เราชื่อฟราน . อายุ 16 . อยู่ฝรั่งเศส .
เราจะเล่าเรื่องของเราให้ฟัง เล่าแบบคุยกับเพื่อน ระบายกับเพื่อน เม้ามอย ปลดทุกข์
ก็อยากให้คนอ่านคิดซะว่าตัวเองอายุไล่เลี่ยกันกับคนเขียน จะได้อินกับเรื่องราวและภาษาที่ใช้เขียน
ตอนนั้นเราอยู่ม.1 พึ่งสอบติดหมาดๆเลย ตัดผมสั่นติดติ่ง สนุกสนานชีวิตมอต้น มีเพื่อนมากมาย
ร่าเริงแจ่มใส เรียนๆเล่นๆ เรียนไปได้ประมาณเทอมนึง แม่บอกว่าจะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศส
วินาทีนั้นสิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ผมกูววววววววววววววววว…….. T________T”
แหม่พึ่งตัดซะด้วย ตัดซะติ่งเลย
คือก่อนหน้านั้นผมยาวมากไงไม่เคยตัดสั้นมาก่อน
เอาจริงๆละ ตอนนั่นไม่ได้คิดอะไรมาก เฉยๆ มีเซ็งบ้างต้องจากเพื่อน แต่ก็ไม่ว่ากัน
แม่ก็เลยให้ไปเรียนภาษาที่สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ ซึ่งเรียนไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนร่วมห้องก็เป็นเด็กมอปลายที่อยู่สายศิลป์ฝรั่งเศสอยู่แล้ว
สิ่งที่เราสนใจคือร้านขนมที่สมาคมอร่อยยยยมากกกกก
ไม่ทันได้ตั้งตัววันเดินทางก็มาถึง รู้ตัวอีกทีก็ถึงฝรั่งเศสแล้ว สนามบิน CDG ปารีส
แต่เมืองที่เราอยู่คือเมือง Lille อยู่เหนือปารีสขึ้นไปอีก เหนือสุดฝรั่งเศส ติดกับเบลเยี่ยม
นั่งรถประมาณสองชม. ตื้นเต้นนิดๆกับอากาศที่เริ่มจะหนาวของเดือนตุลา
2รูปนี้เราถ่ายเมื่อสองเดือนที่แล้วในตัวเมือง
College Henri Matisse
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กวัยนี้คือโรงเรียน เราไม่ได้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนหรือว่าอะไรก่อนเลย
เพื่อนๆคนอื่นก็เปิดเรียนผ่านไปแล้วเป็นเดือน วันแรกที่ไปก็เดินไปเอง งงๆ ไม่รู้เอาความมั่นใจมาจากไหน 5555
คือโรงเรียนใกล้บ้านมากไง โรงเรียนที่นี่จะเล็กๆ แต่กระจายออกไปหลายๆที่
ลองดูรูปประกอบที่เราวาดง่ายๆให้ดูละกัน
เห็นไหมใกล้มากเดิน3-5นาทีก็ถึง แบบพักเที่ยงก็กลับมากินข้าวที่บ้านได้
อีกรูปนึงเป็นรูปในโรงเรียน
ชื่อโรงเรียนคือ College Henri Matisse ขอเรียกสั้นๆว่ามาติสละกัน ชื่อโรงเรียนตั้งตามชื่อศิลปินคนนึ่ง
ทางเข้าโรงเรียนมีทางเดียวคือรั้วหน้าโรงเรียน จะมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมายืนอยู่ที่รั้ว
นักเรียนแต่ละคนจะมีสมุกไว้พกประจำตัว เราเรียกสมุดนั้นว่า canet de correspondance
เป็นสมุดที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลาข้างในจะมีตารางสอน กฏต่างๆของรร. จะลากิจลาป่วยก็ต้องจดลงในสมุดเล่มนี้ ไว้จะมาวีวิวไอสมุดเล่มนี้ให้ดูละกัน
Collegeคือโรงเรียนสำหรับเด็กอายุประมาณ12-15ปี หรือปอ6ถึงมอ3นั้นเองงงงง
