ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับโกโบริฉบับ “บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” ที่ละคร “คู่กรรม” ออนแอร์ก่อนฉบับภาพยนตร์โดย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” รับบทเป็นโกโบริเช่นเดียวกัน ทำให้หลายๆ คนมองว่าเป้นการตัดกระแสและอาจจะทำให้มีการเปรียบเทียบกันเกิดขึ้น เมื่อได้เจอหนุ่ม “บี้” ในงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ดัชมิลล์ ดีไลท์” ณ ลาน Eden ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าว่า “ครับ จริงๆ แล้วความชัดของภาษามันอยู่ที่ช่วงเวลาของการถ่ายทำครับ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะพูดไม่ค่อยชัด แต่พอถ่ายไปนานๆ เข้าก็ค่อยๆ ชัดขึ้น เหมือนเราอยู่ในไทยมานานพอคมควรก็จะพูดชัดขึ้นครับ”
เปลี่ยนการพูดไปมาแบบนี้มีสับสนหรือเปล่า
“มันก็ต้องมีบ้างแหละครับ สับสนบ้าง จะได้มีอะไรให้ดู ก็ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างครับ มันก็มีหลุดบ้างครับ แต่เราก็เต็มที่ในเรื่องของภาษา”
กลัวกระแสเอามาเทียบกับภาพยนตร์ที่ณเดชน์เล่นหรือเปล่า
“ก็ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไรครับ แต่ถ้าหนังออกยังไงผมต้องไปดูอยู่แล้วครับ เพราะผมชอบ ก็เชียร์เขาครับ ผมเชียร์ทุกๆ คน ยังไงเราก็อาชีพเดียวกัน ส่วนของละครกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีครับ ได้ยินในกองถ่ายเพราะว่าผมไม่ค่อยได้ไปไหนเลยครับ ช่วงนี้อยู่แต่ในกอง พี่ๆ เขาก็จะปริ๊นซ์ข้อความต่างๆ ในเน็ตและก็เอาบทความมาเล่าให้ฟังบ้างครับ”
ที่เร่งๆ ละครของเราฉายก่อนเพื่อเป็นการตัดกระแสภาพยนตร์หรือเปล่า
“เรื่องของการบริหารผมไม่ทราบหรอกครับ ผมเล่นอย่างเดียว”
ที่ว่าจะไปเรียนต่อแบบนี้คงต้องเลื่อนใช่ไหม
“อันนี้ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ ชีวิตของผมอยู่กับผู้บริหารอย่างเดียวเลยครับ ไม่ว่าจะเลื่อนให้เร็วหรือให้ช้าก็เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่เขา แต่จริงๆ เขาก็ถ่ายตามปกติเลยครับ เพียงแต่ว่าตอนนี้ละครเขาฉายแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้ๆ กับที่เรากำลังถ่ายอยู่ ก็อาจจะมีเร่งๆ บ้างครับ”
ก็คืออาจจะช้ากว่านี้แน่นอน
“ผมก็ไม่แน่ใจครับ ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องการเรียนครับ จริงๆ ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่เลยครับ แพลนของเขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่คิดไว้ก็จะไปเรียนเพิ่มทุกอย่างเลยครับ การแสดง ร้องเพลง แอคติ้ง ทุกๆ อย่างเลยครับ คุณบอยเป็นคนไปดูให้ครับ ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้กำหนดการเรียนครับ บางทีก็อยู่กับการถ่ายละคร คู่กรรม ด้วยว่ามันจะเสร็จเมื่อไร แล้วเราจะขอพักก่อนที่ไปเรียนหรือเปล่า”
