ทหารเกณฑ์ยุค Thailand 4.0 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆชาว Pantip ทุกคนนะครับ
ผมจะมาเล่าประสบการณ์การเป็นทหารเกณฑ์(การฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์แรก)ของผมเอง
โดยก่อนหน้านี้ถ้าไปย้อนดูกระทู้เก่าๆ จะเห็นได้เลยครับว่า ผมกลัวการเป็นทหารเกณฑ์มากๆ
กังวนในหลายๆเรื่อง หลายๆเหตุการณ์ที่ออกข่าวตามทีวีหรือแม้แต่ คลิปต่างๆ บน Social ทั่วไป
ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณกระทู้ประสบการณ์ของรุ่นพี่ (https://ppantip.com/topic/33919837)
ที่ทำให้ผมตัดสินใจสมัครเป็นทหาร ทบ. 1/61 หลังจากได้อ่านกระทู้ซ้ำๆ ประมาณ 2-3 รอบได้ว่า
ระหว่างเสี่ยงจับใบดำใบแดง กับสมัครเป็น จะเอายังไงดี ?
ถ้าโชคดีจับได้ใบดำก็ไม่ได้เป็นเลย
ถ้าจับได้ใบแดง เราต้องเป็นทหารเกณฑ์ 1 ปี (ใช้วุฒิป.ตรียื่น)
กับสมัครใจเป็นหรือร้องขอ ต้องเป็นทหารเกณฑ์แค่ 6 เดือน (ใช้วุฒิป.ตรียื่น)
ผมจึงตัดสินใจสมัครเป็น 6 เดือน (แบบไม่ได้เต็มใจจะเป็นคิดแค่ว่า 6 เดือนยังดีกว่า 1 ปีแล้วกัน 555+ จะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมสู้และยอมรับในวันข้างหน้า)
และผมเองก็เหมือนกระทู้รุ่นพี่ครับคือไม่ใช่ชายเต็มร้อย แต่ก็ไม่ได้ออกเป็นตุ๊ดหรือสาวประเภทสองนะครับ
ผมรับการฝึกแบบเดียวกับผู้ชายทั่วไปทุกอย่างครับ
กระทู้ของผมจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากมายแต่จะเน้นในส่วนของการปฏิบัติตนเมื่อไปอยู่ในค่ายต้องปรับตัวยังไง
ต้องเจออะไรบ้างในชีวิตประจำวันในห่วงของการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์ ฝึกอะไรบ้าง

ถ้าพิมพ์ผิด หรือตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ 😊

วันสมัครคัดเลือกและการยื่นคำร้องขอ

ในวันเกณฑ์ต้องเตรียมหลักฐานอะไรไปบ้าง
หลักฐานที่ต้องเตรียมไป ดังนี้
1.บัตรประชาชน
2.สด.9
3.หมายเรียก
4.วุฒิการศึกษาตั้งแต่ ม.6หรือเทียบเท่าขึ้นไป (ถ้ามี) สำหรับวุฒิการศึกษานั้นจะใช้ในกรณีการขอสิทธิลดวันรับราชการทหาร
*วุฒิ ม.6/ปวช. ถ้าสมัครเป็น 1 ปี /ถ้าจับสลากขอสิทธิลดไม่ได้ เป็น 2 ปีเต็ม
*วุฒิ ปวส./ป.ตรี ถ้าสมัคร เป็น 6 เดือน / ถ้าจับสลากเป็น 1 ปี
* ถ้าไม่มีวุฒิอะไรเลย หรือไม่จบ ม.6/ปวช. ก็ไม่สามารถขอสิทธิ์ลดฯ ได้ จะสมัครหรือจะจับสลากได้แดง ก็ต้องเป็นทหาร 2 ปีเต็ม
(ขอบคุณข้อมูลจากเพจ @thaiarmyrecruiter)

เอกสารที่ต้องเตรียมไปที่สำคัญคือใบวุฒิรับรองการศึกษาว่าจบแล้วจริงพร้อมมีลายเซ็นถูกต้องสมบูรณ์