ปอ6 คือ 6eme
มอ1 - 5eme
มอ2 - 4eme
มอ3 - 3eme
ตามที่เห็นในรูปประกอบข้างบน คือที่ๆไว้เข้าแถวรอจะเข้าไปเรียน
พอเข้าไปในตัวโรงเรียนแล้ว เราก็ยืนอยู่ส่วนหน้าที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ เราก็ยืนเงียบๆของเราไป สำรวจสิ่งแวดล้อม 5555
คนอื่นๆก็มองๆมาบ้าง จนในที่สุด ก็มีคนเดินมาทัก เป็นแบบผู้ชายตัวสูงๆหน่อยผมทอง ก็ทักเรา เชคแฮนด์เสร็จ ก็หายไปเลย ไม่ได้คุยกันอีกเลย ….. อ้าวว
โอเคไม่เป็นไร เสียงกริ่งดังขึ้น เด็กๆก็เดินไปต่อแถวรอครูกัน ส่วนเรายังยืนอยู่ที่เดิม ก็มีครูพาไปที่ห้องที่เราอยู่ ครูก็แนะนำเราให้เพื่อนในห้องนิดหน่อยๆ แล้วก็จากไป ส่วนเราก็ไปนั่งเงียบๆ
ตอนนั่นก็ยังเด็กมากอยู่ถ้าเทียบกับตอนนี้ ก็เลยไม่ได้จดบันทึกอะไรไว้ เลยจำรายละเอียดของเพื่อนๆหรือครูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกยังอยู่
วันแต่ละวันที่อยู่โรงเรียนนี้คือสิงสถิตอยู่ในห้องสมุด ที่คนฝรั่งเศสเรียนว่า cdi (ซีดีอี) ซึ่งเพื่อนเราก็คือครูประจำห้องสมุดนั่นเอง ครูก็จะค่อยหาแบบฝึกหัดภาษาฝรั่งเศสมาให้ทำเรื่อยๆ เราก็ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้สนใจภาษานี้อยู่แล้วไง
เรียนๆไปเพราะไม่มีทางเลือกอื่น ช่วงนั่นเราจะวาดรูปเยอะมาก อ่านแฟนฟิคตามเน็ทเยอะมาก เป็นเพราะไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยแหละมั้ง ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย เวลานั่งเรียนในห้อง มือจะอยู่ไม่สุข ต้องหยิบดินสอขึ้นมาขีดๆเขียนๆลงทีใดทีนึง
วิชาที่เราโอเคมีสุดคือศิลปะกับภาษาอังกฤษนอกนั่งคือแย่มาก
พอเราวาดรูปไปเรื่อยๆ เพื่อนๆในห้องห้องก็ชอบมาดู แล้วก็ขอให้วาดนู้นวาดนี้บ้างอะไรบ้าง
แต่ความรู้สึกโดยรวมที่มีกับโรงเรียนนี้คือติดลบอยู่ดี คือโดดเดี่ยวมาก
รู้สึกว่าไม่มีใครอยากสนิทกับเราเลย
แต่สิ่งที่รู้สึกแย่ที่สุดคือคาบชีวะ
เราก็เข้าไปห้องเรียนกับเพื่อนร่วมห้อง ครูไม่ให้เราเข้าเรียนเพราะเราไม่จะไม่เข้าใจ แต่ให้เราไปอยู่ห้องสมุดแทน ตอนนั่นแบบ งง โกรธ อะไรกันว่ะ ช่างแมร่งละ โรงเรียนนี้ จากนั่นก็เน้นวาดรูปอย่างเดียวเลย วาดๆๆๆ ตอนเรียนก็ก้มหน้าก้มตาวาด จนครูพูดขึ้นมาต่อหน้าทุกคนว่า ก็เพราะวาดรูปอย่างเดียวอย่างงี้ไง ไม่ฟังครู ถึงเรียนไม่ได้ คือถึงตอนนั่นเราจะยังฟังภาษาไม่ได้ แต่เราก็เข้าใจไง แต่เราก็ไม่สนอะ ซึ่งผลจากการกระทำแบบนี้ของเราส่งผลให้ฝีมือการวาดรูปของเราพัฒนาไปเยอะมาก
คาบปลดปล่อยของเราคือพละ แล้วกีฬาที่ต้องเล่นเนี้ยคือยูโด ที่นี้แหละจับทุ่มแมร่งทุกคนเลยสู้ยิบตา
