คำถามหนึ่งที่คนสนใจอยากจะทำธุรกิจส่วนตัวมักจะสงสัยก็คือ
"ถ้าจะทำธุรกิจส่วนตัว ควรจะมีเงินลงทุนเท่าไหร่"
ซึ่งคำตอบนั้นคงจะขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจของคุณนั้นเป็นประเภทไหน
โดยหลักๆ แล้ว ธุรกิจจะแบ่งได้เป็นสามประเภท
1.ธุรกิจผลิต เช่น ผลิตขนมขายส่ง , ผลิตเสื้อผ้า Brand ตัวเอง
2.ธุรกิจซื้อมาขายไป เช่น ร้านขายของชำ , ร้านขายอุปกรณ์แต่งรถ
3. ธุรกิจบริการ เช่น เปิดร้านสปา , เปิดบริษัททำเว็บไซต์ , อู่ซ่อมรถ
ซึ่งแต่ละประเภทก็มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภท
แต่โดยส่วนมากมักจะมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจหลักๆดังนี้ครับ
- เงินเดือนพนักงาน คุณต้องพิจารณาว่าการทำธุรกิจส่วนตัวของคุณนั้นจะต้องใช้พนักงานประมาณกี่คน แต่ละคนจะให้เงินเดือนเท่าไหร่
และคุณควรที่จะให้เงินเดือนตัวคุณเองด้วยเปรียบเสมือนเป็นพนักงานคนนึงของบริษัท เพื่อที่จะได้แยกชัดเจนระหว่างกำไรของบริษัทกับเงินเดือนของคุณ
- ต้นทุนในการผลิต+ต้นทุนสินค้า ในการจะผลิตสินค้า/บริการ คุณจะต้องคิดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น จะผลิตเก้าอี้ไม้ขาย ก็จะต้องมีอุปกรณ์ตัดไม้ , ค่าไม้สำหรับทำเก้าอี้ , อุปกรณ์ช่าง , ค่าขนส่ง , ค่าเช่าโกดัง เป็นต้น
แต่ในกรณีที่คุณทำธุรกิจบริการเช่น เปิดร้านสปา ก็จะมีค่าใช้จ่ายคือเตียงสปา , ค่าตกแต่งร้าน , ค่าน้ำมันนวด , ค่าน้ำหอมต่างๆ เป็นต้น
- ค่าสถานที่ ในกรณีเริ่มต้นธุรกิจสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเลือกทำเลที่เหมาะสมในการทำธุรกิจนั้นๆ แต่ละธุรกิจก็จะต้องการทำเลที่แตกต่างกัน และถ้าเป็นไปได้ถ้าใช้สถานที่นั้นได้ฟรีจะดีที่สุดอาจจะขอจากคนรู้จัก , ใช้ที่ของตัวเอง หรือถ้าหาสถานที่ฟรีไม่ได้ก็พยายามหาเช่าสถานที่ ถ้าหาเช่าไม่ได้ค่อยเซ้งหรือซื้อ สาเหตุที่ผมแนะนำอย่างนี้เพราะว่าถ้าเราลงทุนในค่าสถานที่มากๆ เช่นไปซื้อตึก ในกรณีที่ตึกนั้นเรามารู้ทีหลังว่าไม่เหมาะกับธุรกิจที่เราทำ เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากและการย้ายสถานที่ไปยังที่ใหม่ก็จะลำบาก
- ค่าใช้จ่ายสำนักงาน ได้แก่ค่าเฟอร์นิเจอร์ , ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ , ค่า Internet , ค่า Software , ค่าเครื่องเขียน , ค่ามือถือ , ค่าน้ำ , ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องใช้ในสำนักงาน
- ค่าใช้จ่ายด้านกฏหมาย ในการทำธุรกิจค่าใช้จ่ายอีกอย่างที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับกฏหมาย เช่น ค่าจดทะเบียนบริษัท , ค่าทำบัญชี , ค่าจะทะเบียนเครื่องหมายการค้า , ค่าปรึกษาด้านกฏหมาย เป็นต้น
