สวัสดีครับ เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยนะครับ แนะนำติชมกันได้นะครับ
ปล.ขอ tag hurt room ด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่โดนทหารและแฟนของคนที่โดนทหารครับ
อัพเดทรูปข้างล่างแล้วนะคับ
ผมมาเล่าถึงในมุมมองของการไปเป็นทหารเกณฑ์กองทัพเรือ ผมได้ใช้วุฒิปริญญาตรีไปยื่นสมัครร้องขอเป็นทหารเรือ ผลัด 1 ปี 55
ผมสมัครไปเพราะเอามันส์ จบมาใหม่ๆยังไม่อยากหางานทำอยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรานั่งอยู่หลังโต๊ะมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้วผมยังไม่อยากจะนั่งหลังโต๊ะต่อจนถึงเกษียน อยากจะมีที่ว่างเล็กๆให้ระหว่างชีวิต เนื่องด้วยบ้านผมก็ไม่ค่อยมีสตางค์ จะไปเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมันก็ใช่ที่ ชีวิตตอนนี้ไปไกลสุดคงได้แค่เชียงใหม่ไม่เกิน 1 อาทิตย์แบบประหยัด เลยตัดสินใจเอาก็เอาวะ ไปเป็นทหารนี่แหละ และตัดสินใจเลือกทหารเรือ เพราะว่าพ่อผมก็เคยสมัครทหารเกณฑ์ทร.ไป น้าผมก็เคยสมัครไป ทั้งพ่อและน้าบอกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ไม่รู้ลืม(อันนี้ดีหรือไม่ดีไม่รู้ผมไม่กล้าถามต่อ ได้แต่คิดแง่ดีในใจไว้ก่อน 555) เลยตัดสินใจไปเป็นทหารเรือ เอาผลัด 1 (ประจำการ 1 พ.ค.) เพราะปลดปีนั้นเลย(ปลด 1 พ.ย.) และอีกอย่างผมอยากจะรู้ว่า ที่เค้าเล่าสู่กันฟังว่าโหดเหลือหลาย ซ่อมกันทั้งวันทั้งคืน โดดบ่ออุนจิ สบู่หล่นให้ทิ้งเลยห้ามก้มเก็บ ครูฝึกโหดบรรลัย ไม่มีการเคารพในสิทธิมนุษยชน(เหมือนที่มีคนเคยตั้งกระทู้) อยากรู้จริงๆว่ามันเป็นยังไง ในใจก็มีหวั่นๆแต่เราเลือกแล้วต้องไปให้ได้ อีกอย่างทางบ้านและคุณแฟนก็สนับสนุนเผื่อจะมีระเบียบในชีวิตกว่านี้ 5555
"คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่" เหมือนอย่างที่พี่ตูนว่าไว้ มีเวลามีโอกาสมันต้องลองสักตั้ง มัวแต่กลัวอยู่สิ่งที่ไม่เคยเจอะด้วยตัวเอง ฟังแต่สิ่งรอบข้าง มันก็จะรู้อยู่แค่นั้น ชีวิตมันจะไม่รู้รสชาติ ว่าแล้วผมก็เลยจัดแจงเอกสารในการสมัคร ที่สำคัญที่สุดคือใบ transcript ต้องมีไป และต้องจบก่อนวันคัดเลือกทหารเกณฑ์ ไม่งั้นจาก 6 เดือนจะกลายเป็น 2 ปี เอาง่ายๆ แล้วก็เอกสารที่เราเคยผ่อนผันไปยื่น