ด้วยสามัญสำนึกบุคคล โดยเฉพาะคนที่เป็นครู คนที่แก่กล้าวิชา ลูกศิษย์ขอฝาก
เงินหนึ่งบาท พันบาท ด้วยความเป็นครู ไม่มีปัญหา
แต่นี่ รับฝากเงิน 20 ล้าน แต่อาจานด้วยความฉลาดแก่กล้า ทะยอยเอาเงินเข้าบัญชี
สหกรณ์ เพื่อเลี่ยงพิธีการว่าด้วยการฟอกเงิน โดยเอาเข้าบัญชีทีละ 2-3 ล้าน ท่านนี่
ไม่โง่ ก็เมา
เอาเงินไปขายที่ ได้กำไรมาฝากต่อ บวกกำไร เป็นครูก็รับฝากไม่ถามที่มาที่ไป ทำไม
เธอไม่เข้าบัญชีธนาคารของเธอเอง รับเงินเงียบ ๆ ครูครับ ครูโง่ หรือ ครูเมายาดอง
อาจารย์คนนี้ ไม่นานครับโดนคุก ว่าด้วยเรื่อง กฏหมายการฟอกเงิน......เป็นครู มีอยู่
แค่สองอย่าง คือ โง่ หรือ แกล้งโง่
แต่จะบอกว่า ไม่รู้ คงไม่มีผล
"สมบัติ จันทรวงศ์" เตรียมยื่นขอลาออกอาจารย์มธ.-แจงป.ป.ช. ปมรับฝากเงิน 20 ล้านลูกพล.อ.เสถียร
ศาสตราจารย์ สมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ประกาศลาออกจากตำแหน่งทางวิชาการ หลังมีชื่อเกี่ยวข้องกับการที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งยึดทรัพย์พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในคดีร่ำรวยผิดปกติ
โดยศาสตราจารย์สมบัติ กล่าวถึงเหตุผลในการลาออกจากทุกตำแหน่งทางวิชาการว่า ต้องการแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ ศ.สมบัติ เตรียมไปยื่นหนังสือลาออกต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อีกทั้ง ในวันนี้ (28 ก.พ.) ศาสตราจารย์สมบัติ เตรียมเข้าชี้แจงกับคณะอนุกรรมการ ปปช. พร้อมนำเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกอย่างไปแสดง เพื่อยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้
สำหรับศาสตราจารย์ สมบัติ จันทรวงศ์ ถูก ป.ป.ช.ระบุว่าเข้าข่ายเป็น"นอมินี" เนื่องจากบุตรบุญธรรมของพล.อ.เสถียรคือ "น.ส.ณิชาพัฒน์" ซึ่งศาสตราจารย์สมบัติ เป็นที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ นำเงินไปฝากไว้ในบัญชีของศาสตราจารย์สมบัติถึง 20 ล้านบาท และศาสตราจารย์สมบัติก็ยอมรับว่านางณัฐณิชาช์เป็นคนมาฝากไว้จริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับทางครอบครัว
หลังเกิดข่าวอื้อฉาว นายสมบัติ จันทรวงศ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ไม่รู้จักกับ พล.อ.เสถียร เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกับนางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ และลูกสาวคือ น.ส.ณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์ ที่เรียนอยู่ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ รู้จักกันมา 7-8 ปีแล้ว กระทั่งปี 2554 เป็นช่วงที่บอกว่ามีปัญหาในครอบครัว เป็นปัญหาเรื่องผู้หญิงที่ถึงขั้นมีลูกกัน แต่ไม่ได้ไปซักถามอะไร จนมีอยู่คืนหนึ่งนางณัฐณิชาช์ โทรศัพท์มาหาแล้วบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา จากนั้นหอบเงิน 18 ล้านบาท มาให้ บอกว่ามีปัญหาเรื่องครอบครัว อาจจะต้องหย่าร้างกัน ไม่อยากให้เงินก้อนนี้รั่วไหลไป เลยขอฝากไว้ พอดีช่วงนั้นต้องไปต่างจังหวัด รู้สึกไม่สบายใจที่มีเงินหลายล้านบาทอยู่ที่บ้าน เลยเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากไว้ที่ธนาคารใกล้ๆ ที่ละ 2-3 ล้านบาท หลายๆ ธนาคาร ในชื่อของตนเอง