- ค่าการตลาด + ประชาสัมพันธ์ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวค่าใช้จ่ายนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะว่าธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะต้องทำให้ลูกค้ารู้จักกับสินค้า/บริการ ของธุรกิจคุณ ดังนั้นคุณควรที่จะกำหนดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณเท่าไหร่เพื่อประชาสัมพันธ์ เช่น ค่าโฆษณาใช้ใบปลิว 1000 ใบ , ค่าลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น , ค่าลงโฆษณาในเว็บไซต์ เป็นต้น
โดยธุรกิจแต่ละประเภทจะมีค่าใช้จ่ายหลักที่แตกต่างกันตามแต่ลักษณะธุรกิจ
ขอยกตัวอย่างธุรกิจบริการ ที่ใช้คนเป็นหัวใจสำคัญ เช่น ธุรกิจทำเว็บ มีโปรแกรมเมอร์เป็นกำลังหลัก , ทำร้านสปา มีพนักงานนวดเป็นคนหารายได้เข้าร้านทำให้ลูกค้าติด ในธุรกิจบริการคุณควรที่จะให้เงินเดือนพนักงานเหล่านี้ไม่น้อยกว่าคู่แข่งของคุณ (ให้เงินเดือนเป็นค่าใช้จ่ายหลักของธุรกิจ) ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียลูกน้องเก่งๆ ของคุณให้กับคู่แข่งได้
แต่ถ้าคุณทำธุรกิจพวกตู้หยอดเหรียญเช่น ตู้ซักผ้า สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญก็คือทำเล เพราะทำเลถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจประเภทนี้ ถึงแม้ว่าค่าเช่าที่จะแพง แต่ถ้าได้ทำเลดีมีลูกค้าเยอะ ก็น่าที่จะลงทุน
นอกจากนี้ในการทำธุรกิจควรที่จะวางแผนไว้หลายๆด้าน และไม่ควรที่จะมองโลกในแง่ดีมากจนเกินไป
ควรที่จะวางแผนว่าถ้าธุรกิจของเราถ้าขาดทุนในช่วง 3 เดือนแรก เรามีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือไม่ในระยะ 3 เดือน
เพราะในบางธุรกิจอาจจะต้องใช้เวลากว่าที่ลูกค้ายอมรับในสินค้า/บริการของธุรกิจของคุณครับ
ถ้าคุณมีเงินเพียงพอที่จะอยู่รอดได้ในระยะแรกที่ลูกค้ายังไม่ค่อยรู้จัก ธุรกิจของคุณก็อาจจะเติบโตใหญ่ได้ในอนาคต ดังนั้นคุณควรที่จะวางแผนการเงิน + วางแผนการตลาด อย่างรอบคอบก่อนที่จะ
ที่มา www.ThaiSMEfriend.com
คราวนี้มา review ธุรกิจของผมบ้าง
1.โดยธุรกิจของผมเป็นธุรกิจขายเสื้อผ้า ซื้อมาขายไป(เข้าข่าย ธุรกิจ ซื้อมาขายไป)
ค่าใช้จ่ายในธุรกิจผม
1.1. เงินเดือนพนักงาน 10,000 บาท/เดือน
1.2. ต้นทุนสินค้า อันนี้ผันแปร แล้วแต่จังหวะที่จะลงทุนไม่แน่นอน แต่เฉลี่ยปัจจะบัน 800,000 บาท/เดือน
1.3. สถานที่เช่าร้าน 20,000 บาท/เดือน
1.4. ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย อันนี้อยู่ที่ยอดขาย และคำนวณกำไรในการจ่ายภาษี
1.5. ค่าการตลาด เว็บไซต์(2,000) , ป้ายร้านไวนิล 10,000 บาท อีกมากมาย
สรุปต่อเดือนผมจะมีค่าใช้จ่าย ต่างๆ ทั้ง ค่ากิน ค่าน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ประมาณ 50,000 บาท/เดือน
ปีที่ 1 ในการทำธุรกิจ(ลงทุนประมาณ 50,000 บาท)
- ไม่มีหน้าร้าน ทำเองขายเอง ขายตามงานต่างๆ
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ได้ประมาณ 20,000 บาท โดยประมาณ