คิดว่าจะเรียนขนาดไหน
“ผมเรียนจบเรียนมหาลัยแล้วครับ ส่วนคอร์สการแสดงผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่าจะเป็นยังไง ก็ต้องลองไปดูก่อนครับ ก็ต้องรอคุณบอยก่อนครับ เพราะว่าคุณบอยเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดในเรื่องต่างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนที่ไหนครับ เขากำลังดูอยู่ว่าจะมีศิลปินคนไหนโดนไปบ้าง แต่ตัวผมเองโดนแล้ว(หัวเราะ) โดนแน่ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไปเรียนเท่าไรด้วยนะครับ รู้แค่ว่าผมต้องโดนไปเรียน แต่คิดๆ ไว้น่าจะเป็นทางยุโรปครับ”
ถือเป็นการไปเรียนเพิ่มเป็นพิเศษ
“จริงๆ ศิลปินที่นี่จะต้องเรียนเพิ่มตลอดครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมืองไทย แต่ครั้งนี้จะมีเวิร์คช็อปต่างๆ ที่ต่างประเทศ ก็เลยกลายเป็นคลาสพิเศษที่เขาส่งไป”
หลายคนมองว่าส่งลูกรักไปเรียน
“ไม่ใช่ลูกรักหรอกครับ ก็มีหลายๆ คนที่ไป มีคนได้ไปมาแล้วด้วย ก็ดีครับ ก้ได้ความรู้ดีแต่ไม่ค่อยจะคุยกับใครรู้เรื่องเท่าไร(หัวเราะ) ภาษาไม่แข็งแรง แต่เราก็ได้ทักษะต่างๆ มาจากทางโน้นเยอะครับ ก็มีหัวหน้ารักยังดีกว่าหัวหน้าเกลียดนะ”
กลัวไปเรียนแล้วกระแสเราตกหรือเปล่า
“พวกกระแสผมไม่ได้ห่วงตรงนั้นเลยครับ ผมสนแต่ทำงานแล้วมีความสุข มีทีมงานที่ดี เพื่อนๆ ดี ครอบครัวแฮปปี้ คนดูชอบแค่นี้ก็พอแล้ว”
แล้วคอนเสิร์ตที่บอกจะจัดหลังฉายคู่กรรมจบหละ
“ยังไม่ได้แพลนเลยครับ คิดว่าน่าจะเม.ย. คือคู่กรรมน่าจะจบประมาณต้นๆ เม.ย. พอถึงตอนนั้นเราก็จะประชุมว่ากระแสเป็นยังไง สามารถทำอะไรต่อไปดี คอนเสิร์ตนี่ผมคิดว่าน่าจะอยู่ช่วงปีห้าเจ็ดครับ น่าจะนะ”
เดอะสตาร์เก้าจะเริ่มแล้ว
“ก็ติดตามผลงานของน้องๆ ครับ จะนั่งดูแล้วก็คอยเชียร์ครับ ที่เป็นดราม่านี่คือชีวิตของเขาจริงๆ เราไมได้สร้างมันขึ้นมา เป็นชีวิตของเขาในเรื่องการเล่าเรื่องต่างๆ จะดูได้เลยว่าเราไม่มีสคริปให้ หลายๆ คนเขาก็เล่าแล้วก็ร้องไห้ คือเราไปถ่ายทำที่บ้านของเขา ชีวิตของหลายๆ คนก็มาจากสิ่งนั้นจริงๆ ครับ”
ยืนยันว่าไม่ได้เซ็ทดราม่าเพิ่ม
“ไม่มีครับ เราไม่มีการเซ็ทฉากบ้านให้เขาไปร้องไห้แน่นอน ที่ถ่ายก็คือบ้านของเขาจริงๆ ครับ”
อัพเดทหัวใจบ้าง
“ปกติดีจ๊ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ธรรมดาๆ ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ สบายๆ จริงๆ ก็ไมได้ห่วงภาพลักษณ์อะไรหรอกครับ ความห่วงของผมมีน้อยมากๆ ผมแค่ทำงานกับร้องเพลงมันก็มีความสุขแล้ว ก็ไม่เหงาด้วยครับเพราะเป็นคนเพื่อนเยอะ ชิลๆ ได้”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=32856