แต่ผมว่าสมัครทหารเกณฑ์ดีอย่างนึงคือไวมากไวกว่าตอนผ่อนผันอีก ประมาณว่าเที่ยงกลับบ้านไปทำใจได้เลย 5555 ไปบอกโต๊ะสัสดีว่ามาสมัครสัสดีมองหน้าแล้วพูดว่า คิดดีแล้วเหรอ บรึ๋ยยย แอบหลอนไปชั่วขณะแล้วตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พร้อมครับ แล้วสัสดีก็พาผมไปที่โต๊ะกรอกข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วก็รอเรียกชื่อพอเรียกชื่อผมเสร็จแล้วก็พาไปตรวจร่างกาย เราสายตาสั้นนะ สั้นมาก ขวา 550 ซ้าย 500 วันนั้นใส่แว่นไปด้วย(ปกติจะใส่คอนแทคเลนส์) หมอก็ตรวจร่างกายแล้วพูดกับผมว่าสายตาสั้นขนาดนี้ยังจะไปอีกเหรอ อ้าวววว ก็ผมอยากนี่ครับความอยากมันครอบงำ ตรวจร่างกายวัดรอบอกเสร็จก็ไปที่โต๊ะเซ็นต์อะไรสักอย่างผมไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ผมไปสมัครผมเป็นคนสุดท้ายที่สมัคร ทร.1 นึกในใจโหเกือบไปแล้ว ถ้ามาช้ากว่านี้ก็chipหายเลยสิต้องไปผลัดอื่น เสร็จแล้วสัสดีได้ให้ใบนัดหมายมาวันที่ 1 พ.ค. ขึ้นรถที่หน้าศาลากลางเวลา 10.00 น. สัสดีก็ให้ผมลุกขึ้นยืนแล้วประกาศชื่อผม นาย … นามสกุล …. ทหารเรือผลัด 1 เฮ้!!! ได้ยินเสียงเฮลั่นจากข้างนอกเข้าใจได้เลยว่าเป็นพวกจับใบดำ-แดง เพราะที่ว่างก็ลดลงไป 1 ที่ ใบแดงก็ลดลงไป 1 ใบ สมัครเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปยืนแอ็คแม่ บอกไปสมัครมาแล้วเท่มั้ยล่ะ เท่-่าอะไรมานี่มาช่วยขายของ กำ!! แม่ไม่สนใจบ้างเลย แต่เพื่อนแถวๆบ้านบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า -ึงนี่มันเท่สุดๆ แฮ่...ได้แอ็คแล้ว แต่แล้วพวกมันทุกคนก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า-ึงรู้มั้ยไปทหารมันเป็นยังไง อย่างนู้นอย่างนี้ ยกข้อเสียต่างๆที่เคยได้ยินมา ฝึกทั้งวันบ้าง โดนซ่อมกลางดึกบ้าง ถึงขนาดเห็นคนฝึกแล้วตายบ้าง(-ึงไปเหนมาแล้วหรออ) บลา บลา บอกตรงๆช่วงนั้นโดนกรอกหูจนบางทีเป๋ไปเลยทีเดียว แต่ไม่เป็นอะไรเราตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะไปเราก็ต้องทำให้ได้ แล้วก็ได้คุณแฟนมาช่วยปลอบ ผมรู้ว่าแฟนผมใจจริงแล้วไม่อยากให้ผมไปหรอก(ก็แหงล่ะเป็นแฟนกันใครจะอยากอยู่ห่างกัน) แต่ก็ยังบอกไปเหอะเพื่อความเป็นระเบียบในชีวิต ปัดโธ่!!!
หลังจากที่ผมสมัครทหารไปถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันที่ 8 เม.ย. แต่ผมต้องประจำการวันที่ 1 พ.ค. เท่ากับว่าเหลือไม่กี่วันกับการใช้ชีวิตแบบปกติ ทุกวันผมก็ได้แต่นั่งคิด มันจะสนุกมั้ยนะ การเป็นทหารนี่มันจะลำบากแค่ไหนกันนะ แล้วที่บ้านเรา พ่อ แม่ น้อง ยาย จะเป็นยังไงบ้างล่ะ แฟนเราจะนอกใจมั้ยนะ(ประโยคในสมองยอดฮิตของทหารเกณฑ์) บอกได้เลยว่าคิดมันทุกวัน ตั้งใจสมัครนะแต่มันก็อดคิดไม่ได้เพราะโดนคนกรอกหูจนหลอน 555 และแล้วก็ถึงวันเดินทางของที่เตรียมไปมีชุดอยู่บ้าน 1 ชุด มือถือไม่ได้เอาไปเพราะสัสดีห้าม ตังเอาไปติดตัวแค่ 500 เพราะโดนสัสดีหลอกว่าในค่ายไม่ต้องใช้เงิน(ทั้งๆที่พอไปถึงพวกจ่าเค้าก็เอาข้าวกล่องเอาน้ำมาขายทหารเรือใหม่กัน และมันมีของขายในกองร้อย แต่สำหรับทหารบกผมไม่รู้นะครับ) คอนแทคเลนส์เผื่อมึนๆใส่ได้ บัตรประชาชนและเอกสารทางทหารต่างๆ ด้วยความที่ตื่นเต้น+กลัวโดนเล่นก่อนยังไม่ไป ผมก็เดินทางไปถึงศาลากลางเวลา 08.00น. มีคนมาบ้างแล้วนิดหน่อย(นึกว่าผมตื่นเต้นคนเดียวนะเนี่ย) ผมว่าผมเตรียมทุกอย่างมาดีแล้วนะแต่มีสิ่งเดียวที่ผมลืม ลืมตัดผม #$%#$%#$% ผมสบถกับตัวเอง(เติมเอาเองนะครับ) ดีนะที่แฟนผมมาส่งไม่งั้นคงต้องวิ่งตั้งแต่ยังไม่ได้ฝึก ที่จริงอยากจะไปตัดที่ค่ายนะแต่ลองนึกดูว่าถ้าในกองร้อยมีคนไม่ตัดเหมือนเราล่ะ แล้วถ้าเค้าไม่มีบัตตาเลี่ยนล่ะ ต่างๆนา เลยต้องให้แฟนส่งไปตัด ตัดเสร็จกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็มารอที่ศาลากลาง และแล้วก็มาถึงเวลาจากลา..... แฟนผมต้องเข้างานเวลา 9 โมง นี่มันก็จะ 9 โมงล่ะ ความจริงก่อนหน้าวันไปผมกับแฟนได้ตัดสินใจกันว่าจะซื้อไดอารี่ไว้เขียนถึงกันคนละเล่ม ไว้เขียนบันทึกประจำวันว่าไปไหนบ้างทำอะไรบ้าง และเผื่อเอาไว้เวลาคิดถึงกันก็ระบายมันออกมาในไดอารี่เพราะผมไม่มีโทรศัพท์ไป เราไม่ค่อยพูดอะไรกันอยากพูดนะแต่พูดไม่ออกมันอัดอั้นวินาทีนั้นถ้าผมพูดอะไรออกมาซักคำเดียวน้ำตาผมจะหล่นออกมาพร้อมกับคำที่ผมพูดแน่นอน “มีโอกาสโทรหาด้วยนะ”แฟนผมพูดก่อน “อื้ม”ผมตอบ แล้วเราก็จับมือและมองหน้ากัน “เค้าไปละนะ”แฟนผมพูด “อื้ม”ผมตอบอีกครั้ง แล้วแฟนผมก็ขับรถออกไป โถ่!!!! ไอ้-ายไมไม่พูดอะไรมั่งวะ ผมได้แต่นั่งด่าตัวเอง แต่ผมสาบานได้เลยว่าวินาทีนั้นมันพูดอะไรไม่ออกจริงๆการที่จะไม่เจอคนที่เรารักนานๆมันลำบากใจมากแต่เราต้องเชื่อมั่นคนที่เรารักว่าเค้าจะต้องอยู่กับเราแน่นอน ตอนนี้เรากลับหลังไม่ได้อีกแล้ว อีกแป๊บเดียวน่า..