แต่สิ่งที่ตลกของวิชานี้คือ คุณครู ครูสอนพละเป็นครูผู้หญิง ที่อ้วนนนนมาก ดูไม่แข็งแรงหรือสุขภาพดีเหมาะสมกับวิชานี้เลย -________- แล้ววิธีการสอนของครูคือใช้ปากค่ะ ครูก็จะนั่งเฉยๆแล้วบอกให้ทำนู้นทำนี้ ไม่เคยสาธิตให้ดูเลย เอ้ะะ ว่าไป หรือว่าาาาที่หุ่นครูเป็นแบบนี้เพราะจริงๆแล้วครูไม่ได้เล่นยูโด แต่เป็นซูโม่ 55555555+
สามคนนี้คือเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเรา และเดินกลับบ้านทางเดียวกันเลยได้คุยบ้าง
แต่ก็สนิทไม่ได้ คือเขาเป็นเพื่อนสนิทกันสามคนไง จะไปเข้ากลุ่มกะเขาก็ยาก
สกิลถ่ายรูปช่วงนี้ยังติดลบอยู่ รูปก็ไม่ค่อยเยอะ อย่าลืมสิตั้ง4ปีที่แล้ว ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย 5555
ผ่านไปได้ช่วงนึ่งโรงเรียนก็บอกให้เราไปเรียนภาษาอีกโรงเรียนนึ่งที่มีคลาสสำหรับนักเรียนมีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งช่วงเช้าเราต้องมาเรียนที่Henri matisseสองคาบ แล้วก็ไปเรียนที่อีกโรงเรียนหนึ่งจนถึงคาบบ่ายแล้วกลับมาเรียนที่มาติสอีกที ใช้เวลาประมาณ15นาทีจากมาติสไปโรงเรียนใหม่ นั่งรถไฟใต้ดินหรือ metro 1 สถานี เป็นอะไรที่เหนื่อยยยยมากกก สายตลอดเดินไปเดินมา ใจจะขาดดดด
เห้ยยยยยยยย แต่โรงเรียนใหม่ดีวะ
College Boris Vian
สถานี five
ห้องเรียนที่เราต้องไปเรียนคือ ห้องเรียนสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเราเป็นเอเชียคนเดียว ชาวต่างชาติอื่นๆก็มีมาจาก โรมาเนีย แอรฟริกา ตุรกี แล้วก็เอกวาดอ
คุณครูที่สอนชื่อมาดามเฌอโนด ครูผู้หญิงตัวสูงผมสั้นสีทอง ครูคนนี้แหละสอนเราตั้งแต่ พยัญชนะ นับเลข พูดคุยเบื้องต้น ในห้องเรียนนี้จะเน้นกิจกรรม แบบเกมที่ทำให้เราได้พูดคุยกัน พาไปดูหนังที่โรงหนัง
สอนนู้นสอนนี้ พาไปปั่นจักรยานที่บริษัทจักรยานแห่งนึงในเมือง พาถ่ายรูปตามถนนหนทาง
ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะในเมือง ซึ่งต้องเดินไป ไกลมากแต่ก็สนุกดี ขากลับนะจำได้เลย ลูกเห็บตก 55555+
เราเนี้ยจะอยู่แก๊งค์เอกวาดอ หนึ่งในนั่นคือ ดานน่า เพื่อนคนแรกของเราเอง ดานน่าเป็นคนแรกที่เรานั่งข้างด้วยที่รร.นี้ ส่วนคนอื่นๆในแก๊งค์น่ะหรอ ก็พี่ชายดานน่าไง ดานน่ามีพี่ชายสามคน
นามสกุลของบ้านนี้คือซานเชส ก็เลยสนิทกับพี่ๆดานน่าไปด้วยเลย บ้านนี้อารมณ์ดีกันทั้งบ้าน ตลกด้วย
ดานน่าเป็นรุ่นน้องเรา1ปี คนเอกวาดอเนี้ยพูดภาษาสเปนกัน เลยไม่ได้ภาษาฝรั่งเศส ก็เลยต้องมาเรียนด้วยกันเนี้ยแหละ
ดานน่าเป็นคนสดใส ชอบฟังเพลงป๊อป ชอบถ่ายรูปตัวเอง และให้เราถ่ายรูปให้บ่อยๆ
และในโทรศัพท์เราก็เต็มไปด้วยรูปเซลฟี่ของดานน่า
ดานน่าให้ถ่ายให้
ถ่ายคู่กัน ^___^
เนื่องจากโรงเรียน Boris vian นั้นไกลจากบ้านเหมือนกัน จึงต้องกินข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียน
