อยากทราบประสบการณ์ของผู้ที่เคยเกณฑ์ทหารครับ

กระทู้คำถาม
ผมอยากจะทราบประสบการณ์ของผู้ที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาครับ หลานชายผมกำลังจะเข้ารับการเกณฑ์ปีนี้ ผมพยายามบอกเค้าว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ผมก็ไม่รู้จะยกอะไรเป็นตัวอย่าง เพราะตัวผมเองก็เรียน รด. มา เลยไม่ต้องเกณฑ์ และผมก็ไม่สนับสนุนให้ยัดเงินครับ ผมไม่อยากให้เค้าเสียนิสัย ผมรบกวนขอทราบประสบการณ์ของผู้ที่ผ่านการเกณฑ์มาหน่อยได้ไหมครับ

อยากทราบว่า
1. ทหารเกณฑ์ต้องฝึกหนักมากหรือไม่ และต้องฝึกเป็นเวลานานเท่าไหร่
2. จริงหรือไม่ที่ทหารเกณฑ์ต้องทำงานบ้านให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่
3. เคยมีทหารเกณฑ์หนีออกมาระหว่างระยะเวลาที่ยังไม่ครบกำหนดหรือไม่ โทษของการหนีหนักขนาดไหน

ผมรบกวนขอข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการณ์ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณมากครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
จากประสบการณ์ตรง .... ของตัวผมเอง

       ผมเป็นทหารเกณฑ์สังกัด กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 กองร้อยที่ 1 ผลัด 1/41 โดยส่วนตัวสมัครเข้าไปเพราะตอนนั้้นดรอปเรียนอยู่
ช่วงแรกก่อนที่จะไปเข้ากรมขึ้นกอง ตอนนั้นยอมรับว่าจิตตกมาก ขนาดว่าผมตั้งใจสมัครเข้าไปนะ คือรู้อยู่แล้วว่าต้องฝึกหนักเพราะได้ยินรุ่นพี่แถวบ้านเล่าให้ฟังเยอะแยะต่าง ๆ นา ๆ โหดอย่างนั้น น่ากลัวอย่างนี้ จนถึงวันที่มีรถ GmC รับตัวจากเขตไปเข้ากรมนั่นแหละ .... เศร้าเลยครับ ไม่รู้ว่าความ
กล้าบ้าบิ่นมันหายไปไหนหมด

       พอมาถึงกรม ดูสภาพทั่ว ๆ ไป ดูที่อยู่ ที่นอน ที่กิน .... เอ๊ะ .... มันไม่เห็นจะน่ากลัวเลย ก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี สะอาดสอ้านดี พิ้นนี่มันแผล่บ
เลยแหละครับ วันแรก .... เค้าก็ให้เพื่อนใหม่ทุกคนเข้ารับการตัดผม รับเสื้อผ้า รับเครื่องใช้ส่วนตัว ของบางอย่างคุณเตรียมไปจากบ้านได้ เช่น ขัน
กางเกงใน สบู่ รองเท้าแตะ โรลออน หรือ สำอางค์หน่อยก็พวกครีมทาหน้าทั้งหลายแหล่ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จะถูกเก็บเอาไว้ในล็อกเกอร์ข้าง
เตียงของใครของมัน หรือถ้าตู้ใหญ่หน่อย ก็ใส่ของร่วมกับบัดดี้ คนที่นอนเตียงเดียวกันกับเรา(เป็นเตียงสองชั้น) แต่ของพวกนี้พอถึงเวลาฝึกจริง
แทบไม่จำเป็นเลยครับ .....