ผมปลอบตัวเอง ผมก็นั่งรอรถที่จะมารับและแล้วเวลาเดินทางก็มาถึง รถโอเพ่นแอร์ลายการ์ตูนที่มีผู้โดยสารนั่งมาแล้ว(เพราะว่าจังหวัดต้นทางคือจังหวัดตราดรถทัวร์จะไปรับที่ตราดก่อนแล้วค่อยมาที่จังหวัดผมคือจันทบุรี) ผมนั่งริมหน้าต่างผมชอบดูวิวข้างทาง แล้วก็มีคนมานั่งข้างๆผมซึ่งผมไม่รู้จัก เราแนะนำตัวกัน(และต่อมามันได้ไปอยู่กองร้อยเดียวกับผมด้วย) และแล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวจุดมุ่งหมายสู่ศุนย์ฝึกทหารใหม่กองทัพเรือ ระหว่างทางผมก็นั่งทำใจผมคิดไว้แล้วพอไปถึงปุ๊บโดนรับน้องก่อนแน่ๆ มาได้ประมาณครึ่งทางรถก็จอดให้เราไปดื่มน้ำปัสสาวะและกินข้าวกันที่ปั๊ม โดยมีจ่าที่คุมรถเป็นคนแจกเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 150 บาท(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ผมซัดไปเต็มที่เลยคิดว่าไปถึงนู่นมันไม่มีอะไรกินแน่ๆ เสร็จธุระแล้วก็เดินทางต่อ มีคนเอาเหล้ามากินด้วยแต่จ่าเค้าก็ไม่ว่าอะไรนะสงสัยให้ย้อมใจ ให้ตายเหอะเวลาในตอนนั้นผมอยากให้เวลามันเดินช้าๆ เอาแบบว่ามีเวลานับใบหญ้าได้เลยว่าแต่ละกอมันมีกี่ใบ แต่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งไวสักพักผมถึงเขตอ.สัตหีบแล้ว รถกำลังเลี้ยวเข้าไปในศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทุกคนในรถเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร ผมเชื่อว่าในตอนนั้นทุกคนกำลังคิดว่า ตรูจะโดนอะไรมั่งว้า..
^^ แชร์ประสบการณ์การเป็นทหารเกณฑ์ มันไม่แย่อย่างที่คิดนะ ^^
ปล.ขอ tag hurt room ด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่โดนทหารและแฟนของคนที่โดนทหารครับ
อัพเดทรูปข้างล่างแล้วนะคับ
ผมมาเล่าถึงในมุมมองของการไปเป็นทหารเกณฑ์กองทัพเรือ ผมได้ใช้วุฒิปริญญาตรีไปยื่นสมัครร้องขอเป็นทหารเรือ ผลัด 1 ปี 55
ผมสมัครไปเพราะเอามันส์ จบมาใหม่ๆยังไม่อยากหางานทำอยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรานั่งอยู่หลังโต๊ะมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้วผมยังไม่อยากจะนั่งหลังโต๊ะต่อจนถึงเกษียน อยากจะมีที่ว่างเล็กๆให้ระหว่างชีวิต เนื่องด้วยบ้านผมก็ไม่ค่อยมีสตางค์ จะไปเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมันก็ใช่ที่ ชีวิตตอนนี้ไปไกลสุดคงได้แค่เชียงใหม่ไม่เกิน 1 อาทิตย์แบบประหยัด เลยตัดสินใจเอาก็เอาวะ ไปเป็นทหารนี่แหละ และตัดสินใจเลือกทหารเรือ เพราะว่าพ่อผมก็เคยสมัครทหารเกณฑ์ทร.ไป น้าผมก็เคยสมัครไป ทั้งพ่อและน้าบอกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ไม่รู้ลืม(อันนี้ดีหรือไม่ดีไม่รู้ผมไม่กล้าถามต่อ ได้แต่คิดแง่ดีในใจไว้ก่อน 555) เลยตัดสินใจไปเป็นทหารเรือ เอาผลัด 1 (ประจำการ 1 พ.ค.) เพราะปลดปีนั้นเลย(ปลด 1 พ.ย.) และอีกอย่างผมอยากจะรู้ว่า ที่เค้าเล่าสู่กันฟังว่าโหดเหลือหลาย ซ่อมกันทั้งวันทั้งคืน โดดบ่ออุนจิ สบู่หล่นให้ทิ้งเลยห้ามก้มเก็บ ครูฝึกโหดบรรลัย ไม่มีการเคารพในสิทธิมนุษยชน(เหมือนที่มีคนเคยตั้งกระทู้) อยากรู้จริงๆว่ามันเป็นยังไง ในใจก็มีหวั่นๆแต่เราเลือกแล้วต้องไปให้ได้ อีกอย่างทางบ้านและคุณแฟนก็สนับสนุนเผื่อจะมีระเบียบในชีวิตกว่านี้ 5555
"คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่" เหมือนอย่างที่พี่ตูนว่าไว้ มีเวลามีโอกาสมันต้องลองสักตั้ง มัวแต่กลัวอยู่สิ่งที่ไม่เคยเจอะด้วยตัวเอง ฟังแต่สิ่งรอบข้าง มันก็จะรู้อยู่แค่นั้น ชีวิตมันจะไม่รู้รสชาติ ว่าแล้วผมก็เลยจัดแจงเอกสารในการสมัคร ที่สำคัญที่สุดคือใบ transcript ต้องมีไป และต้องจบก่อนวันคัดเลือกทหารเกณฑ์ ไม่งั้นจาก 6 เดือนจะกลายเป็น 2 ปี เอาง่ายๆ แล้วก็เอกสารที่เราเคยผ่อนผันไปยื่น แต่ผมว่าสมัครทหารเกณฑ์ดีอย่างนึงคือไวมากไวกว่าตอนผ่อนผันอีก ประมาณว่าเที่ยงกลับบ้านไปทำใจได้เลย 5555 ไปบอกโต๊ะสัสดีว่ามาสมัครสัสดีมองหน้าแล้วพูดว่า คิดดีแล้วเหรอ บรึ๋ยยย แอบหลอนไปชั่วขณะแล้วตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พร้อมครับ แล้วสัสดีก็พาผมไปที่โต๊ะกรอกข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วก็รอเรียกชื่อพอเรียกชื่อผมเสร็จแล้วก็พาไปตรวจร่างกาย เราสายตาสั้นนะ สั้นมาก ขวา 550 ซ้าย 500 วันนั้นใส่แว่นไปด้วย(ปกติจะใส่คอนแทคเลนส์) หมอก็ตรวจร่างกายแล้วพูดกับผมว่าสายตาสั้นขนาดนี้ยังจะไปอีกเหรอ อ้าวววว ก็ผมอยากนี่ครับความอยากมันครอบงำ ตรวจร่างกายวัดรอบอกเสร็จก็ไปที่โต๊ะเซ็นต์อะไรสักอย่างผมไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ผมไปสมัครผมเป็นคนสุดท้ายที่สมัคร ทร.1 นึกในใจโหเกือบไปแล้ว ถ้ามาช้ากว่านี้ก็chipหายเลยสิต้องไปผลัดอื่น เสร็จแล้วสัสดีได้ให้ใบนัดหมายมาวันที่ 1 พ.ค. ขึ้นรถที่หน้าศาลากลางเวลา 10.00 น. สัสดีก็ให้ผมลุกขึ้นยืนแล้วประกาศชื่อผม นาย … นามสกุล …. ทหารเรือผลัด 1 เฮ้!!! ได้ยินเสียงเฮลั่นจากข้างนอกเข้าใจได้เลยว่าเป็นพวกจับใบดำ-แดง เพราะที่ว่างก็ลดลงไป 1 ที่ ใบแดงก็ลดลงไป 1 ใบ สมัครเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปยืนแอ็คแม่ บอกไปสมัครมาแล้วเท่มั้ยล่ะ เท่-่าอะไรมานี่มาช่วยขายของ กำ!! แม่ไม่สนใจบ้างเลย แต่เพื่อนแถวๆบ้านบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า -ึงนี่มันเท่สุดๆ แฮ่...ได้แอ็คแล้ว แต่แล้วพวกมันทุกคนก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า-ึงรู้มั้ยไปทหารมันเป็นยังไง อย่างนู้นอย่างนี้ ยกข้อเสียต่างๆที่เคยได้ยินมา ฝึกทั้งวันบ้าง โดนซ่อมกลางดึกบ้าง ถึงขนาดเห็นคนฝึกแล้วตายบ้าง(-ึงไปเหนมาแล้วหรออ) บลา บลา บอกตรงๆช่วงนั้นโดนกรอกหูจนบางทีเป๋ไปเลยทีเดียว แต่ไม่เป็นอะไรเราตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะไปเราก็ต้องทำให้ได้ แล้วก็ได้คุณแฟนมาช่วยปลอบ ผมรู้ว่าแฟนผมใจจริงแล้วไม่อยากให้ผมไปหรอก(ก็แหงล่ะเป็นแฟนกันใครจะอยากอยู่ห่างกัน) แต่ก็ยังบอกไปเหอะเพื่อความเป็นระเบียบในชีวิต ปัดโธ่!!!
หลังจากที่ผมสมัครทหารไปถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันที่ 8 เม.ย. แต่ผมต้องประจำการวันที่ 1 พ.ค. เท่ากับว่าเหลือไม่กี่วันกับการใช้ชีวิตแบบปกติ ทุกวันผมก็ได้แต่นั่งคิด มันจะสนุกมั้ยนะ การเป็นทหารนี่มันจะลำบากแค่ไหนกันนะ แล้วที่บ้านเรา พ่อ แม่ น้อง ยาย จะเป็นยังไงบ้างล่ะ แฟนเราจะนอกใจมั้ยนะ(ประโยคในสมองยอดฮิตของทหารเกณฑ์) บอกได้เลยว่าคิดมันทุกวัน ตั้งใจสมัครนะแต่มันก็อดคิดไม่ได้เพราะโดนคนกรอกหูจนหลอน 555 และแล้วก็ถึงวันเดินทางของที่เตรียมไปมีชุดอยู่บ้าน 1 ชุด มือถือไม่ได้เอาไปเพราะสัสดีห้าม ตังเอาไปติดตัวแค่ 500 เพราะโดนสัสดีหลอกว่าในค่ายไม่ต้องใช้เงิน(ทั้งๆที่พอไปถึงพวกจ่าเค้าก็เอาข้าวกล่องเอาน้ำมาขายทหารเรือใหม่กัน และมันมีของขายในกองร้อย แต่สำหรับทหารบกผมไม่รู้นะครับ) คอนแทคเลนส์เผื่อมึนๆใส่ได้ บัตรประชาชนและเอกสารทางทหารต่างๆ ด้วยความที่ตื่นเต้น+กลัวโดนเล่นก่อนยังไม่ไป ผมก็เดินทางไปถึงศาลากลางเวลา 08.00น. มีคนมาบ้างแล้วนิดหน่อย(นึกว่าผมตื่นเต้นคนเดียวนะเนี่ย) ผมว่าผมเตรียมทุกอย่างมาดีแล้วนะแต่มีสิ่งเดียวที่ผมลืม ลืมตัดผม #$%#$%#$% ผมสบถกับตัวเอง(เติมเอาเองนะครับ) ดีนะที่แฟนผมมาส่งไม่งั้นคงต้องวิ่งตั้งแต่ยังไม่ได้ฝึก ที่จริงอยากจะไปตัดที่ค่ายนะแต่ลองนึกดูว่าถ้าในกองร้อยมีคนไม่ตัดเหมือนเราล่ะ แล้วถ้าเค้าไม่มีบัตตาเลี่ยนล่ะ ต่างๆนา เลยต้องให้แฟนส่งไปตัด ตัดเสร็จกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็มารอที่ศาลากลาง และแล้วก็มาถึงเวลาจากลา..... แฟนผมต้องเข้างานเวลา 9 โมง นี่มันก็จะ 9 โมงล่ะ ความจริงก่อนหน้าวันไปผมกับแฟนได้ตัดสินใจกันว่าจะซื้อไดอารี่ไว้เขียนถึงกันคนละเล่ม ไว้เขียนบันทึกประจำวันว่าไปไหนบ้างทำอะไรบ้าง และเผื่อเอาไว้เวลาคิดถึงกันก็ระบายมันออกมาในไดอารี่เพราะผมไม่มีโทรศัพท์ไป เราไม่ค่อยพูดอะไรกันอยากพูดนะแต่พูดไม่ออกมันอัดอั้นวินาทีนั้นถ้าผมพูดอะไรออกมาซักคำเดียวน้ำตาผมจะหล่นออกมาพร้อมกับคำที่ผมพูดแน่นอน “มีโอกาสโทรหาด้วยนะ”แฟนผมพูดก่อน “อื้ม”ผมตอบ แล้วเราก็จับมือและมองหน้ากัน “เค้าไปละนะ”แฟนผมพูด “อื้ม”ผมตอบอีกครั้ง แล้วแฟนผมก็ขับรถออกไป โถ่!!!! ไอ้-ายไมไม่พูดอะไรมั่งวะ ผมได้แต่นั่งด่าตัวเอง แต่ผมสาบานได้เลยว่าวินาทีนั้นมันพูดอะไรไม่ออกจริงๆการที่จะไม่เจอคนที่เรารักนานๆมันลำบากใจมากแต่เราต้องเชื่อมั่นคนที่เรารักว่าเค้าจะต้องอยู่กับเราแน่นอน ตอนนี้เรากลับหลังไม่ได้อีกแล้ว อีกแป๊บเดียวน่า..ผมปลอบตัวเอง ผมก็นั่งรอรถที่จะมารับและแล้วเวลาเดินทางก็มาถึง รถโอเพ่นแอร์ลายการ์ตูนที่มีผู้โดยสารนั่งมาแล้ว(เพราะว่าจังหวัดต้นทางคือจังหวัดตราดรถทัวร์จะไปรับที่ตราดก่อนแล้วค่อยมาที่จังหวัดผมคือจันทบุรี) ผมนั่งริมหน้าต่างผมชอบดูวิวข้างทาง แล้วก็มีคนมานั่งข้างๆผมซึ่งผมไม่รู้จัก เราแนะนำตัวกัน(และต่อมามันได้ไปอยู่กองร้อยเดียวกับผมด้วย) และแล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวจุดมุ่งหมายสู่ศุนย์ฝึกทหารใหม่กองทัพเรือ ระหว่างทางผมก็นั่งทำใจผมคิดไว้แล้วพอไปถึงปุ๊บโดนรับน้องก่อนแน่ๆ มาได้ประมาณครึ่งทางรถก็จอดให้เราไปดื่มน้ำปัสสาวะและกินข้าวกันที่ปั๊ม โดยมีจ่าที่คุมรถเป็นคนแจกเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 150 บาท(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ผมซัดไปเต็มที่เลยคิดว่าไปถึงนู่นมันไม่มีอะไรกินแน่ๆ เสร็จธุระแล้วก็เดินทางต่อ มีคนเอาเหล้ามากินด้วยแต่จ่าเค้าก็ไม่ว่าอะไรนะสงสัยให้ย้อมใจ ให้ตายเหอะเวลาในตอนนั้นผมอยากให้เวลามันเดินช้าๆ เอาแบบว่ามีเวลานับใบหญ้าได้เลยว่าแต่ละกอมันมีกี่ใบ แต่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งไวสักพักผมถึงเขตอ.สัตหีบแล้ว รถกำลังเลี้ยวเข้าไปในศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทุกคนในรถเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร ผมเชื่อว่าในตอนนั้นทุกคนกำลังคิดว่า ตรูจะโดนอะไรมั่งว้า..