อยากให้อ่านครับ เรื่องกองทุน BTP จาก facebook ของ CEO กองทุนบัวหลวง

กระทู้สนทนา
ค่ายบัวหลวงบริหารกองทุนบัวหลวงทศพลอย่างไร
------------------------------------------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

22 กุมภาพันธ์ 2556

(หมายเหตุ ทุกกองทุนที่มีหุ้น ของเรา เราก็บริหารแบบนี้ หากอ่านแล้วไม่ตรงใจก็ถอนออกจากกองทุนได้ค่ะ ไม่ว่ากันเลย ห่วงแต่คนกระโดดเข้าลงทุนโดยไม่ได้ดูอะไรนอกไปจากผลตอบแทนสูงๆ)

-----------------------------------------------------------
1. จุดเริ่มต้นของการจัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงทศพล
------------------------------------------------------------

เราเป็นค่าย Active management ที่มีกองทุนหุ้นซึ่งกระจายลงทุนไปในหุ้นหลายสิบตัวโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็น Sector ไหนอย่าง บัวแก้ว ฯลฯ และเรามี Sector Fund อย่างบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน กับบัวหลวงธนคมแล้ว เราก็อยากมีกองทุนที่ไม่กระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆ ตัวบ้าง โดยลงทุนหุ้นเพียง 10 ตัว ไม่จำกัด Sector ซึ่งเป็นหุ้นที่วิเคราะห์แล้วว่าจะเป็นเรือธงให้กองทุนอื่นๆ ของเราได้

ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าซื้อหุ้นอะไรแล้วมันจะขึ้นทุกตัว และการลงทุนหุ้นน้อยตัวไม่กระจายมากๆ อย่างกองอื่นๆ ก็ไม่ใช่จะเพิ่มความเสี่ยงเสมอไปถ้าเลือกถูกตัว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในอดีตก็มีหุ้นไม่กี่ตัวที่น่าลงทุน บัวหลวงทศพล จึงน่าจะตอบโจทย์ 3 ด้านได้ คือ

1. วัดฝีมือผู้จัดการกองทุน ว่าการเลือกลงทุนแค่ 10 ตัว จะเข้าเป้าไหม กองทุนที่ลงทุนหุ้น 50 ตัวนั้นสมมติว่าให้น้ำหนักเท่าๆ กัน ก็ลงได้ตัวละ 2% ส่วนกองทุนที่ลงทุนหุ้นแค่ 10 ตัว ก็ได้ตัวละ 10% ดังนั้นหากเข้าเป้า เวลาได้ก็ได้มากเพราะลงไว้เยอะ และถ้าเสียก็เสียมาก แต่เมื่อเราวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เข้าใจในสิ่งที่ลงทุน และทำตามปรัชญาการลงทุนของเราคือ “คัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดมาลงทุน” ผลออกมาก็เข้าเป้า

2. ด้าน Process ในห้องเครื่อง (กลุ่มจัดการกองทุน-ด้านวิเคราะห์คัดเลือกหุ้น) สามารถใช้ Port ต้นแบบของทศพลไปเป็น Core Portfolio ในกองอื่นๆ ได้ เพราะหากหุ้นที่เราคัดสรรอย่างดีแล้ว 10 ตัวไปปรากฏอยู่ใน Port ทศพล แต่ไม่ปรากฏใน Port กองทุนอื่นๆ ของเราที่สามารถลงทุนได้ มันก็แปลกประหลาดแล้ว

3. ในเชิงการตลาด ทศพล อาจตอบโจทย์ผู้ที่เบื่อการกระจายการลงทุนมากๆ และทำให้มีจุดขายที่แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ

บัวหลวงทศพล จึงเกิดขึ้นมาเมื่อ 7 ตค 2537 นี่ก็กำลังย่างเข้าปีที่ 19 ของกองทุน โดยใน 18 ปีที่ผ่านมานี้ ทศพลชนะดัชนีตลาดหุ้นได้ 16 ปี แพ้ไป 3 ปี ซึ่งหากนับตั้งแต่วันเกิดกองทุนรวม 18 ปีกว่า ถึง มค 2556 นี้ ดัชนีตลาดหุ้นยังติดลบ -1.36% แต่ทศพลให้ผลตอบแทน +253.40% และสิบปีย้อนหลังถึง มค 2556 ทศพลให้ผลตอบแทน +937.48% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้น +294.97%