หรือถ้ามีเอกสารอื่นใดที่ต้องเตรียมก็ช่วยเตือนด้วยนะครับจะได้เป็นข้อมูลให้กับน้องๆ
ที่จะสมัครในปีหน้าด้วยเพราะแต่ละที่อาจจะใช้เอกสารแตกต่างกันออกไป


เมื่อพร้อมแล้วผมจะไปที่ว่าการอำเภอช้าๆ หน่อยเพราะปีที่ผ่านๆมา ผมไปผ่อนผัน
ผมพอจะรู้แล้วว่าเขาจะเริ่มพิธีการในส่วนไหนยังไงเลยกะว่าไปถึง ถอดเสื้อแล้วพุ่งชนเลยครับ 555+
แต่ก่อนอื่นสำหรับคนที่ผ่อนผันมาต้องไปเขียนใบสละสิทธิผ่อนผันก่อนนะครับ
ถึงจะสามารถเข้าไปจับใบดำใบแดงหรือว่า สมัครเป็นทหารเกณฑ์ได้ครับ

เอาล่ะครับจากการที่ผมเตรียมใจมาตั้งแต่ปีแรกๆที่ผ่อนผันแล้ว
ทั้งติดเรียน ทำงานต่อ และความกลัวต่างๆนาๆ
มาปีนี้ผมเตรียมใจมาถึงขั้นว่าผมไม่รู้สึกกลัวอะไรทั้งสิ้นที่จะมาสมัครเป็นทหาร

ผมถอดเสื้อแล้วนั่งกับเพื่อนๆในตำบลเดียวกัน (ซึ่งผมไม่รู้จักใครเลยแม้แต่คนเดียวครับเพราะตอน มัธยมไม่ได้เรียนแถวบ้านเลยไม่มีเพื่อนสักคน)
จากนั้นผมมองไปรอบๆหาทหารที่คอยเอาสก๊อตเทปมาติดที่แขนก่อนที่จะเขียนหมายเลขต่างๆลงไป
เอ่ยปากบอกกับทหารได้เลยครับว่า “ผมจะสมัครเป็นยื่นวุฒิป.ตรีครับ”
หลังจากนั้นเราจะเหมือนแขก VIP ทหารจะมาลากตัวเราไปทำเรื่องเป็นขั้นตอน เป็นตอนเลยครับ
และที่สำคัญได้กลับบ้านเร็วกว่าเพื่อนๆที่รอจับใบดำใบแดงด้วยนะเออออ

ในขณะที่นั่งรอปั้มลายนิ้วมือผมไม่รู้นะว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้องแต่ผมคิดว่าทุกคนในวันนี้คือเพื่อนเราหมด
เพื่อน : ถามเวลาว่ากี่โมงแล้ว
ผม : บอกเวลาไป
เพื่อน : ป๊าดดด โตสมัครเลยติ บ่ย่านเบาะ ? (โห่ นายสมัครเลยเหรอ ไม่กลัวเหรอ ?)
(สงสัยเห็นที่แขนเขียนว่า ร้องขอ)
ผม : เฮ็ดใจมาดนแล้ว ฟ่าวเป็น ฟ่าวแล้ว หกเดือนนึง (ทำใจมานานแล้ว รีบเป็น รีบเสร็จ ได้เป็นแค่หกเดือนเอง)
ผมได้แต่คิดในใจว่าขนาดเป็นผู้ชายแท้ๆ แบบเซอร์ๆ ยังกลัวการเป็นทหารเลย แล้วเราล่ะ เรากำลังจะทำอะไรอยู่ ?
ผมจะบอกให้นะครับว่าวันเกณฑ์ทหาร 98% ของผู้ชายในวันนั้นเต็มไปด้วยความกลัว
และไม่มีใครอยากไปเป็นทหารถึงแม้ทหารจะพูดย้ำๆว่าได้เงินเดือน ได้ข้าวกินฟรีนะเป็นทหารสบาย

หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงคิวตรวจร่างกายซึ่งไม่ต้องลุ้นเลยครับว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
สูง 178 หนัก 65
แพทย์  : ไหนยื่นแขนมา
แพทย์ : หูทั้งสองข้างฟังชัดนะครับ
ผม : ชัดครับ
แพทย์ : ใส่แว่นสายตาสั้นหรือยาว
ผม  :  สั้นครับ
แพทย์  :  สั้นเท่าไหร่
ผม  :  300 ครับ
แพทย์  :  สั้น 300 ไม่มีผลกระทบต่อการฝึกนะครับ
ผม  :  ยิ้มมมมม
พอเสร็จจากการตรวจร่างกายแล้วเขาจะถามเราว่าจะสมัครเป็นทหารอะไรค่ายไหนผลัดไหน
สำหรับคนที่สมัครเป็นมีสิทธิในการเลือกว่าจะเป็นทหารอะไร (กองทัพบก,กองทัพเรือ,กองทัพอากาศ)
ต้องดูด้วยนะครับว่าเขารับเท่าไหร่ ถ้าเต็มแล้วเราก็หมดสิทธิ์นะครับแต่ส่วนมากแล้วกองทัพบกจะรับเยอะกว่าทัพอื่นๆ และเราสามารถเลือกลงค่ายใกล้ๆบ้านได้นะครับ ส่วนผม ทบ.1/61 มทบ.XX ครับ ที่ผมตัดสินใจลงผลัดแรกเพราะ
1.ตามประสบการณ์รุ่นพี่บอกว่าเจอหน้าฝน ถ้าฝนตกวันนั้นไม่ต้องฝึก
2.อากาศจะร้อนแดดแรง ถ้าวันไหนแรงจริงๆเวลาฝึกก็จะลดลง
3.ถ้าเลือกลงผลัดสอง หน้าหนาวต้องตายแน่ๆทั้งอาบน้ำ ทั้งวิ่ง บลาๆ คงจะตื่นยากน่าดู
ตอนฝึกก็คงฝึกเต็มที่แน่ๆเพราะหนาวจะได้ตากแดดกัน 555

ต่อไปรอรับใบ สด.35 (เป็นหมายเรียกรับราชการทหาร)  และใบนัดให้มารายงานตัว
และที่สำคัญอย่าลืมนะครับเราต้องไปอีกโต๊ะก่อนจะกลับบ้านคือโต๊ะยื่นวุฒิการศึกษาเพื่อลดย่อนวันรับราชการ
พอถึงโต๊ะก็ยื่นใบวุฒิการศึกษาและกรอกรายละเอียดลงในเอกสารว่าผมชื่อนี้ เรียนจบวุฒินี้
ขอลดย่อนเหลือ 1 ปี 6 เดือนก็ว่าไป
และเตรียมเงิน (40 บาท) เพื่อเป็นเงินค่าส่งไปรษณีย์จากทหารไปยังมหาวิทยาลัยในการตรวจสอบว่าเราจบจากที่นี่จริงหรือไม่
แล้วได้วุฒิแล้วหรือยัง  เสร็จจากตรงนี้ก็กลับบ้านได้ครับ
(ผมยังสงสัยอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่าเอกสารทางราชการแบบนี้ทำไมต้องเรียกเก็บเงินกับพลเรือนด้วย ? แต่ก็ไม่ได้อะไรมากและสำคัญไปกว่าอีก 20-30 วันเราต้องเป็นพลทหารแล้ววววว)

วันรายงานตัว
วันนี้ผมจำได้คราวๆว่าเตรียมบัตรประชาชนกับใบนัดรายงานตัวไปวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ
แค่ไปเซ็นชื่อรับเงินค่ารถค่าเบี้ยเลี้ยงและตรวจสอบดูข้อมูลของตัวเองว่าถูกไหม ชื่อ-นามสกุล อายุ ตำหนิในร่างกาย ชื่อพ่อแม่ ที่อยู่ วันรับราชการถูกไหม และได้ทำแบบสอบถามด้วยสำหรับคนที่สมัครมาเป็นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่