        คืนแรก ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากทำความรู้จักกันก่อน เฉพาะในกองร้อยของตัวเอง  ทุกคนจะมีหมายเลขกำกับตามลำดับความสูง เค้าจะ
นั่งเรียงกันตามลำดับความสูงนะครับ ครูฝึก ครูผู้สอน ก็จะเข้ามาแนะนำตัว อธิบายคร่าว ๆ ว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปเราจะต้องทำอะไรกันบ้างในช่วง
การฝึก .... เท่าที่ผมฟังดูแล้ว ก็น่าจะสนุกดีนะ ตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ไม่ได้กลัวว่ามันจะหนัก จะเหนื่อยอะไร ครูฝึกเค้าเล่า
แบบขำ ๆ ตลอดเพื่อให้พวกเรารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด .... และสิ่งสำคัญที่สุดในคืนแรกคือ เค้าจะบอกว่า "ทหารใหม่ห้ามโกหกเด็ดขาด" แล้วก็
ถามพวกเราทั้ง 50 คนว่า มีใครติดยาเสพติดบ้าง ??? ถ้าถึงคำถามนี้ ขอให้คุณจงยอมรับความจริง เพราะเค้าจะได้เอาคุณไปรักษาอย่างถูกวิธี เค้า
ไม่ได้ถามเพื่อแกล้งอะไรคุณทั้งน้ัน ฉะนั้นผมแนะนำให้คุณตอบความจริงเลยครับ ถ้าเราใช้ยาจริงเค้าจะได้ส่งเราไปอยู่โรงพยาบาล เค้าไม่มานั่งเฝ้า
ขังเราเอาไว้หรอกครับ เพราะถ้ายังมีอาการลงแดง มันฝึกอะไรไม่ได้อยู่แล้ว .... แต่โชคดีที่กองร้อยของผมไม่มีคนยอมรับเลยซักคนเดียว !!!!! หลัง
จากแนะนำชื่อ-สกุล ชื่อเล่น สันทนาการกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกเรารู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น เริ่มรู้ชะตาแล้วว่าเราต้องนอนกับใคร ใครจะคอย
ดูแลเราตอนเราไปเข้าห้องน้ำกลางดึก ใครจะเป็นบัดดี้ที่ต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ...... ระหว่างผมกับบัดดี้ของผม เราสนิกกันเร็วมาก ๆ ครับ
ผมนอนเตียงบน บัดดี้นอนเตียงล่าง ครูฝึกบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไปจะเริ่มต้นการฝึกทหารใหม่ ขอให้ทหารใหม่ทุกท่านพักผ่อนให้เต็มที่ นอน
หลับให้เต็มอิ่ม และกล่าวราตรีสวัสดิ์

        เช้าวันรุ่งขึ้น เราถูกปลุกด้วยเสียงนกหวีด ดังมากกกกกกก ตื่นมาด้วยความงัวเงีย เพราะความไม่ชินที่กว่าจะนอนหลับก็ปาเข้าไปตีสองเค้าปลุก
ตอนที่ห้าตรง ปลุกเสร็จ ให้เวลาล้างหน้าแปรงฟังแค่ 5 นาที ทุกคนต้องวิ่งแต่งตัวลงจากเตียงวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ ห้ามช้าห้ามเดินทอดน่องเด็ดขาด
ทุกอย่างต้องทำด้วยความรวดเร็ว ใครช้าสุดจะโดนทำโทษ .... ถึงตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่านี่มันของจริงแล้วนะ นี่เราเป็นทหารจริง ๆ ต้องโดนฝึกจริงๆ
แล้ว พอทุกคนมาเข้าแถวเสร็จ กิจกรรมแรกในตอนเช้าก็คือการออกกำลังกายครับ ยืดเส้นยืดสาย เพื่อที่จะต้องเตรียมตัววิ่ง ..... เช้าวันแรกสำหรับผม
คนที่ไม่เคยวิ่งออกกำลังกายมาก่อนเลยตั้งแต่จบชั้นประถม เช้าแรกวิ่งแค่ 3 กิโล โดยเค้าให้เดินก่อน 1 กิโล แล้วค่อยวิ่งเหยาะต่ออีก 2 กิโล เพียงแค่
นั้นก็ทำให้คนอ่อนแออย่างผมลมจับแทบตาย ..... ทรมานจริง ๆ นี่แค่วิ่งตอนเช้าอย่างเดียวนะเนี่ย พอวิ่งเสร็จ ก็มาวอร์มดาวน์กันต่อ ด้วยท่าออกกำลัง
กายแบบทหาร อีก 10 ท่า เสร็จสรรพก็ปาไปเกือบเจ็ดโมง ถึงจะได้ทานข้าวเช้า .... เช้าวันนั้นผมกินข้าวหมดจานเพราะมันเหนื่อยและหิวมาก