"บี้"ไม่หวั่นถ้ากระแสละครน้อยกว่าหนังปัดเป็นลูกรักที่ค่ายให้เรียนเสริม
ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับโกโบริฉบับ “บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” ที่ละคร “คู่กรรม” ออนแอร์ก่อนฉบับภาพยนตร์โดย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” รับบทเป็นโกโบริเช่นเดียวกัน ทำให้หลายๆ คนมองว่าเป้นการตัดกระแสและอาจจะทำให้มีการเปรียบเทียบกันเกิดขึ้น เมื่อได้เจอหนุ่ม “บี้” ในงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ดัชมิลล์ ดีไลท์” ณ ลาน Eden ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าว่า “ครับ จริงๆ แล้วความชัดของภาษามันอยู่ที่ช่วงเวลาของการถ่ายทำครับ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะพูดไม่ค่อยชัด แต่พอถ่ายไปนานๆ เข้าก็ค่อยๆ ชัดขึ้น เหมือนเราอยู่ในไทยมานานพอคมควรก็จะพูดชัดขึ้นครับ”
เปลี่ยนการพูดไปมาแบบนี้มีสับสนหรือเปล่า
“มันก็ต้องมีบ้างแหละครับ สับสนบ้าง จะได้มีอะไรให้ดู ก็ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างครับ มันก็มีหลุดบ้างครับ แต่เราก็เต็มที่ในเรื่องของภาษา”
กลัวกระแสเอามาเทียบกับภาพยนตร์ที่ณเดชน์เล่นหรือเปล่า
“ก็ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไรครับ แต่ถ้าหนังออกยังไงผมต้องไปดูอยู่แล้วครับ เพราะผมชอบ ก็เชียร์เขาครับ ผมเชียร์ทุกๆ คน ยังไงเราก็อาชีพเดียวกัน ส่วนของละครกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีครับ ได้ยินในกองถ่ายเพราะว่าผมไม่ค่อยได้ไปไหนเลยครับ ช่วงนี้อยู่แต่ในกอง พี่ๆ เขาก็จะปริ๊นซ์ข้อความต่างๆ ในเน็ตและก็เอาบทความมาเล่าให้ฟังบ้างครับ”
ที่เร่งๆ ละครของเราฉายก่อนเพื่อเป็นการตัดกระแสภาพยนตร์หรือเปล่า
“เรื่องของการบริหารผมไม่ทราบหรอกครับ ผมเล่นอย่างเดียว”
ที่ว่าจะไปเรียนต่อแบบนี้คงต้องเลื่อนใช่ไหม
“อันนี้ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ ชีวิตของผมอยู่กับผู้บริหารอย่างเดียวเลยครับ ไม่ว่าจะเลื่อนให้เร็วหรือให้ช้าก็เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่เขา แต่จริงๆ เขาก็ถ่ายตามปกติเลยครับ เพียงแต่ว่าตอนนี้ละครเขาฉายแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้ๆ กับที่เรากำลังถ่ายอยู่ ก็อาจจะมีเร่งๆ บ้างครับ”
ก็คืออาจจะช้ากว่านี้แน่นอน
“ผมก็ไม่แน่ใจครับ ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องการเรียนครับ จริงๆ ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่เลยครับ แพลนของเขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่คิดไว้ก็จะไปเรียนเพิ่มทุกอย่างเลยครับ การแสดง ร้องเพลง แอคติ้ง ทุกๆ อย่างเลยครับ คุณบอยเป็นคนไปดูให้ครับ ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้กำหนดการเรียนครับ บางทีก็อยู่กับการถ่ายละคร คู่กรรม ด้วยว่ามันจะเสร็จเมื่อไร แล้วเราจะขอพักก่อนที่ไปเรียนหรือเปล่า”
