ผมเป็นหัวหน้าทีมขาย ทีมหนึ่งในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Product ที่ใช้ในโรงพยาบาล โดยมีหน้าที่ดูแล พนักงานขายในเขตกรุงเทพฯทั้งหมด 5 คน
เมื่อตอนสิ้นปีที่ผ่านมา มีลูกน้องผมในทีม 2 คน ลาออกเนื่องจากได้งานที่ใหม่ที่รายได้ดีกว่า ผมก็ดีใจกับน้องที่น้องได้สิ่งที่ดีกว่า
จากนั้นผมจึงประกาศรับพนักงานใหม่ ซึ่งต้องการพนักงานมาสานต่องานให้ได้เร็วที่สุด เพราะมีงานหลายอย่างในเขตที่ว่าง ที่ผมอาจจะไม่มีเวลาพอจะเข้าไปทำ เพื่อไม่ให้ยอดขายตก และผมก็ได้น้องใหม่ทั้ง 2 คนในระยะเวลาอันรวดเร็วที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนและจบทางด้านวิทยาศาสตร์มา
คนแรกเป็นผู้ชายขอเริ่มงานมีนาคม เนื่องจากต้องเคลียร์งานที่เก่าให้จบ
อีกคนตกงานอยู่ เป็นผู้หญิง รายได้ที่เก่าค่อนข้างดี หน้าตาพอโอเค ฝ่าย HR แนะนำมาให้ลองคุย เพราะมีประสบการณ์ตรงมา 2 ปี
จากการได้ลองสัมภาษณ์ผมสงสัยประเด็นสำคัญคือ ทำไมถึงลาออกจากที่เก่าในขณะที่ยังไม่ได้งานใหม่ ทั้งๆที่รายได้พอโอเค เหตุผลที่น้องให้แม้ฟังดูแปลกๆ(ขอไม่บอก) แต่ผมก็เลือกมองข้าม เพราะผมสนคนที่ทัศนคติมากกกว่า ขอแค่ตั้งใจ มี Skill ที่โอเค และมีความรู้พื้นฐานทาง Science มาบ้าง ทำงานได้ ทุกอย่างสามารถเริ่มกันได้
สรุป ผมก็ให้น้องผู้หญิงเริ่มงานเลยตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทลลองงานก่อน 120 วัน แต่ก่อนหน้านั้นในขณะที่รอผลการสัมภาษณ์น้องมีการโทรถามและติดตามถึงความคืบหน้าตลอดว่าน้องจะได้งานหรือเปล่า แสดงว่าคงอยากได้งานมาก
แต่ พอเริ่มงานได้เพียงวันเดียว น้องก็มีอาการแปลกๆ ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถรับข้อมูลจากการ Training ได้เท่าที่ควร จนสุดท้ายน้องก็สารภาพว่า คุณพ่อป่วยหนักมาก ไม่มีใครดูแล คนข้างบ้านเพิ่งโทรมาบอก น้องเป็นลูกสาวคนเดียว แม่อยู่ต่างจังหวัด ผมเลยใจอ่อนให้กลับก่อน แต่ฝากการบ้านไปให้ทำว่าวันรุ่งขึ้นให้ไปตามงานให้ด้วยที่โรงพยาบาลในเขตแถวฝั่งธน และให้กลับมา Training อีกครั้งในวันที่ 3 ของการเริ่มงาน
วันรุ่งขึ้นผมโทรไปถามความคืบหน้าของงาน แต่ไม่ได้ข้อมูลเท่าที่ควร ผมคาดว่าน้องคงเข้าไปเพียงไม่นานเลยเก็บรายละเอียดงานที่สั่งได้ไม่หมด อีกทั้งต้องโทรไปหลายครั้งมากกว่าจะโทรกลับ อ้างว่าต้องดูแลพ่อ และน้องขอเลื่อนการเริ่มงานไปอีก 2 อาทิตย์เพราะไม่มีใครดูแลพ่อ
พ่อของน้องเป็นโรคเรื้อรังอาจต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นระยะ จุดนี้เองทำให้ผมตัดสินใจแจ้งกับทางบริษัทให้หาคนใหม่ทันที เนื่องจากเกรงว่าถ้าให้ทำงานต่อ ผมอาจจะต้องหนักใจที่หลังและส่งผลกระทบต่อยอดขายทีมโดยรวม
ประเด็นของผมคือ ผมเองก็สงสารน้อง เพราะน้องยังไม่มีงานทำ และเป็นครั้งแรกที่ผมให้คนไม่ผ่านทดลองงานภายใน 3 วัน แต่ถ้าเอ็นดูเขาก็กลัวเอ็นเราขาดเหมือนกัน ถ้าเป็นเพื่อนๆ เพื่อนๆคิดยังไงครับ