----------------------------------------------------------------------------
2. นโยบายการลงทุน สัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภท พิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง เลือกหุ้นด้วยวิธีการไหน turn over สูง-ต่ำอย่างไร
----------------------------------------------------------------------------

- ลงทุนในหุ้น 10 ตัว โดยเน้นการลงทุนในระยะกลาง-ยาว ซึ่งคาดหวังว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงในลำดับต้นๆ ซึ่งเป็นหุ้นที่เราวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ

- ในภาพรวม เราพิจารณา

1. Asset allocation หรือการกำหนดว่าทั้งกองทุนนี้ เราจะลงทุนหุ้นรวมๆ แล้วกี่ % ซึ่งเราดูภาพ Macro คือสภาพเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศว่าเอื้อต่อการลงทุนในหุ้นมากน้อยเพียงใด โดยต้องเผื่อสภาพคล่องไว้สำหรับลูกค้าถอนหน่วยลงทุนซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องรู้จักพฤติกรรมลูกค้ารายใหญ่ใน Port ด้วย (เพราะแม้โครงการจะเขียนว่าคืนเงินให้ลูกค้าไม่เกินวันที่ T+4 แต่เรามักคืนเงินให้ลูกค้า T+1) ซึ่งในวันนี้เรายังลงทุนหุ้นด้วยน้ำหนักที่มากแม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวมาสูง เพราะเรายังมีมุมมองที่ดีเนื่องจากยังมีปัจจัยพื้นฐานรองรับดังนั้น ตราบที่แนวโน้มหลักตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อๆ ขายๆ มากเพราะจะทำให้เสียค่า commission และเป็นการขายแพงเพื่อไปซื้อที่แพงกว่า

2. Security selection เราดูทั้ง Top down + Bottom up

Top down คือการหา Investment theme โดยมีมุมมองที่ยาวไกลมากกว่าจะเห็นอะไรที่ชัดในระยะสั้น แล้วจึงเฟ้นหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Theme ดังกล่าว

Bottom up คือการคัดเลือกหุ้น เราดูที่ ...

> ด้านคุณภาพ – ดูโมเดลธุรกิจ ดูเชิงความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว / Brand / ทีมผู้บริหาร

> ด้านปริมาณ – หา Value stock สำหรับการลงทุนระยะยาวมากๆ + Under-owned (มีคนถือครองน้อย) + Under-covered (คนอื่นยังไม่ค้นพบ) เพราะสุดท้ายหุ้นอย่างนี้จะเป็นที่สนใจในวันหนึ่งข้างหน้า และตลาดจะรับรู้คุณค่าที่แท้ จริงในที่สุด นอกจากนี้ ก็ต้องมีความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์ มีความแข็งแรงของงบดุลที่เป็นทั้งตัวเกื้อหนุน (cushion / margin of safety) และตัวเพิ่มโอกาสในขยายกำไรให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเราจะประเมิน Valuation หา Fair value ของหุ้นนั้นๆ โดยเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย

จะเห็นได้ว่าในการ Formulate portfolio จะมาจากการมีกระบวนการคิดวิเคราะห์และคัดสรร (Thinking and selection process) กับมี Teamwork ที่ดีในการช่วยกันหา Idea ใหม่ และ Share idea กัน รวมถึงทบทวนข้อผิดพลาด นอกจากนั้น พวกเรายังมี Element of LUCK (Labour Under Correct Knowledge) ทำงานภายใต้ความรู้ที่ถูกต้อง อีกด้วย

------------------------
3. ผลงานเป็นอย่างไร
------------------------

- ผลตอบแทนสะสมของกองทุนหุ้นค่ายเราในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาดีกว่า SET Index โดย ทศพล ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนที่อดทนรอคอยได้ยาวนานถึง 898.41% สูงเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม ขณะที่ SET Index ให้ Return 290% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาถึงสิ้นปี 2555 โดยการลงทุนของ BBLAM จะเป็นแบบทยอยสะสมแต้มไปเรื่อยๆ