"หลังจากนั้นไม่นาน นางณัฐณิชาช์มาขอเงินคืน โดยบอกว่าจะนำไปลงทุนซื้อที่ดิน แต่ยังขอให้ใช้ชื่อผมเป็นหุ้นส่วนเจ้าของเงิน 18 ล้านบาท เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นสินสมรส แล้วเขาก็เงียบหายไปเลย ผมก็คิดว่าจบแล้ว ปรากฏว่าเขาขายที่ให้กับบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทจ่ายค่าที่ดินตามสัญญา ออกเงินเป็นชื่อผม 27 ล้านบาท เขาก็เอาเงิน 27 ล้าน มาให้ผม ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเอาเงินไปเข้าสหกรณ์ธรรมศาสตร์ แล้วก็ทยอยคืนให้ ตั้งแต่ประมาณปลายปี 2555 จนกระทั่ง ป.ป.ช.เรียกสอบเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่รู้เลยว่าเขามีคดีความอะไร ไม่รู้ว่าสามีเขาถูกสอบสวนอะไร เพราะมันไม่เป็นข่าว ถ้าผมรู้ก่อนคงไม่รับฝาก รู้เเต่เขาทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน จนกระทั่ง ป.ป.ช.เรียกสอบ ผมก็ต้องให้การตามความจริง ผมก็คุยกับภรรยาเขาว่า ป.ป.ช.เรียกสอบ ผมจะต้องตอบตามความเป็นจริง ยืนยันว่าผมไม่ใช่นอมินี พล.อ.เสถียร และไม่เคยรู้จักกันเลย" นายสมบัติกล่าว
อาจานครับ ท่านผิดตั้งแต่คิดแล้ว ลาออกไม่ได้ทำให้ท่านพ้นโทษแต่ประการใด
เงินหนึ่งบาท พันบาท ด้วยความเป็นครู ไม่มีปัญหา
แต่นี่ รับฝากเงิน 20 ล้าน แต่อาจานด้วยความฉลาดแก่กล้า ทะยอยเอาเงินเข้าบัญชี
สหกรณ์ เพื่อเลี่ยงพิธีการว่าด้วยการฟอกเงิน โดยเอาเข้าบัญชีทีละ 2-3 ล้าน ท่านนี่
ไม่โง่ ก็เมา
เอาเงินไปขายที่ ได้กำไรมาฝากต่อ บวกกำไร เป็นครูก็รับฝากไม่ถามที่มาที่ไป ทำไม
เธอไม่เข้าบัญชีธนาคารของเธอเอง รับเงินเงียบ ๆ ครูครับ ครูโง่ หรือ ครูเมายาดอง
อาจารย์คนนี้ ไม่นานครับโดนคุก ว่าด้วยเรื่อง กฏหมายการฟอกเงิน......เป็นครู มีอยู่
แค่สองอย่าง คือ โง่ หรือ แกล้งโง่
แต่จะบอกว่า ไม่รู้ คงไม่มีผล
"สมบัติ จันทรวงศ์" เตรียมยื่นขอลาออกอาจารย์มธ.-แจงป.ป.ช. ปมรับฝากเงิน 20 ล้านลูกพล.อ.เสถียร
ศาสตราจารย์ สมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ประกาศลาออกจากตำแหน่งทางวิชาการ หลังมีชื่อเกี่ยวข้องกับการที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งยึดทรัพย์พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในคดีร่ำรวยผิดปกติ
โดยศาสตราจารย์สมบัติ กล่าวถึงเหตุผลในการลาออกจากทุกตำแหน่งทางวิชาการว่า ต้องการแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ ศ.สมบัติ เตรียมไปยื่นหนังสือลาออกต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อีกทั้ง ในวันนี้ (28 ก.พ.) ศาสตราจารย์สมบัติ เตรียมเข้าชี้แจงกับคณะอนุกรรมการ ปปช. พร้อมนำเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกอย่างไปแสดง เพื่อยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้