เอออเขียนกระทู้นี้ก็ดีนะ ได้ไปนั่งขุดรูปเก่าๆ แล้วก็โชคดีมากๆที่มียังรูปลงเหลืออยู่
ซึ่งอาหารที่โรงอาหารที่รร.นี้ราคาถูกมาก มื้อละ3ยูโรเอง รสชาติก็ใช้ได้เลยแหละ
เราชอบโรงเรียนนี้มาก เทียบกับที่แรกจำได้ไหม ที่บอกว่าเราต้องเรียนที่นี่ถึงแค่ช่วงบ่ายพอตอนเย็นเราต้องไปเรียนที่มาติสต่อ แล้วเราทำไงรู้ไหม
เดินกลับบ้านเลยจ้าาา จ้างให้ก็ไม่ไป
เราคุยกับที่บ้านบ่อยมากเรื่องโรงเรียน สรุปแล้ว เราจะเรียนที่Boris Vian ที่เดียวแล้ว
ถึงจะไกลกว่าแต่ก็ไม่เป็นไร
ก็เลยไปทำเรื่องลาออก ซึ่งง่ายจนช็อค =[ ]=
แค่เดินไปบอกครูที่ธุรการว่าจะไม่เรียนที่นี่แล้วนะ บายยย
แล้ววันที่ไปบอกเนี้ยเราพาหมาเราเดินเล่นไปด้วยไง ครูสนใจหมามากกว่าเราอีก 555+
สรุปเราจึงย้ายไปเรียนที่ Boris Vian อย่างเป็นทางการ มีตารางสอน มีห้องเรียน และมีเพื่อนสนิท
นี้เป็นแค่10%เองนะคะ มีอะไรให้เล่าเยอะมาก เขียนเป็นหนังสือได้เลย ไว้จะมาเขียนต่อเรื่อยๆ
ตอนแรกว่าจะเขียนให้เสร็จก่อนค่อยเอามาลงกระทู้ แต่ถ้าจะทำแบบนั่นคงไม่ได้ลงซักทีละค่ะ
มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะคะ
ถ้าเขียนผิดก็บอกด้วยนะ ไม่มีใครค่อยเช็คให้ แต่ก็อ่านทวนหลายรอบละ
Ma Vie En France ชีวิตนักเรียนไทยในฝรั่งเศส อยู่จริง รู้จริง อยากรู้ว่าสังคมในโรงเรียนที่นี่เป็นไง เข้ามาดูววววว
เราจะเล่าเรื่องของเราให้ฟัง เล่าแบบคุยกับเพื่อน ระบายกับเพื่อน เม้ามอย ปลดทุกข์
ก็อยากให้คนอ่านคิดซะว่าตัวเองอายุไล่เลี่ยกันกับคนเขียน จะได้อินกับเรื่องราวและภาษาที่ใช้เขียน
ตอนนั้นเราอยู่ม.1 พึ่งสอบติดหมาดๆเลย ตัดผมสั่นติดติ่ง สนุกสนานชีวิตมอต้น มีเพื่อนมากมาย
ร่าเริงแจ่มใส เรียนๆเล่นๆ เรียนไปได้ประมาณเทอมนึง แม่บอกว่าจะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศส
วินาทีนั้นสิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ผมกูววววววววววววววววว…….. T________T”
แหม่พึ่งตัดซะด้วย ตัดซะติ่งเลย
คือก่อนหน้านั้นผมยาวมากไงไม่เคยตัดสั้นมาก่อน
เอาจริงๆละ ตอนนั่นไม่ได้คิดอะไรมาก เฉยๆ มีเซ็งบ้างต้องจากเพื่อน แต่ก็ไม่ว่ากัน
แม่ก็เลยให้ไปเรียนภาษาที่สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ ซึ่งเรียนไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนร่วมห้องก็เป็นเด็กมอปลายที่อยู่สายศิลป์ฝรั่งเศสอยู่แล้ว
สิ่งที่เราสนใจคือร้านขนมที่สมาคมอร่อยยยยมากกกกก
ไม่ทันได้ตั้งตัววันเดินทางก็มาถึง รู้ตัวอีกทีก็ถึงฝรั่งเศสแล้ว สนามบิน CDG ปารีส
แต่เมืองที่เราอยู่คือเมือง Lille อยู่เหนือปารีสขึ้นไปอีก เหนือสุดฝรั่งเศส ติดกับเบลเยี่ยม