- ทศพล ลงทุนหุ้นเพียง 10 ตัว ทำให้แต่ละตัวเวลาลงทุนมีน้ำหนักกว่า market weight มาก ทำให้ได้ return เนื้อๆ เมื่อตลาดยอมจ่ายให้กับมูลค่าที่แท้จริงของมัน ซึ่งบางคนอาจคิดว่าลงทุนแค่ 10 ตัวมันน้อยไป และมีความเสี่ยงในการกระจุกตัวเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่อาจลงทุนถึง 30-50 ตัว แต่การที่เราเข้าใจ Business Model + Valuation ที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว เพราะนั่นก็ลดความเสี่ยงไปในตัว ที่สำคัญคือเรามีความอดทนในหุ้นที่ลงทุน แม้ว่าจะ outside herd หรือถูกมองว่า “แตกฝูง” ไปบ้าง

- เราเน้นการลงทุนระยะกลาง-ยาว ซึ่งเราเชื่อว่าสุดท้ายตลาดจะรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น และในที่สุดผลตอบแทนที่ดีจะเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่อดทนรอคอยได้อย่างไม่หวั่นไหว

-----------------------------------------------------------------------------
4. ในเวลานี้ใครๆ ก็พูดถึงบัวหลวงทศพล สะท้อนความคิดของนักลงทุนไทยอย่างไร
----------------------------------------------------------------------------

- นักลงทุนเชื่อว่า “กองทุนที่เคยให้ผลตอบแทนดีในอดีต ในอนาคตน่าจะทำได้อีก” ซึ่งเราอยากให้นักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้นว่า Performance ที่ดีของเรามาจากกระบวนการเลือกหุ้นที่ดีและสามารถนำไปใช้ได้จริงโดยมีการปรับกลยุทธ์แนวทางการลงทุนให้เข้ากับสภาวะตลาดในขณะนั้น

----------------------------------------------------------------------------
5. ในช่วงนี้นักลงทุนมักมีคำถามเสมอว่า “ทำไม Performance ของทศพลจึงไม่ขยับเลยเมื่อเปรียบเทียบกับ SET Index”
---------------------------------------------------------------------------

คนที่ถามคงนั่งดูเป็นรายวัน ซึ่งไม่ถูกต้องเลย หน้าที่ของผู้ลงทุนคือดูแลสัดส่วนลงทุนของเงินคุณทั้งหมดโดยรวม ว่าจะแบ่งไปลลทุนอะไรในสัดส่วนเท่าไหร่ คอยกำกับตนเองให้ปรับสมดุลย์สัดส่วนนี้ คัดสรรผู้จัดการกองทุนที่คุณเข้าใจวิธีการลงทุนของเขาและเชื่อมั่นแนวทางนั้น และคุณก็ไปทำงานของคุณ ส่วนการดูแลกองทุนเป็นหน้าที่ของเราค่ะ อย่าจี้ถามรายวันเรื่อง NAV ขึ้นลง

ที่ว่าอย่างนี้เพราะห่วงว่าผู้ลงทุนอาจยังไม่เข้าใจหรือไม่สนใจเลยว่า Style การลงทุนของเราเป้นอย่างไร เป็นผลตอบยแทนดีมากๆ ก็วิ่งเข้าใส่

ที่สำคัญคือเราไม่ได้เน้นว่าจะต้องชนะ SET แต่เราคาดหวังผลตอบแทนการหุ้นที่เราเลือกลงทุนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีมาเราก็ยังชนะดัชนีอยู่ดี และอยากบอกนักลงทุนว่า ไม่จำเป็นต้องไปไล่ล่าหาที่หนึ่งในแต่ละปี ให้หาค่ายที่บริหารได้เหมาะกับความชอบ ความเชื่อของเราแต่ละคนจะดีกว่า

ดังนั้น อย่าถามว่าปีนี้เราจะเป็นที่ 1 อีกหรือไม่

เพราะที่นี่ ที่กองทุนบัวหลวง เราบริหารเงินของคุณอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และมองการณ์ไกล (“We grow your money prudently”)

ซึ่งหากไม่ได้ทำอย่างนั้น ผลตอบแทนสะสมระยะยาวของกองทุนต่างๆ ของเราคงไม่ดีอย่างนี้หรอกค่ะ

(ไม่ได้โม้นะ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่