เตือนภัย...! ล็อครถ ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถ คุณ... ล็อคประตูแล้วจริง อย่าไว้ใจ “รีโมท กันขโมย..”
ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) หรือ www.lostcar.go.th สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สายด่วน 1192) ย้ำเตือนภัย...! เรื่องการล็อคประตูรถยนต์ ทุกครั้งเมื่อจอดรถ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถของคุณ... ล็อคประตูแล้วจริง เนื่องจากปัจจุบันผลการจับกุมคนร้าย แก๊งโจรกรรมรถยนต์ พบว่า มีการใช้เทคโนโลยีการตัดสัญญาณรีโมทกันขโมยมากขึ้น ทั้งนี้ ระบบรีโมทกันขโมยรถยนต์ มี 2 ระบบ คือ
1.) Single Signal หรือ คลื่นเดียว ลักษณะ “รีโมท” กับตัวกุญแจรถเป็นชิ้นเดียวกัน
2.) Double Signal หรือ คลื่นคู่ ลักษณะ “รีโมท” สามารถ กดปุ่มสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเสียบลูกกุญแจ และปลดล็อคประตู โดยไม่ต้องใช้กุญแจรถ
ขณะที่ ระบบสัญญาณ รีโมท กันขโมย มี 2 ระบบ คือ
1.) ระบบ Analog (แอนะล็อก) หรือ (อนาล็อก) รถยนต์ที่ใช้ระบบสัญญาณ รีโมท ระบบ Analog จะมีระยะการส่งสัญญาณ 3-5 เมตร เพื่อสั่งการให้ระบบทำงาน
2.) ระบบ Digital (ดิจิทัล) หรือ (ดิจิตอล) ระยะการส่งสัญญาของ รีโมท เพื่อสั่งให้ระบบทำงาน 30-50 เมตร
สำหรับอุปกรณ์ “แจม” หรือ “บล็อก” สัญญาณรีโมทกันขโมยรถยนต์ ที่แก๊งโจรกรรมรถยนต์ นำมาใช้ก่อเหตุ คือ การนั่งส่งสัญญาณ ส่งคลื่นรบกวนการทำงาน “รีโมท กันขโมย” เจ้าของรถ ในรัศมีการทำงานอุปกรณ์ “แจม” หรือ “บล็อก” สัญญาณ ซึ่งทำให้ “รีโมท กันขโมยเจ้าของรถ” ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนั้น และเมื่อเจ้าของรถไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า รถยนต์ของคุณ...ล็อคประตูแล้วจริงหรือไม่ แก๊งโจรกรรมรถยนต์ ก็จะฉวยโอกาสที่เจ้าของรถหันหลังให้เพียง 5-10 นาที ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย...
ล็อครถ ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถ คุณ... ล็อคประตูแล้วจริง อย่าไว้ใจ “รีโมท กันขโมย..” ยอมเสียเวลา เดินรอบรถตรวจเช็ค ให้แน่ใจสักนิด...นะครับ
ด้วยความปรารถนาดี จาก
ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) หรือ www.lostcar.go.th สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สายด่วน 1192)
อย่าไว้ใจ “รีโมท กันขโมย..”
เตือนภัย...! ล็อครถ ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถ คุณ... ล็อคประตูแล้วจริง อย่าไว้ใจ “รีโมท กันขโมย..”
ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) หรือ www.lostcar.go.th สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สายด่วน 1192) ย้ำเตือนภัย...! เรื่องการล็อคประตูรถยนต์ ทุกครั้งเมื่อจอดรถ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถของคุณ... ล็อคประตูแล้วจริง เนื่องจากปัจจุบันผลการจับกุมคนร้าย แก๊งโจรกรรมรถยนต์ พบว่า มีการใช้เทคโนโลยีการตัดสัญญาณรีโมทกันขโมยมากขึ้น ทั้งนี้ ระบบรีโมทกันขโมยรถยนต์ มี 2 ระบบ คือ
1.) Single Signal หรือ คลื่นเดียว ลักษณะ “รีโมท” กับตัวกุญแจรถเป็นชิ้นเดียวกัน
2.) Double Signal หรือ คลื่นคู่ ลักษณะ “รีโมท” สามารถ กดปุ่มสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องเสียบลูกกุญแจ และปลดล็อคประตู โดยไม่ต้องใช้กุญแจรถ
ขณะที่ ระบบสัญญาณ รีโมท กันขโมย มี 2 ระบบ คือ
1.) ระบบ Analog (แอนะล็อก) หรือ (อนาล็อก) รถยนต์ที่ใช้ระบบสัญญาณ รีโมท ระบบ Analog จะมีระยะการส่งสัญญาณ 3-5 เมตร เพื่อสั่งการให้ระบบทำงาน
2.) ระบบ Digital (ดิจิทัล) หรือ (ดิจิตอล) ระยะการส่งสัญญาของ รีโมท เพื่อสั่งให้ระบบทำงาน 30-50 เมตร
สำหรับอุปกรณ์ “แจม” หรือ “บล็อก” สัญญาณรีโมทกันขโมยรถยนต์ ที่แก๊งโจรกรรมรถยนต์ นำมาใช้ก่อเหตุ คือ การนั่งส่งสัญญาณ ส่งคลื่นรบกวนการทำงาน “รีโมท กันขโมย” เจ้าของรถ ในรัศมีการทำงานอุปกรณ์ “แจม” หรือ “บล็อก” สัญญาณ ซึ่งทำให้ “รีโมท กันขโมยเจ้าของรถ” ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนั้น และเมื่อเจ้าของรถไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า รถยนต์ของคุณ...ล็อคประตูแล้วจริงหรือไม่ แก๊งโจรกรรมรถยนต์ ก็จะฉวยโอกาสที่เจ้าของรถหันหลังให้เพียง 5-10 นาที ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย... ล็อครถ ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถ คุณ... ล็อคประตูแล้วจริง อย่าไว้ใจ “รีโมท กันขโมย..” ยอมเสียเวลา เดินรอบรถตรวจเช็ค ให้แน่ใจสักนิด...นะครับ
ด้วยความปรารถนาดี จาก ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) หรือ www.lostcar.go.th สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สายด่วน 1192)