คิดว่าจะเรียนขนาดไหน
“ผมเรียนจบเรียนมหาลัยแล้วครับ ส่วนคอร์สการแสดงผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่าจะเป็นยังไง ก็ต้องลองไปดูก่อนครับ ก็ต้องรอคุณบอยก่อนครับ เพราะว่าคุณบอยเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดในเรื่องต่างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนที่ไหนครับ เขากำลังดูอยู่ว่าจะมีศิลปินคนไหนโดนไปบ้าง แต่ตัวผมเองโดนแล้ว(หัวเราะ) โดนแน่ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไปเรียนเท่าไรด้วยนะครับ รู้แค่ว่าผมต้องโดนไปเรียน แต่คิดๆ ไว้น่าจะเป็นทางยุโรปครับ”
ถือเป็นการไปเรียนเพิ่มเป็นพิเศษ
“จริงๆ ศิลปินที่นี่จะต้องเรียนเพิ่มตลอดครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมืองไทย แต่ครั้งนี้จะมีเวิร์คช็อปต่างๆ ที่ต่างประเทศ ก็เลยกลายเป็นคลาสพิเศษที่เขาส่งไป”
หลายคนมองว่าส่งลูกรักไปเรียน
“ไม่ใช่ลูกรักหรอกครับ ก็มีหลายๆ คนที่ไป มีคนได้ไปมาแล้วด้วย ก็ดีครับ ก้ได้ความรู้ดีแต่ไม่ค่อยจะคุยกับใครรู้เรื่องเท่าไร(หัวเราะ) ภาษาไม่แข็งแรง แต่เราก็ได้ทักษะต่างๆ มาจากทางโน้นเยอะครับ ก็มีหัวหน้ารักยังดีกว่าหัวหน้าเกลียดนะ”
กลัวไปเรียนแล้วกระแสเราตกหรือเปล่า
“พวกกระแสผมไม่ได้ห่วงตรงนั้นเลยครับ ผมสนแต่ทำงานแล้วมีความสุข มีทีมงานที่ดี เพื่อนๆ ดี ครอบครัวแฮปปี้ คนดูชอบแค่นี้ก็พอแล้ว”
แล้วคอนเสิร์ตที่บอกจะจัดหลังฉายคู่กรรมจบหละ
“ยังไม่ได้แพลนเลยครับ คิดว่าน่าจะเม.ย. คือคู่กรรมน่าจะจบประมาณต้นๆ เม.ย. พอถึงตอนนั้นเราก็จะประชุมว่ากระแสเป็นยังไง สามารถทำอะไรต่อไปดี คอนเสิร์ตนี่ผมคิดว่าน่าจะอยู่ช่วงปีห้าเจ็ดครับ น่าจะนะ”
เดอะสตาร์เก้าจะเริ่มแล้ว
“ก็ติดตามผลงานของน้องๆ ครับ จะนั่งดูแล้วก็คอยเชียร์ครับ ที่เป็นดราม่านี่คือชีวิตของเขาจริงๆ เราไมได้สร้างมันขึ้นมา เป็นชีวิตของเขาในเรื่องการเล่าเรื่องต่างๆ จะดูได้เลยว่าเราไม่มีสคริปให้ หลายๆ คนเขาก็เล่าแล้วก็ร้องไห้ คือเราไปถ่ายทำที่บ้านของเขา ชีวิตของหลายๆ คนก็มาจากสิ่งนั้นจริงๆ ครับ”
ยืนยันว่าไม่ได้เซ็ทดราม่าเพิ่ม
“ไม่มีครับ เราไม่มีการเซ็ทฉากบ้านให้เขาไปร้องไห้แน่นอน ที่ถ่ายก็คือบ้านของเขาจริงๆ ครับ”
อัพเดทหัวใจบ้าง
“ปกติดีจ๊ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ธรรมดาๆ ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ สบายๆ จริงๆ ก็ไมได้ห่วงภาพลักษณ์อะไรหรอกครับ ความห่วงของผมมีน้อยมากๆ ผมแค่ทำงานกับร้องเพลงมันก็มีความสุขแล้ว ก็ไม่เหงาด้วยครับเพราะเป็นคนเพื่อนเยอะ ชิลๆ ได้”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=32856