับ  ไปอ่านข่าวเต็มได้ที่ :-

http://www.komchadluek.net/detail/20130303/153036/www.lostcar.go.th%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html#.UTNf9TcU8xA
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่