ฝรั่งเศสนี่น่าอยู่ไหมครับ

การอยู่อย่างจริงจัง คือมีบ้าน มีรถ มีสวน ตกแต่งบ้านอะไรจริงจัง คือมีบ้านจริงที่นี่ ใช้ชีวิตกันเป็นหลักอยู่ที่นี่ครับ

หรือคุณมองว่าไปๆกลับๆดีกว่าครับ เช่น มีบ้านจริงจังที่ไทยแต่อาจจะมีบ้านพักเล็กๆหรือห้องพักที่นู่น

ลองให้ความเห็นดูครับ

ให้ความเห็นได้ในทุกแง่ครับ ทั้งการเป็นเจ้าของที่ดินและบ้าน รวมถึงการใช้ชีวิตในมุมต่างๆที่นี่ อาหารการกิน ฯลฯ ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อสังหาฯที่ฝรั่งเศส..ก็ขึ้นอยู่ว่านอกเมืองหรือในเมือง ราคาอาจแตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆคือ ค่าโสหุ้ยในการดูแลรักษานั้น เป็นเงินจำนวนไม่น้อย
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขยะ (แพงเอาการ) ไหนจะค่าภาษีโรงเรือน ค่าประกัน
อีกทั้งกฏหมายที่บังคับว่าคุณจะต้องรักษาถนนส่วนหน้าบ้านของคุณให้สะอาด ถ้าหากว่าใครมาหกล้ม หรือ ลื่น เขาสามารถฟ้องร้องคุณได้

ยิ่งเรื่องการให้เช่าบ้าน ยิ่งเป็นเรื่องปวดตับมาก..ถ้าคนเช่าไม่จ่ายค่าเช่า ไล่ออกไม่ได้ค่ะ  ถ้าเขาอ้างว่ายังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้  หรือตกงาน
เจ้าของบ้านต้องรอไปจนกว่าจะหมดอายุสัญญาเช่า (ซึ่งอาจจะเป็นปี) ถึงจะทำเรื่องไม่ต่อ แล้วก็ต้องไปดำเนินงานขั้นตอนทางกฏหมายที่วุ่นวายมาก
เพราะกฏหมายฝรั่งเศส นั้น "STRONGLY PRO-TENANT"

ดังนั้น...เจ้าของบ้านหรืออาคารต้องสกรีนคนเช่ากันแบบสุดๆ..ไม่ใช่ใครจะเดินไปขอเช่ากันได้อย่างง่ายๆ

ค่าครองชีพแพงมาก ประชาชนต้องอยู่อย่างประหยัด พวกเขาระวังค่าใช้จ่ายกันอย่างสุดฤทธิ์  ไม่มีการเลี้ยงดูปูเสื่อ หรือ กินทิ้งกินขว้างให้เสียของ
สาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ไม่มี LV หรือ Hermes ใช้ อีกทั้งไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต
ไม่ได้แต่งตัวเฉิดฉายอย่างที่เห็นในแคตตาล๊อก หน้าหนาวก็ใส่โค๊ท  สวมบู๊ท  หน้าร้อนก็ ยีนส์ ยืด...เรียกว่าแต่งตัวเป็น และเก๋ไก๋
พวกเขาดูดี เพราะมีรูปร่างที่สมส่วน งดงาม เดินเหินกระฉับกระเฉง  (ไม่ค่อยเห็นคนอ้วน...และคนท้อง ตามถนนหาทางอย่างในอเมริกา)
ค่าอาหารการกิน ของสดของแห้ง นั่นแพงก็จริง แต่ ถ้ากินอย่างได้อย่างคนฝรั่งเศสก็จะอยู่สบาย เช่น ขนมปัง ชีส พาสตา ใข่ ทำซุปทีละหม้อใหญ่
อบไก่ทีละตัว กินได้สามสี่วัน...เรื่องการไปหาของกินจุบกินจิบนั้นไม่มีค่ะ...
วันอากาศดีๆ หรือวันอาทิตย์ก็ออกไปขี่จักรยานเล่นกันทั้งครอบครัว ใครต่อใครเขาก็ทำกัน นับว่าเป็นกิจกรรมออกกำลังกายที่จำเป็น  เทศบาลในทุกเมืองได้จัดผังเมืองสำหรับการใช้จักรยานได้อย่างน่าชื่นชม...แถมจัดทำที่จอดให้



รวมไปถึงการให้เช่ารถจักรยานแบบหยอดเหรียญด้วย  ไม่ต้องกลับมาคืนที่เดิม เพราะจะมีที่ให้คืนทั่วมุมเมือง



เรื่องการจ้างแรงงาน...แทบอยู่ไกลเกินฝัน คนฝรั่งเศสดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง ทำสวน ล้างรถ ทำความสะอาด มีรถเพื่อเอาไว้ใช้ในการเฉพาะกิจจริงๆ เพราะน้ำมันแพง ตลาดรถยนตร์แข่งกันทำรถประหยัดน้ำมันออกมาขาย แต่ละคันจะมีรูปร่างที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกระป๋องใส่โยเกิร์ต แม้กระทั่งรถเบ๊นซ์  

