Priced in .. โดยคุณธันวา เลาหศิริวงศ์

Priced in

21 ก.พ. 2556 เวลา 14:20:10 น.
โดย ธันวา เลาหศิริวงศ์
คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
www.facebook.com/18thanwa
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

               

"Priced in" ในทางการลงทุนหมายถึง การที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจากความคาดหวังเชิงบวก เมื่อมีข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เชื่อได้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะส่ง ผลดีต่อบริษัทในอนาคต เมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นในข้อมูลที่ได้รับ และเห็นพ้องว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างแน่นอน จึงยอมเข้าลงทุนด้วยความคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

การ ที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นถึงเกือบ 10% ในเวลาเพียง 6 สัปดาห์แรกของปีนั้น มีหุ้นจำนวนหนึ่งที่ระดับราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่าสภาวะตลาดโดยรวมอย่างมาก เนื่องจากได้สะท้อนเรื่องราว ข่าวดี หรือ Priced in เข้าไปแล้วนั่นเอง หุ้นที่อยู่ในข่าย ได้แก่

หนึ่ง หุ้นข่าวลือหรือข่าวที่ไม่ได้มาจากบริษัทโดยตรง ข่าวที่มักมีผลกระทบเชิงบวกกับราคาหุ้น ได้แก่ ข่าวลือการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ ข่าวลือการควบรวมกิจการ ข่าวลือผลประกอบการหุ้นรายตัวพร้อมราคาเป้าหมายที่มีส่วนต่างกำไรอีกมาก นักลงทุนที่ซื้อหุ้นเหล่านี้ต้องพร้อมรับความเสี่ยง และความผันผวนของราคาในกรณีที่ข่าวลือนั้นไม่เกิดขึ้นจริง หรือแตกต่างจากข้อมูลที่ได้รับ เช่น บทสรุปของการควบรวมและผลของธุรกรรมไม่เป็นไปตามคาด และไม่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนรายย่อย ราคาเป้าหมายไม่มีเหตุผลอันควรมา รองรับ นอกจากนี้ นักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะราคาที่ Priced in แล้วอาจจะปรับตัวลดลงมาได้เมื่อข่าวจริงปรากฏขึ้น หรือที่เรียกว่า การ Sell on facts นั่นเอง

สอง หุ้นที่บริษัทหรือผู้บริหารระดับนำเสนอข่าว เช่น เป้าหมายการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมากของบริษัท โครงการขยายงานใหม่ ขยายกำลังการผลิต ขยายสาขา ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศหรือรองรับเออีซี (AEC) หน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ต้องพิจารณาและประเมินความเป็นไปได้และปัจจัยเสี่ยง เพราะโดยธรรมชาติผู้บริหารมักจะมีทัศนคติเชิงบวกต่อทุกโครงการที่นำเสนอ และต้องคำนึงว่าบริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่โครงการนั้นจะสร้าง ผลกำไรต่อการลงทุนในโครงการนั้น และหากบริษัทไม่สามารถดำเนินงานตามแผนงานที่ตั้งไว้ ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลงจากราคาที่ได้ถูก Priced in ไปล่วงหน้าแล้ว

สาม หุ้นที่ Priced in และซื้อขาย ณ ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายจากบทวิเคราะห์ของเซียนหุ้น จากการสัมมนาหรือรายการทีวีหุ้น การประเมินมูลค่าหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นการประเมินบนสมมติฐานผลประกอบการล่วง หน้า เช่น Forward P/E หมายถึงการประเมินค่าพี/อีจากสมมติฐานของผลกำไรของทั้งปี นักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นที่ Priced in แล้วจำเป็นต้องอดทนและรอเวลาเพื่อให้กิจการเกิดผลกำไรจริง อย่างไรก็ตาม หากเป็นการประเมินมูลค่าจากสมมติฐานที่ดีเกินไป หรือผลประกอบการแย่กว่าที่คาด ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงจากราคาที่ Priced in ไปแล้วได้เช่นกัน

สี่ หุ้นที่อยู่ในข่ายที่ซื้อขายผิดปกติทั้งด้านปริมาณและราคา วิธีสังเกตหุ้นกลุ่มนี้อย่างง่ายก็คือ จำนวนหุ้นซื้อขายมักจะมากกว่าปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนอย่างมาก นั่นคือมีการเก็งกำไรจากการซื้อขายหมุนเวียนหลายรอบต่อวัน ส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างผิดปกติ หุ้นเหล่านี้มักเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนที่ชอบความหวือหวา กล้าได้กล้าเสีย อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่รับผิดชอบอาจจะออกมาตรการเพื่อเตือนหรือสกัดกั้นการเก็งกำไรส่ง ผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงได้ นักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นที่ Priced in เช่นนี้ต้องพร้อมรับความเสี่ยงและความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้น

ในภาวะตลาดกระทิงที่ดึงดูดนักลงทุนทั้งมือเก่ามือใหม่เข้ามาลงทุนอย่างต่อ เนื่องนั้น หุ้นที่มีส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of safety) นั้นหายากมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากนักลงทุนยินดีที่ปรับราคา (Rerated) ให้อยู่ ณ ระดับความถูกแพงที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กจำนวนหนึ่งถูก Priced in ในระดับที่สูงอย่างมาก

คำถามก็คือ หากมีเงินสดพร้อมเข้าลงทุน และยังเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คำตอบก็คือ หากยังมีกิจการที่ยอดเยี่ยม ยังมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีในระยะยาว เสนอขายในราคาสมเหตุสมผลโดยไม่ถูก Priced in มากนัก ก็อาจพิจารณาเข้าลงทุน เช่นเดียวกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ร่วมเข้าซื้อกิจการของบริษัทไฮนซ์ ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์อาหารชื่อดังด้วยมูลค่าสูงถึง 28 พันล้านเหรียญ (เกือบ 9 แสนล้านบาท) ด้วยราคาที่คิดว่าเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว

หากคิดตลาดหุ้นจะปรับ ลดลงในอนาคตอันใกล้ ก็เลือกถือเงินสดเพื่อลงทุนเมื่อราคาของกิจการที่ศึกษามาอย่างดีปรับตัวลด ต่ำลง ทั้งนี้ เพราะเมื่อหุ้นปรับตัวสูงขึ้นก็ปรับตัวลงได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังพร้อมที่จะเพิ่มราคา "Priced in" มากกว่าการพิจารณาเรื่อง "คุณค่า" มากขึ้นทุกวัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่