ความสุขเล็กๆ ที่อยากแบ่งปันค่ะ

กระทู้สนทนา
วันนี้มีโอกาสรวมตัวกับเพื่อนๆ และลูกๆ นำอาหารไปเลี้ยงผู้สูงอายุ ที่บ้านพักคนชราคลองห้าค่ะ
อาหารที่นำไปก็มี หมูทอดกระเทียม ผัดขิง แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย กล้วยบวดชี และนมกล่อง

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพวกเราที่ได้มีโอกาสเลี้ยงอาหารในศูนย์แบบนี้ ก็มีข้อผิดพลาดบ้าง อย่างเช่น
อาหารที่นำไป ผู้สูงอายุบางท่านที่มีอาการป่วยจะทานไม่ได้ (แต่ยังโชคดีที่วันนี้เรามีหมูทอด ทำให้
ท่านได้ทานอาหารของเราทุกคน) นมกล่องที่นำไป เป็นนมวัว ผู้สูงอายุบางท่านก็ทานไม่ได้เช่นกัน
เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท่านจะทานได้แต่นมถั่วเหลือง ไว้คราวหน้าจะเตรียมไป
ให้พร้อมกว่านี้นะคะคุณตาคุณยาย ^_^

จากที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ศูนย์แห่งนี้ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่ก็พอมีแขกมาเลี้ยงอาหารอยู่เรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุมีอยู่ 4 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับคุณตาคุณยาย 92 ท่าน
แต่ทุกคนก็พยายามดูแลทุกท่านอย่างเต็มที่ สังเกตได้จากการพูดคุยหยอกเย้ากับท่าน และท่านก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

ตึกนอนจะแยกหญิงชายค่ะ ตึกที่เจ้าหน้าที่พาไปเยี่ยมเป็นตึกคุณตาที่ป่วย ทำให้ท่านไม่สามารถลงไปทานอาหาร
ที่โรงอาหารได้ ตึกจะอยู่ด้านข้างโรงอาหารมีคุณตาพักอยู่ที่นี่จำนวน 10 ท่าน มีพี่ผู้ชายคอยดูแล 1 คน
ซึ่งจะนอนกับคุณตาที่ตึกนี้เลยค่ะ

อีกด้านนึงจะเป็นตึกคุณยายที่ป่วย มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงดูแล 3 คน ตึกนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้พาไปเยี่ยมท่านค่ะ
เพราะเกรงว่าจะเลยเวลาเลี้ยงอาหาร เนื่องจากคุณยายคุยเก่งมากๆ เวลาท่านได้คุยกับใครมักจะไม่ยอมเลิกคุยง่ายๆ
ตึกนี้จะมีคุณตาบางท่านไปพักด้วยเพราะพี่ผู้ชายที่ตึกคุณตา ไม่สามารถดูแลได้ครบทุกท่านค่ะ

ถัดไปจะเป็นตึกผู้สูงอายุเกรดเอ (เจ้าหน้าที่เรียกอย่างนั้นค่ะ) คือท่านแข็งแรง สามารถร่วมกิจกรรมกับทางศูนย์ได้ทุกอย่าง
เช่น สวดมนต์ ออกกำลัง สานตะกร้า หรือบางท่านยังสามารถอาสาไปเฝ้าผู้สูงอายุร่วมศูนย์ ที่ป่วยและรักษาตัว
อยู่ที่โรงพยาบาลธัญญะบุรีได้ด้วยค่ะ วันนี้เผอิญเห็นคุณตาท่านนึงกำลังเตรียมตัวไปเฝ้าค่ะ ตึกนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่นอนด้วย
เพราะคุณตาคุณยายพอจะดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี และเจ้าหน้าที่ก็มีจำกัด จึงจำเป็นต้องแบ่งดูแลเฉพาะผู้สูงอายุ
ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

เราได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า คุณตาคุณยายอยู่ที่นี่มีความสุขไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่า