Benz B150



Benz Smart Car  (ใช้ไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊ก)



ขนาดนั้นแล้ว..ประชาชนยังหันหน้าไปพึ่งกับการขนส่งมวลชนเป็นส่วนใหญ่



Tram หรือรถรางไฟฟ้าเลียบนครอย่างนี้มีทั่วแทบทุกเมือง ...ไม่ต้องคอยกันนาน จะมาทุกสามสี่นาที  ถ้าไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนก็อาจจะเป็น แปดถึงสิบนาที ที่จะมีป้ายเวลาดิจิตอลบอกให้ทราบว่าอีกกี่นาทีขบวนจะมาถึง ค่าโดยสารทีละ หนึ่งยูโร (หมายถึงซื้อการ์ด จ่ายล่วงหน้า คราวละ สิบเที่ยว)  ครั้งเดียวสามารถใช้เดินทางไปกลับได้ ถ้าอยู่ภายในหนึ่งชั่วโมง



กิจกรรมสำหรับเด็กๆนั้นประเสริฐยิ่ง (ในเมืองที่ดิฉันอยู่)  เรามีคลองส่งน้ำขนาดเท่ากับคลองประปา ใสสะอาด  เทศบาลมีเรือพายหลายขนาดไว้ให้เด็กๆออกมาฝึกเป็นฝีพายกัน เป็นภาพที่น่ารักมาก เพราะบางลำเขามีด้วยกันถึงแปดฝีพาย ที่มีจังหวะพายที่พร้อมกัน ส่วนถนนเลียบคลองมีไว้ให้
ขี่จักรยานกินลม..(อย่างในภาพค่ะ  ไม่ต้องไปสนใจกับนางแบบเพระาหน้าตาคุ้นๆกันอยู่แล้ว...)




ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน  พิพิธภัณฑ์...วัง...หรือหอศิลปที่เป็นของรัฐบาลจะเปิดฟรีให้กับประชาชน เหมือนกันหมดทั่วประเทศ...เหมาะที่จะเข้าไปเดินในปารีส ที่มีครบหมดในสิ่งสวยๆงามๆ  แต่ต้องระวังมิจฉาชีพที่ชุมยิ่งกว่ายุง  ข้อควรปฏิบัติคือ แต่งกายให้รัดกุมที่สุด พกพาสัมภาระให้น้อยที่สุด
และอย่างใส่เครื่องประดับแพงๆที่เตะตา..
เรื่องนี้คือปัญหาของนักเที่ยวจากเมืองไทย...ที่ต้องการให้รูปออกมาสวยงาม..จึงกระหน่ำฉ่ำโบ๊ะไปด้วยทองหยอง เพชรพลอย และกระเป๋าถือแพงๆ
ที่เป็นที่หมายปองของกลุ่มมิจฉาที่หากินกันเป็นทีม...ส่วนใหญ่จะใช้เด็กวัยทีนต้นๆทำงาน ถูกจับได้ก็ต้องปล่อยตัวไป แต่ของมักไม่ได้คืนเพราะมันได้ส่งต่อไปอีกไม่รู้กี่ทอด..

การเดินทางจากเมืองสู่เมืองนั้นสะดวกสบายมาก เพราะรถไฟด่วนมีเชื่อมไปได้หมด บางเมืองที่ยังไม่หนาแน่นก็อาจต้องใช้ต่อด้วยเส้นทางรถไฟธรรมดา..รวมไปถึงการเชื่อมเส้นทางติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มเชงเก้นที่ไปถึงกันหมด

กลุ่มผู้ที่มีช่องทางที่จะได้อยู่ฝรั่งเศสอย่างสบายๆ และไม่ยุ่งยาก นั่นคือ พวกช่างศิลป  ไม่ว่า วาด แกะ ปั้น หรือ สลัก  ถ้าหากว่ามีฝีมือจนได้รับการว่าจ้าง (แค่ซ่อมแซมก็ได้) นายจ้างสามารถขอใบอนุญาตทำงานให้ได้...บางคนได้เข้าเรียนต่อในสถาบันดังๆแถมได้ทุนจากรัฐบาลอีกต่างหาก
เพราะฝรั่งเศสถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ


เพียงแต่...ชาวฝรั่งเศสนั้นเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง จนออกจะดื้อดึงสักหน่อย (ไม่ว่าหญิงหรือชาย) พร้อมที่จะต่อสู้และประท้วงเพื่อความยุติธรรม  เคารพในกฏเกณฑ์แห่งประชาธิปไตย และมีความเห็นตรงกันในสุภาษิตที่ว่ากันอย่างแพร่หลายว่า...
"Impossible n'est pas français"  
เป็นสำนวนหมายความว่า....ไม่มีอะไรยากกว่าความสามารถของชาวฝรั่งเศส
หรือ คำว่าเป็นไปไม่ได้นั้น ไม่มีในภาษาฝรั่งเศส

ฉะนั้น...อย่าไปห้ามเขาให้ทำอะไร....เสียเวลาเปล่าๆ  (ยุส่งอีกต่างหาก)


วันนี้คุยเบาะๆแค่นี้ก่อนนะคะ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่