เธอบอกว่าผมเห็นแก่ตัว ผมมีข้อสงสัยครับ!

ก่อนอื่นคงต้องกล่าว สวัสดีครับ ปกติผมไม่ค่อยได้โพสเท่าไหร่ แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ จึงอยากจะถามความคิดเห็นเพื่อน ๆสักหน่อย เรื่องอาจจะยาวนิดน่ะครับ บรรยายไม่เก่งเหมือนคุณ มิ้ว ณ ชมวิว ซะด้วย อิอิอิ  
          ผมอยู่กับแม่แค่สองคน เริ่มแรกฐานะที่บ้านผมเกือบจะเรียกได้ว่าเริ่มจากศุนย์  ครอบครัวเราก็พยามดิ้นรนกันมาจนเริ่มตั้งตัวได้  ตอนเด็ก ๆผมฝันเสมอว่าอยากรวย  ชีวิตเราจะได้สบายกว่านี้  อยากกินก็กิน  อยากเที่ยวก็เที่ยว  แต่ก็เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในก้นบึงของหัวใจมาตลอด
       ผมเข้ามหาวิทยาลัย  ผมเลือกเรียนในคณะวิศวะด้วยเหตุผลที่ว่ามันดูมั่นคงและเทห์ดี  มันน่าจะทำเงินและให้ความมั่นคงกับผมได้แต่ถามว่าผมชอบไหม  ไม่เลยครับ  Y_Y และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผมจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่เฉียดฉิวทีเดียว
       และที่นี้เอง   ผมได้เจอกับ (สมมุติว่าเธอชื่อศิน่ะครับ) “ศิ” เธอเป็นสาวรุ่นพี่ครับ ห่างผมสองปี “เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งมากครับ  เป็นคนที่มีความสามารถ  มีความตั้งใจที่ดี และอัธยาศัยเป็นเลิศ” ผมรู้สึกดีที่เราได้รู้จักกัน  ขอไม่บรรยายล่ะกันน่ะครับว่าเราคบกันได้อย่างไง แต่ช่วงเวลาที่เราคบกัน ผมบอกผู้อ่านได้เลยว่ามันพิเศษจริงๆ  ผมรู้สึกได้เลยว่าแม้ทุกคนจะเคยพูดคำว่ารัก(แบบหนุ่มสาว) แต่เชื่อเถอะว่า  ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สัมผัสมัน  เธอทำให้ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับความรู้สึกที่ไม่คิดว่ามีบนโลก  จนบางครั้งผมยังสงสัยว่าผู้หญิงที่แสนพิเศษคนนี้  หลงมาเจอคนอย่างผมได้อย่างไง  แต่ก็อย่างว่า งานเลี้ยงย่อมต้องมีการเลิกลาในวันหนึ่ง  ด้วยความที่เราแตกต่างกัน  เมื่อเธอเรียนจบ   สังคมที่เธอยืน   ช่างแตกต่างจากชีวิตมหาวิทยาลัยโดยสิ้นเชิง  ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับ  จนผมมีโอกาสได้ทำงานด้วยตัวเอง.
    นานทีเดียวกว่าเราจะได้คุยกันอีก  เธอมีชีวิตที่มีความสุข  มีแฟนที่ดีคนที่คอยปกป้องและดูแลเธอ
       หลายท่านอาจจะคิดว่า คงอาลัยอาวรณ์เค้าอยู่สิน่ะ  เปล่าเลยครับ สิ่งที่เหลืออยู่คือ  “ความทรงจำดีดี” และ “ความเห็นแก่ตัวของผม”
   หลังจากที่ผมเรียนจบมา  ก็มีโอกาสได้ทำงานตามสายที่เรียนมา  ยอมรับเลยครับ ผมรู้สึกเท่ห์มาก  อิอิอิ  แต่ทำได้แค่ สองปีก็ลาออก ด้วยเหตุผลที่ว่า  ผมอยากมีรายได้มากกว่านี้และมันไม่ใช่งานที่ผมชอบ   หลังจากนั้นก็พยามเริ่มธุรกิจที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง  ซึ่งเป็นอะไรที่เหนื่อยและหนักมากเพราะผมทำเองควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง   จะเนื่องด้วยเงินทุนที่น้อยนิดและข้อจำกัดอีกมากมาย
      ในระหว่างนี้เอง (เข้าเรื่องล่ะ)  ผมมีโอกาสได้คุยกับ ศิ อีกครั้ง  ก็เล่าเรื่องงานที่กำลังเริ่มให้เธอฟัง  เธอก็ถามผมว่า  งานที่ทำอยู่ก็รายได้โอเคและมั่นคงอยู่แล้ว   ทำไมใจร้อนรีบลาออกจัง  (ผมอายุยี่สิบหก)  ผมก็บอกว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว  คุยไปคุยมาก็วนมาเรื่องแฟน  เธอถามว่าทำไมยังไม่มีแฟนสักที  จะได้มีคนมาคอยช่วยงาน  ผมให้เหตุผลกับเธอว่า   “ธุรกิจที่ผมทำมันเหนื่อยและน่าเบื่อมาก  อีกทั้งผมเชื่อว่าการมีแฟน  ทั้งที่ตัวเรายังทุ่มเทกับงานอยู่อย่างนี้  อาจจะเป็นสิ่งที่ถ่วงให้งานของเราเดินไปช้าลง  ตอนนี้ยอมโดดเดี่ยวไปก่อน  อดทนกับความเหงา  เมื่อไหร่ที่วันเวลานี้จบลง   ผมคงมีเวลาได้ออกค้นหาผู้หญิงที่พิเศษเหมือนที่ผมเคยเจอ  และผมคงพร้อมที่จะดูแลและเอาใจใส่เธอมากกว่าที่เคยเป็น”  
      แต่เธอก็สวนกลับมาแบบห้วน ๆว่า   “เห็นแก่ตัวจัง”   บางครั้งผู้หญิงก็ไม่ได้ต้องการในสิ่งที่ผมกำลังพยามทำอยู่   ใครสักคนที่จะฝากชีวิตไว้ไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะหรอกน่ะ
     ผมก็พยามอธิบายต่อว่า   ผมอ่ะชอบคนเก่ง  คนมีความสามารถ  แต่ถ้าผมยังไม่เก่ง   ไม่มีความสามารถคงยากที่ผมจะได้เจอคนที่ผมหวังว่าคงมีอยู่บนโลกอีกสักคน  หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน.

     ผมไม่เข้าใจว่าคำว่า  เห็นแก่ตัว  ของเธอหมายความว่าอย่างไร   ผมพยามพัฒนาตัวเองให้เก่ง เพื่อจะได้เหมาะสมกับคนเก่งเพราะผมชอบคนเก่ง  งงป่ะครับ อิอิอิ     หรือผมกำลังมองข้ามอะไรไป.


ปล.  แรงบันดาลใจมาจากกระทู้ที่บอกผู้ชาย แย่ๆ แต่อยากได้แฟนเป็นผู้หญิง เก่ง ๆ ประมาณนี้ ผมหากระทู้ต้นเรื่องไม่เจอ  O_o!!
ปล.  ขอแท็กห้องศาลา ปัญหาชีวิต  
       ขอแท็กห้องสยาม  ชีวิตวัยรุ่น  
       ขอแท็กห้องชานเรือน ครอบครัว  
       ขอแท็กสีลม   เจ้าของธุรกิจ

แก้ไข  จากคุณ หมิว  เป็นคุณมิ้ว ครับ แหะๆ ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่