นั่งรถประมาณสองชม. ตื้นเต้นนิดๆกับอากาศที่เริ่มจะหนาวของเดือนตุลา
2รูปนี้เราถ่ายเมื่อสองเดือนที่แล้วในตัวเมือง
College Henri Matisse
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กวัยนี้คือโรงเรียน เราไม่ได้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนหรือว่าอะไรก่อนเลย
เพื่อนๆคนอื่นก็เปิดเรียนผ่านไปแล้วเป็นเดือน วันแรกที่ไปก็เดินไปเอง งงๆ ไม่รู้เอาความมั่นใจมาจากไหน 5555
คือโรงเรียนใกล้บ้านมากไง โรงเรียนที่นี่จะเล็กๆ แต่กระจายออกไปหลายๆที่
ลองดูรูปประกอบที่เราวาดง่ายๆให้ดูละกัน
เห็นไหมใกล้มากเดิน3-5นาทีก็ถึง แบบพักเที่ยงก็กลับมากินข้าวที่บ้านได้
อีกรูปนึงเป็นรูปในโรงเรียน
ชื่อโรงเรียนคือ College Henri Matisse ขอเรียกสั้นๆว่ามาติสละกัน ชื่อโรงเรียนตั้งตามชื่อศิลปินคนนึ่ง
ทางเข้าโรงเรียนมีทางเดียวคือรั้วหน้าโรงเรียน จะมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมายืนอยู่ที่รั้ว
นักเรียนแต่ละคนจะมีสมุกไว้พกประจำตัว เราเรียกสมุดนั้นว่า canet de correspondance
เป็นสมุดที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลาข้างในจะมีตารางสอน กฏต่างๆของรร. จะลากิจลาป่วยก็ต้องจดลงในสมุดเล่มนี้ ไว้จะมาวีวิวไอสมุดเล่มนี้ให้ดูละกัน
Collegeคือโรงเรียนสำหรับเด็กอายุประมาณ12-15ปี หรือปอ6ถึงมอ3นั้นเองงงงง
ปอ6 คือ 6eme
มอ1 - 5eme
มอ2 - 4eme
มอ3 - 3eme
ตามที่เห็นในรูปประกอบข้างบน คือที่ๆไว้เข้าแถวรอจะเข้าไปเรียน
พอเข้าไปในตัวโรงเรียนแล้ว เราก็ยืนอยู่ส่วนหน้าที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ เราก็ยืนเงียบๆของเราไป สำรวจสิ่งแวดล้อม 5555
คนอื่นๆก็มองๆมาบ้าง จนในที่สุด ก็มีคนเดินมาทัก เป็นแบบผู้ชายตัวสูงๆหน่อยผมทอง ก็ทักเรา เชคแฮนด์เสร็จ ก็หายไปเลย ไม่ได้คุยกันอีกเลย ….. อ้าวว
โอเคไม่เป็นไร เสียงกริ่งดังขึ้น เด็กๆก็เดินไปต่อแถวรอครูกัน ส่วนเรายังยืนอยู่ที่เดิม ก็มีครูพาไปที่ห้องที่เราอยู่ ครูก็แนะนำเราให้เพื่อนในห้องนิดหน่อยๆ แล้วก็จากไป ส่วนเราก็ไปนั่งเงียบๆ
ตอนนั่นก็ยังเด็กมากอยู่ถ้าเทียบกับตอนนี้ ก็เลยไม่ได้จดบันทึกอะไรไว้ เลยจำรายละเอียดของเพื่อนๆหรือครูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกยังอยู่
วันแต่ละวันที่อยู่โรงเรียนนี้คือสิงสถิตอยู่ในห้องสมุด ที่คนฝรั่งเศสเรียนว่า cdi (ซีดีอี) ซึ่งเพื่อนเราก็คือครูประจำห้องสมุดนั่นเอง ครูก็จะค่อยหาแบบฝึกหัดภาษาฝรั่งเศสมาให้ทำเรื่อยๆ เราก็ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้สนใจภาษานี้อยู่แล้วไง