         หลังจากทานข้าวเสร็จ ... ก็จะไปร่วมพลเพิ่อรับฟังคำสั่งประจำวันว่าในแต่ละวันเราจะต้องทำอะไร ทหารใหม่จะต้องฝึกอะไรบ้าง ในแต่ละวัน
ซึ่ง จะมีผู้ฝึกกองพันที่เป็นนายทหารยศร้อยเอก เป็นครูผู้ฝึกสอน เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นครูใหญ่ของทหารใหม่ทุกกองร้อย ทุกนาย กองพันผมมี 7 กองร้อย
กองร้อยละประมาณ 50 - 80 คน แล้วแต่ว่ากองร้อยนั้น ๆ รับงานประเภทไหน แต่ตอนฝึกทหารใหม่จะฝึกรวมกันหมดไม่ว่าจะเป็นกองร้อยไหน
เราจะต้องรวมพลแบบนี้ทุกวันในตอนเช้าและตอน 4 โมงเย็น หลังจากฝึกเสร็จ เราจะได้รับฟังสรุปว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง .... แต่ยังนะครับ ยังไม่จบ
เราต้องออกกำลังรอบเย็นตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึง 6 โมงเย็น โดยการวิ่งเต็ม ๆ สองชั่วโมง และออกกำลังกายอีกนิดหน่อย ตอนแรก ๆ ผมยังไม่เข้าใจว่า
ทำไมต้องออกกำลังกายท่าเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งมาทราบในภายหลังว่านั่นคือท่าบังคับในการสอบของทหารใหม่แต่ละบุคคล มี ท่าวิดพิ้น 45 ครั้ง ซิทอัพ
50 ครั้ง ดึงข้อ/โหนบาร์ 30 ครั้ง และวิ่งอีก 8 กิโล ถึงจะผ่านมาตรฐานนะครับ

          ตลอดเวลานับจากวันแรกที่เริ่มฝึกจนถึงวันสุดท้ายสมัยผมกินเวลาทั้งหมด 3 เดือน .... แต่สมัยนี้ได้ยินว่าแค่สองเดือนเท่านั้น แถมยังไม่ต้อง
ออกแดด ให้ฝึกแต่ในร่มด้วยซ้ำ และสิ่งที่คุณได้ยินมาทั้งหลายแหล่ะว่าโหดอย่างนั้น เหี้ยมอย่างนี้ ผมขอบอกไว้เลยครับ.....ว่าเป็น "เรื่องจริง" ผม
เป็นทหารราบ ฝึกหนักจริง ๆ ครับ จากวันแรกที่เดิน 1 กิโล วิ่งเหยาะ ๆ 2 กิโลในตอนเช้า เดือนสุดท้ายผมวิ่ง 8 กิโลในตอนเช้า และวิ่งสปีดอีก 8 กิโล
ในตอนเย็น ส่วนเรื่องระเบียบ ซัายหันขวาหัน การทำความเคารพ การเรียนประวัติทหารนั้น เค้าจะมีชั่วโมงเรียนในห้องเรียนด้วยครับ การเรียนที่หนัก
หนาอีกอย่างหนึ่งที่ทหารราบจำเป็นต้องเรียนก็คือ การเรียนยุทธวิธีการรบ การโผ การต่อสู้ด้วยมือเปล่า การใช้อาวุธปืน การเดินทางไกล การยังชีพในป่า ทุกอย่างจะอยู่ใน 3 เดือนนี้ครับ จากคนผอมแห้งแรงน้อยผิวขาวซีด ผมกลับกลายเป็นหนุ่มเนื้อแน่น ผิวดำแดด บึกบึน รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงมาก ๆ
ชนิดที่ว่ามั่นใจในตัวเองสุด ๆ รู้สึกแข็งแรงจริง ๆ ครับ เดินหลังตรงกล้ามเป็นมัด ๆ เวลาใส่ชุดทหารมันเท่ซะไม่มี สาวมองเหลียวหลังเลยครับ (ถ้าคุณ
หน้าตาดีด้วยนะ) เรื่องโดนซ่อมนี่โดนกันถ้วนหน้าทุกคนครับ เช่น ลุกนั่ง 500 ปั่นจิ้งหรีด 1000 ครั้ง วิทพื้น 200 ไอ้เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ
แต่ถ้าพวกคุณสามัคคีกัน คุณก็จะแทบไม่โดนซ่อมอะไรเลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการอยู่ในกองร้อยคือ "ความสามัคคี" ครับ ในห้าสิบคนถ้าใครผิด
คนใดคนหนึ่ง คนอื่น ๆ ก็จะต้องถูกทำโทษด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนจึงต้องตั้งใจทำเพื่อไม่ไห้เพื่อน ๆ ต้องมาเหนื่อยเพราะเรายังไงหละครับ จึงทำให้
พวกผมทั้งกองร้อยจากตอนแรกร้อยพ่อพันแม่ มาถึงตอนหลังรักกันมาก ๆ