ไม่รู้ผมทำผิดหรือเปล่า ที่ให้น้องไม่ผ่านการทดลองงานทั้งที่เริ่มงานได้เพียง 3 วัน
เมื่อตอนสิ้นปีที่ผ่านมา มีลูกน้องผมในทีม 2 คน ลาออกเนื่องจากได้งานที่ใหม่ที่รายได้ดีกว่า ผมก็ดีใจกับน้องที่น้องได้สิ่งที่ดีกว่า
จากนั้นผมจึงประกาศรับพนักงานใหม่ ซึ่งต้องการพนักงานมาสานต่องานให้ได้เร็วที่สุด เพราะมีงานหลายอย่างในเขตที่ว่าง ที่ผมอาจจะไม่มีเวลาพอจะเข้าไปทำ เพื่อไม่ให้ยอดขายตก และผมก็ได้น้องใหม่ทั้ง 2 คนในระยะเวลาอันรวดเร็วที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนและจบทางด้านวิทยาศาสตร์มา
คนแรกเป็นผู้ชายขอเริ่มงานมีนาคม เนื่องจากต้องเคลียร์งานที่เก่าให้จบ
อีกคนตกงานอยู่ เป็นผู้หญิง รายได้ที่เก่าค่อนข้างดี หน้าตาพอโอเค ฝ่าย HR แนะนำมาให้ลองคุย เพราะมีประสบการณ์ตรงมา 2 ปี
จากการได้ลองสัมภาษณ์ผมสงสัยประเด็นสำคัญคือ ทำไมถึงลาออกจากที่เก่าในขณะที่ยังไม่ได้งานใหม่ ทั้งๆที่รายได้พอโอเค เหตุผลที่น้องให้แม้ฟังดูแปลกๆ(ขอไม่บอก) แต่ผมก็เลือกมองข้าม เพราะผมสนคนที่ทัศนคติมากกกว่า ขอแค่ตั้งใจ มี Skill ที่โอเค และมีความรู้พื้นฐานทาง Science มาบ้าง ทำงานได้ ทุกอย่างสามารถเริ่มกันได้
สรุป ผมก็ให้น้องผู้หญิงเริ่มงานเลยตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทลลองงานก่อน 120 วัน แต่ก่อนหน้านั้นในขณะที่รอผลการสัมภาษณ์น้องมีการโทรถามและติดตามถึงความคืบหน้าตลอดว่าน้องจะได้งานหรือเปล่า แสดงว่าคงอยากได้งานมาก
แต่ พอเริ่มงานได้เพียงวันเดียว น้องก็มีอาการแปลกๆ ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถรับข้อมูลจากการ Training ได้เท่าที่ควร จนสุดท้ายน้องก็สารภาพว่า คุณพ่อป่วยหนักมาก ไม่มีใครดูแล คนข้างบ้านเพิ่งโทรมาบอก น้องเป็นลูกสาวคนเดียว แม่อยู่ต่างจังหวัด ผมเลยใจอ่อนให้กลับก่อน แต่ฝากการบ้านไปให้ทำว่าวันรุ่งขึ้นให้ไปตามงานให้ด้วยที่โรงพยาบาลในเขตแถวฝั่งธน และให้กลับมา Training อีกครั้งในวันที่ 3 ของการเริ่มงาน
วันรุ่งขึ้นผมโทรไปถามความคืบหน้าของงาน แต่ไม่ได้ข้อมูลเท่าที่ควร ผมคาดว่าน้องคงเข้าไปเพียงไม่นานเลยเก็บรายละเอียดงานที่สั่งได้ไม่หมด อีกทั้งต้องโทรไปหลายครั้งมากกว่าจะโทรกลับ อ้างว่าต้องดูแลพ่อ และน้องขอเลื่อนการเริ่มงานไปอีก 2 อาทิตย์เพราะไม่มีใครดูแลพ่อ
พ่อของน้องเป็นโรคเรื้อรังอาจต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นระยะ จุดนี้เองทำให้ผมตัดสินใจแจ้งกับทางบริษัทให้หาคนใหม่ทันที เนื่องจากเกรงว่าถ้าให้ทำงานต่อ ผมอาจจะต้องหนักใจที่หลังและส่งผลกระทบต่อยอดขายทีมโดยรวม
ประเด็นของผมคือ ผมเองก็สงสารน้อง เพราะน้องยังไม่มีงานทำ และเป็นครั้งแรกที่ผมให้คนไม่ผ่านทดลองงานภายใน 3 วัน แต่ถ้าเอ็นดูเขาก็กลัวเอ็นเราขาดเหมือนกัน ถ้าเป็นเพื่อนๆ เพื่อนๆคิดยังไงครับ