เรียนๆไปเพราะไม่มีทางเลือกอื่น ช่วงนั่นเราจะวาดรูปเยอะมาก อ่านแฟนฟิคตามเน็ทเยอะมาก เป็นเพราะไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยแหละมั้ง ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย เวลานั่งเรียนในห้อง มือจะอยู่ไม่สุข ต้องหยิบดินสอขึ้นมาขีดๆเขียนๆลงทีใดทีนึง
วิชาที่เราโอเคมีสุดคือศิลปะกับภาษาอังกฤษนอกนั่งคือแย่มาก
พอเราวาดรูปไปเรื่อยๆ เพื่อนๆในห้องห้องก็ชอบมาดู แล้วก็ขอให้วาดนู้นวาดนี้บ้างอะไรบ้าง
แต่ความรู้สึกโดยรวมที่มีกับโรงเรียนนี้คือติดลบอยู่ดี คือโดดเดี่ยวมาก
รู้สึกว่าไม่มีใครอยากสนิทกับเราเลย
แต่สิ่งที่รู้สึกแย่ที่สุดคือคาบชีวะ
เราก็เข้าไปห้องเรียนกับเพื่อนร่วมห้อง ครูไม่ให้เราเข้าเรียนเพราะเราไม่จะไม่เข้าใจ แต่ให้เราไปอยู่ห้องสมุดแทน ตอนนั่นแบบ งง โกรธ อะไรกันว่ะ ช่างแมร่งละ โรงเรียนนี้ จากนั่นก็เน้นวาดรูปอย่างเดียวเลย วาดๆๆๆ ตอนเรียนก็ก้มหน้าก้มตาวาด จนครูพูดขึ้นมาต่อหน้าทุกคนว่า ก็เพราะวาดรูปอย่างเดียวอย่างงี้ไง ไม่ฟังครู ถึงเรียนไม่ได้ คือถึงตอนนั่นเราจะยังฟังภาษาไม่ได้ แต่เราก็เข้าใจไง แต่เราก็ไม่สนอะ ซึ่งผลจากการกระทำแบบนี้ของเราส่งผลให้ฝีมือการวาดรูปของเราพัฒนาไปเยอะมาก
คาบปลดปล่อยของเราคือพละ แล้วกีฬาที่ต้องเล่นเนี้ยคือยูโด ที่นี้แหละจับทุ่มแมร่งทุกคนเลยสู้ยิบตา
แต่สิ่งที่ตลกของวิชานี้คือ คุณครู ครูสอนพละเป็นครูผู้หญิง ที่อ้วนนนนมาก ดูไม่แข็งแรงหรือสุขภาพดีเหมาะสมกับวิชานี้เลย -________- แล้ววิธีการสอนของครูคือใช้ปากค่ะ ครูก็จะนั่งเฉยๆแล้วบอกให้ทำนู้นทำนี้ ไม่เคยสาธิตให้ดูเลย เอ้ะะ ว่าไป หรือว่าาาาที่หุ่นครูเป็นแบบนี้เพราะจริงๆแล้วครูไม่ได้เล่นยูโด แต่เป็นซูโม่ 55555555+
สามคนนี้คือเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเรา และเดินกลับบ้านทางเดียวกันเลยได้คุยบ้าง
แต่ก็สนิทไม่ได้ คือเขาเป็นเพื่อนสนิทกันสามคนไง จะไปเข้ากลุ่มกะเขาก็ยาก
สกิลถ่ายรูปช่วงนี้ยังติดลบอยู่ รูปก็ไม่ค่อยเยอะ อย่าลืมสิตั้ง4ปีที่แล้ว ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย 5555
ผ่านไปได้ช่วงนึ่งโรงเรียนก็บอกให้เราไปเรียนภาษาอีกโรงเรียนนึ่งที่มีคลาสสำหรับนักเรียนมีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งช่วงเช้าเราต้องมาเรียนที่Henri matisseสองคาบ แล้วก็ไปเรียนที่อีกโรงเรียนหนึ่งจนถึงคาบบ่ายแล้วกลับมาเรียนที่มาติสอีกที ใช้เวลาประมาณ15นาทีจากมาติสไปโรงเรียนใหม่ นั่งรถไฟใต้ดินหรือ metro 1 สถานี เป็นอะไรที่เหนื่อยยยยมากกก สายตลอดเดินไปเดินมา ใจจะขาดดดด
เห้ยยยยยยยย แต่โรงเรียนใหม่ดีวะ
College Boris Vian
สถานี five