            การฝึกทุกอย่างเค้าจะใช้หลักสูตรที่เริ่มจากเบาไปหาหนักนะครับ และแน่นอน ถ้าคุณฝึกตามที่ครูฝึกแนะนำ มันก็จะทำได้อย่างแน่นอนครับ
เพราะหลักสูตรนี้ผ่านการรับรองมาแล้ว ไม่ม่ใครตายเพราะออกกำลังกายเยอะแน่นอนครับ "เหนื่อยหาย แต่ถ้าตาย ไม่มีวันฟื้น" เป็นคติของทหารนะครับ
การฝึกเพื่อให้เกิดความอดทนอย่างถึงที่สุดจึงเป็นความจำเป็นอย่างมากสำหรับทหารทุกท่าน ตอนแรกตัวผมเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ เพราะ
ที่ผ่านมาใช้ชีวิตลอยไปลอยมาตลอด ไม่เคยอยู่ในกฏในระเบียบใด ๆ แต่พอต้องมาอยู่กับคนหมู่มาก ก็ต้องเริ่มปรับตัวให้ได้ และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ
ในสามเดือนที่ได้รับการฝึกฝนทางร่างกายมาเป็นอย่างดี ซิกแพ็คอย่างสวย ได้มาเองโดยไม่ได้ร้องขอครับ  จำไว้เลยนะครับ เหนื่อยแน่นอน แต่เหนื่อย
แบบมีจุดหมายครับ เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองโดยตรง ..... ถึงวันที่ฝึกจบ ครูฝึกที่เคยดุ เคยด่า เคยเคี่ยวเราสารพัด ... ทุกคนมอบดอกไม้ให้เรา
พร้อมน้ำตาลูกผู้ชายที่มาจากความหวังดีจริง ๆ จากที่ผมเคยเกลียดครูฝึกคนนึง กลายเป็นรักเค้ามากที่สุดไปเลย เพราะเค้ามาบอกเอาตอนหลังจากที่
ฝึกเสร็จแล้วว่าทั้งหมดที่เค้าทำมันเป็นโปรแกรมที่เค้าวางแผนกันไว้ล่วงหน้าวันต่อวันเลยครับ ซึ้งมากจริง ๆ การเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
จริง ๆ นะครับ

          ท้ายสุด .... อย่าไปกลัวครับ ลูกผู้ชายถ้าไม่ได้เป็นทหารชาตินี้จะไปเป็นชาติไหนครับ ปืนเอ็ม16 ถ้าไม่เป็นทหารจะมีโอกาสได้ยิงมั๊ยครับ???
ระเบิดเอ็ม26 ถ้าไม่เป็นทหาร อย่าหวังว่าจะได้จับได้แตะ ทั้งหมดมันจะเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของคุณไปจนวันตายเลยครับ .... โห ..... นี่ผมพล่าม
ยาวข้อ 1. มาเพียบเลย มาตอบข้อต่อไปกันดีกว่า