"เจ้าหน้าที่ที่นี่สามารถดูแลความเป็นอยู่ให้คุณตาคุณยายสบายและมีความสุขได้เพียงร่างกาย ที่นอน หมอน
ต้องดูแลให้คุณตาคุณยายนอนสบายที่สุด เสื้อผ้าถ้าคุณตาคุณยายต้องการ ก็จะพยายามหาให้ แต่สุดท้ายแล้ว ความสุข
ที่ท่านต้องการจริงๆ คือ ลูกหลาน บางท่านบ่นคิดถึงลูกหลานทั้งน้ำตา เจ้าหน้าที่ก็ได้แต่ปลอบใจไม่ให้ท่านคิดมาก
บางท่านก็บ่นว่าลูกหลานไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ พอเจ้าหน้าที่แกล้งกระเซ้าว่า นั่นสิลูกยายนี่แย่นะ ท่านจะรีบบอกว่า
อย่าไปว่าเค้าเลย ยายไม่โกรธเค้าหรอก" เจ้าหน้าที่เล่าไปน้ำตาคลอไป เราฟังไปก็จะร้องไห้ตาม ร้องไห้

ถึงเวลา 16.30 น. เป็นเวลาอาหารเย็น พวกเราก็ยกถาดที่เจ้าหน้าที่ตักอาหารไว้พร้อมแล้ว ไปแจกคุณตาคุณยายที่โต๊ะ
คุณตาคุณยายบางท่านก็ยกมือไหว้ขอบคุณ เราต้องรีบไหว้ท่านคืนแล้วบอกไม่เป็นไรค่ะ
คุณตาคุณยายบางท่านก็ขอเติมข้าวบ้าง ขนมบ้าง ชมตลอดเลยว่าอาหารอร่อยมาก (แถมยกนิ้วโป้งให้ด้วย น่ารักจริงๆเลย เยี่ยม)
เรื่องอาหารอร่อยนี่ต้องยกความดีความชอบให้แม่ของเพื่อนน้องที่ทำงานค่ะ ที่ท่านทำมาให้โดยไม่ได้คิดค่าแรงใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ อมยิ้ม17
หลังจากทานอาหารอิ่มทุกท่านแล้ว ก็จะมีตัวแทนคุณตา 1 ท่าน คุณยาย 1 ท่าน มากล่าวขอบคุณพวกเรา เราก็เริ่มน้ำตาซึม พอถึงช่วง
ที่คุณตาคุณยายร้องเพลงขอบคุณ เราก็เสียน้ำตาทันที

จากที่ได้ไปเลี้ยงอาหารคุณตาคุณยายในวันนี้ ความรู้สึกมันไม่ใช่แค่สุข แต่มันเป็นความปลาบปลื้มใจเสียมากกว่า กับรอยยิ้ม
และคำอวยพรที่ท่านมอบให้เรา ก่อนกลับเราเดินไปส่งคุณยายท่านนึง พูดคุยว่ายายอยู่ที่นี่สบายดีไหมค่ะ
คุณยายตอบด้วยรอยยิ้มว่าสบายดี มีเตียงให้ด้วยมีลิ้นชักเก็บของ เราเลยกระเซ้ายายว่า แล้วยายแอบเอาขนมมาเก็บไว้
หรือเปล่าคะ คุณยายรีบบอกเลยว่าไม่มี (เพราะที่นี่มีกฏว่าห้ามน้ำอาหารมาเก็บไว้เดี๋ยวมดขึ้น แต่นมเอาขึ้นมาได้ค่ะ)
นมที่ยายเอาขึ้นมา บางทีก็เก็บไว้ใส่บาตร เพราะมีพระมาบิณฑบาตรทุกวันศุกร์ค่ะ

ขากลับผ่านคุณยายที่นั่งเล่นหลายท่าน เรายกมือไหว้ และบอกว่าหนูกลับแล้วนะคะ คุณยายแต่ละท่านรับไหว้ แถมให้พรมากมาย
มีคำนึงที่คุณยายพูดเหมือนกันคือ "แล้วมาอีกนะ" เรายิ้มให้ท่าน และบอกท่านว่า
"ค่ะ ถ้าหนูมีเวลาหนูจะมาหาอีกนะคะ"
แล้วเดินน้ำตาคลอ ออกมา

ขอบคุณสำหรับความสุขที่คุณตาคุณยายมอบให้พวกหนูนะคะอมยิ้ม17
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่