ห้องเรียนที่เราต้องไปเรียนคือ ห้องเรียนสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเราเป็นเอเชียคนเดียว ชาวต่างชาติอื่นๆก็มีมาจาก โรมาเนีย แอรฟริกา ตุรกี แล้วก็เอกวาดอ
คุณครูที่สอนชื่อมาดามเฌอโนด ครูผู้หญิงตัวสูงผมสั้นสีทอง ครูคนนี้แหละสอนเราตั้งแต่ พยัญชนะ นับเลข พูดคุยเบื้องต้น ในห้องเรียนนี้จะเน้นกิจกรรม แบบเกมที่ทำให้เราได้พูดคุยกัน พาไปดูหนังที่โรงหนัง
สอนนู้นสอนนี้ พาไปปั่นจักรยานที่บริษัทจักรยานแห่งนึงในเมือง พาถ่ายรูปตามถนนหนทาง
ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะในเมือง ซึ่งต้องเดินไป ไกลมากแต่ก็สนุกดี ขากลับนะจำได้เลย ลูกเห็บตก 55555+
เราเนี้ยจะอยู่แก๊งค์เอกวาดอ หนึ่งในนั่นคือ ดานน่า เพื่อนคนแรกของเราเอง ดานน่าเป็นคนแรกที่เรานั่งข้างด้วยที่รร.นี้ ส่วนคนอื่นๆในแก๊งค์น่ะหรอ ก็พี่ชายดานน่าไง ดานน่ามีพี่ชายสามคน
นามสกุลของบ้านนี้คือซานเชส ก็เลยสนิทกับพี่ๆดานน่าไปด้วยเลย บ้านนี้อารมณ์ดีกันทั้งบ้าน ตลกด้วย
ดานน่าเป็นรุ่นน้องเรา1ปี คนเอกวาดอเนี้ยพูดภาษาสเปนกัน เลยไม่ได้ภาษาฝรั่งเศส ก็เลยต้องมาเรียนด้วยกันเนี้ยแหละ
ดานน่าเป็นคนสดใส ชอบฟังเพลงป๊อป ชอบถ่ายรูปตัวเอง และให้เราถ่ายรูปให้บ่อยๆ
และในโทรศัพท์เราก็เต็มไปด้วยรูปเซลฟี่ของดานน่า
ดานน่าให้ถ่ายให้
ถ่ายคู่กัน ^___^
เนื่องจากโรงเรียน Boris vian นั้นไกลจากบ้านเหมือนกัน จึงต้องกินข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียน
เอออเขียนกระทู้นี้ก็ดีนะ ได้ไปนั่งขุดรูปเก่าๆ แล้วก็โชคดีมากๆที่มียังรูปลงเหลืออยู่
ซึ่งอาหารที่โรงอาหารที่รร.นี้ราคาถูกมาก มื้อละ3ยูโรเอง รสชาติก็ใช้ได้เลยแหละ
เราชอบโรงเรียนนี้มาก เทียบกับที่แรกจำได้ไหม ที่บอกว่าเราต้องเรียนที่นี่ถึงแค่ช่วงบ่ายพอตอนเย็นเราต้องไปเรียนที่มาติสต่อ แล้วเราทำไงรู้ไหม
เดินกลับบ้านเลยจ้าาา จ้างให้ก็ไม่ไป
เราคุยกับที่บ้านบ่อยมากเรื่องโรงเรียน สรุปแล้ว เราจะเรียนที่Boris Vian ที่เดียวแล้ว
ถึงจะไกลกว่าแต่ก็ไม่เป็นไร
ก็เลยไปทำเรื่องลาออก ซึ่งง่ายจนช็อค =[ ]=
แค่เดินไปบอกครูที่ธุรการว่าจะไม่เรียนที่นี่แล้วนะ บายยย
แล้ววันที่ไปบอกเนี้ยเราพาหมาเราเดินเล่นไปด้วยไง ครูสนใจหมามากกว่าเราอีก 555+
สรุปเราจึงย้ายไปเรียนที่ Boris Vian อย่างเป็นทางการ มีตารางสอน มีห้องเรียน และมีเพื่อนสนิท
นี้เป็นแค่10%เองนะคะ มีอะไรให้เล่าเยอะมาก เขียนเป็นหนังสือได้เลย ไว้จะมาเขียนต่อเรื่อยๆ
ตอนแรกว่าจะเขียนให้เสร็จก่อนค่อยเอามาลงกระทู้ แต่ถ้าจะทำแบบนั่นคงไม่ได้ลงซักทีละค่ะ
มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะคะ
ถ้าเขียนผิดก็บอกด้วยนะ ไม่มีใครค่อยเช็คให้ แต่ก็อ่านทวนหลายรอบละ