ข้อ 2.     ทหารเกณฑ์ที่ผ่านการฝึกเสร็จแล้วจะต้องจำหน่ายจ่ายแจกไปทำงานตามแต่ผู้บังคับบัญชาสั่งครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณเลือกได้ครับ...คุณแลก
ได้ คุณย้ายได้ครับ  คนที่จะไปทำงานที่บ้านนายทหารนั้น จ่ากองร้อย จะเป็นคนคัดไปครับ เค้าจะดูลักษณะท่าทาง เค้าไม่เอาแบบบึกบึนไปทำอย่างนั้น
หรอกครับ เค้ามีวิธีคัดคุณไม่ต้องกังวลเลยครับ ส่วนมากคุณจะได้เข้าเวรยามตามสถานที่ต่าง ๆ มากกว่า เช่น วังพระเจ้าอยู่หัว กระทรวงกลาโหม เป็นต้น
และยังมีงานต่าง ๆ อีกมากมายให้คุณทำครับ หลังจากคุณฝึกเสร็จเค้าจะเรียกว่าการ "ขึ้นกองร้อย" ครับ

ข้อ 3.     โทษของการหนีทหาร มันมีหลายรูปแบบนะครับ สมมุติว่าคุณต้องเป็นทหารสองปี คุณฝึก ๆ อยู่ในสามเดือนแรก คุณทนไม่ไหวหนีไป
เค้าก็จะนับจำนวนเดือนที่คุณหนีนั่นแหละครับ สมมุติว่าพอเข้าเดือนที่ 4 เค้าให้คุณขึ้นกองร้อยแยกย้ายไปทำงาน คุณได้ลากลับบ้านรอบแรก 20 วัน
แต่คุณไปแล้วไม่ยอมกลับมาอีกเลย ช่วงแรก ๆ เค้าจะไปตามคุณที่บ้านนะครับ แต่ถ้าคุณยังหลบหนีอยู่เกินกว่ากำหนดเวลาที่คุณต้องรับราชการทหาร
มันจะเป็นคดีอาญาแล้วนะครับ คุณอาจต้องติดคุุก 1 ปี 6 เดือน ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ไม่ฟันธงครับ แต่ถ้าคุณหนีไปแค่ไม่กี่เดือน เช่น หนีไปรอบแรก 7 วัน
แล้วก็กลับมาเข้ากรมใหม่ คุณก็จะโดนซ่อมครับ (หนักนะครับ) แต่ถ้าคุณยังไม่เข็ดหนีต่อไปอีกซักรอบ คราวนี้ 1 เดือน พอคุณกลับมาเข้ากรม คุณก็จะฃ
โดนซ่อมอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้อาจจะต้องติดคุกโทษฐานทำผิดวินัยทหารแล้วนะครับ หนี 1 เดือนก็ติดคุกทหาร 1 เดือน .... แต่ถ้ายัง คุณยังไม่เข็ด
ยังจะหนีรอบที่ 3 รอบนี้คุณหนีไป 3 เดือน ถ้าคุณกลับมา รอบนี้คุณก็จะติดคุกเพิ่มขึ้นไปอีกครับ ในเรื่องนี้เค้ามีระเบียบวินัยว่าไว้ตายตัวอยู่แล้ว แต่โดย
รวมแล้วอำนาจของผู้กองประจำกองร้อยของคุณจะสามารถสั่งขังคุณได้แค่ครั้งละ 30 วันเท่านั้นครับ แต่มันได้หลายครั้งนะ เช่น สั่งชัง 30 วัน 4 ครั้ง
ก็ปาไป 120 วัน หรือ 4 เดือนเข้าไปแล้ว .... ขอบอกว่าอยู่ในคุกทหารเหนื่อยกว่าตอนเป็นทหารหลายเท่านักครับ ฉะนั้น จงอย่าคิดหนีเลยครับ
สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและครอบครัวจะดีกว่า คนรอบตัวจะได้สรรเสริญ ไม่ใช่มีแต่คนว่า ขนาดไปเป็นทหารยังต้องหนี ติดคุกทหารเลย
มันจะดูเป็นผู้ชายที่ไม่มีความอดทนซักเท่าไหร่ครับ

แค่นี้แหละครับ ..... ตอบเท่าที่ประสบการณ์มี และจงภูมิใจในความเป็นไทย กับครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นทหารรักษาชาติ บ้านเมือง พระมหากษัตริย์ นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่