สำหรับศาสตราจารย์ สมบัติ จันทรวงศ์ ถูก ป.ป.ช.ระบุว่าเข้าข่ายเป็น"นอมินี" เนื่องจากบุตรบุญธรรมของพล.อ.เสถียรคือ "น.ส.ณิชาพัฒน์" ซึ่งศาสตราจารย์สมบัติ เป็นที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ นำเงินไปฝากไว้ในบัญชีของศาสตราจารย์สมบัติถึง 20 ล้านบาท และศาสตราจารย์สมบัติก็ยอมรับว่านางณัฐณิชาช์เป็นคนมาฝากไว้จริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับทางครอบครัว
หลังเกิดข่าวอื้อฉาว นายสมบัติ จันทรวงศ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ไม่รู้จักกับ พล.อ.เสถียร เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกับนางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ และลูกสาวคือ น.ส.ณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์ ที่เรียนอยู่ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ รู้จักกันมา 7-8 ปีแล้ว กระทั่งปี 2554 เป็นช่วงที่บอกว่ามีปัญหาในครอบครัว เป็นปัญหาเรื่องผู้หญิงที่ถึงขั้นมีลูกกัน แต่ไม่ได้ไปซักถามอะไร จนมีอยู่คืนหนึ่งนางณัฐณิชาช์ โทรศัพท์มาหาแล้วบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา จากนั้นหอบเงิน 18 ล้านบาท มาให้ บอกว่ามีปัญหาเรื่องครอบครัว อาจจะต้องหย่าร้างกัน ไม่อยากให้เงินก้อนนี้รั่วไหลไป เลยขอฝากไว้ พอดีช่วงนั้นต้องไปต่างจังหวัด รู้สึกไม่สบายใจที่มีเงินหลายล้านบาทอยู่ที่บ้าน เลยเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากไว้ที่ธนาคารใกล้ๆ ที่ละ 2-3 ล้านบาท หลายๆ ธนาคาร ในชื่อของตนเอง
"หลังจากนั้นไม่นาน นางณัฐณิชาช์มาขอเงินคืน โดยบอกว่าจะนำไปลงทุนซื้อที่ดิน แต่ยังขอให้ใช้ชื่อผมเป็นหุ้นส่วนเจ้าของเงิน 18 ล้านบาท เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นสินสมรส แล้วเขาก็เงียบหายไปเลย ผมก็คิดว่าจบแล้ว ปรากฏว่าเขาขายที่ให้กับบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทจ่ายค่าที่ดินตามสัญญา ออกเงินเป็นชื่อผม 27 ล้านบาท เขาก็เอาเงิน 27 ล้าน มาให้ผม ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเอาเงินไปเข้าสหกรณ์ธรรมศาสตร์ แล้วก็ทยอยคืนให้ ตั้งแต่ประมาณปลายปี 2555 จนกระทั่ง ป.ป.ช.เรียกสอบเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่รู้เลยว่าเขามีคดีความอะไร ไม่รู้ว่าสามีเขาถูกสอบสวนอะไร เพราะมันไม่เป็นข่าว ถ้าผมรู้ก่อนคงไม่รับฝาก รู้เเต่เขาทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน จนกระทั่ง ป.ป.ช.เรียกสอบ ผมก็ต้องให้การตามความจริง ผมก็คุยกับภรรยาเขาว่า ป.ป.ช.เรียกสอบ ผมจะต้องตอบตามความเป็นจริง ยืนยันว่าผมไม่ใช่นอมินี พล.อ.เสถียร และไม่เคยรู้จักกันเลย" นายสมบัติกล่าว