ปีที่ 2 (ลงทุนเพิ่มไปอีก 600,000 บาท)
- เดินทางไปดูสินค้าเข้ามาขายที่ประเทศจีน เปิดร้านขาย ปลีก - ส่ง
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ประมาณ 70,000 บาท โดยประมาณ
ปีที่ 3 (ลงเพิ่มอีก 1,200,000 บาท)
- เดินทางไปดูสินค้าเข้ามาขายที่ประเทศอินโดนีเซีย(กำลังมีแผนจะเป็นสาขา 2 -3)
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ประมาณ 200,000 บาท โดยประมาณ
โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้
- ตั้งเป้าเติมโตในแง่ของรายรับ 30%
- ปรับยอดกำไรสุทธิให้ได้ 45% ของรายรับ
- รักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ อย่างน้อย 30%
- จัดการเรื่องการจ่ายภาษี ให้ดีขึ้น
- เปิดสาขาเพิ่มอย่างน้อย 1 สาขา(อันนี้อยู่ที่ความพร้อมในเรื่องการจัดการเป็นหลัก)
สรุป การทำธุรกิจของผม เคยได้ยินมามากว่า เราไม่เก่ง เราไม่มีเงินทุน เราไม่รู้เรื่อง เราไม่มีที่ปรึกษา ผมก็เลยอยากจะยกเคสของตัวเองให้ดูว่าผมเริ่มจากเงินทุนไม่มาก ไม่ได้เป็นคนที่เก่งมาจากไหน ลองผิดลองถูกไปเรื่อย
ส่วนเคล็ดลับในการทำธุรกิจของผมคือ
1.ต้องขยัน และอดทน
2.ต้องไม่เหลิง ไม่หยิ่ง และอย่าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น
3.ต้องเปิดมุมมองให้กว้าง
4.ต้องรู้จักเรียนรู้
5.ต้องรู้จักตื่นตัวปรับตัวอยู่เสมอ
6.ต้องรู้จักถอย ในจังหวะที่ควรจะถอย
ปล.โดยส่วนตัว อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่นบ้าง หลังจากได้อ่านบทความดีๆ ใน pantip มามา
คลายข้อสงสัยว่าทำธุรกิจส่วนตัว ควรจะมีเงินลงทุนเท่าไหร่ ?
"ถ้าจะทำธุรกิจส่วนตัว ควรจะมีเงินลงทุนเท่าไหร่"
ซึ่งคำตอบนั้นคงจะขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจของคุณนั้นเป็นประเภทไหน
โดยหลักๆ แล้ว ธุรกิจจะแบ่งได้เป็นสามประเภท
1.ธุรกิจผลิต เช่น ผลิตขนมขายส่ง , ผลิตเสื้อผ้า Brand ตัวเอง
2.ธุรกิจซื้อมาขายไป เช่น ร้านขายของชำ , ร้านขายอุปกรณ์แต่งรถ
3. ธุรกิจบริการ เช่น เปิดร้านสปา , เปิดบริษัททำเว็บไซต์ , อู่ซ่อมรถ
ซึ่งแต่ละประเภทก็มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภท
แต่โดยส่วนมากมักจะมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจหลักๆดังนี้ครับ
- เงินเดือนพนักงาน คุณต้องพิจารณาว่าการทำธุรกิจส่วนตัวของคุณนั้นจะต้องใช้พนักงานประมาณกี่คน แต่ละคนจะให้เงินเดือนเท่าไหร่
และคุณควรที่จะให้เงินเดือนตัวคุณเองด้วยเปรียบเสมือนเป็นพนักงานคนนึงของบริษัท เพื่อที่จะได้แยกชัดเจนระหว่างกำไรของบริษัทกับเงินเดือนของคุณ
- ต้นทุนในการผลิต+ต้นทุนสินค้า ในการจะผลิตสินค้า/บริการ คุณจะต้องคิดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น จะผลิตเก้าอี้ไม้ขาย ก็จะต้องมีอุปกรณ์ตัดไม้ , ค่าไม้สำหรับทำเก้าอี้ , อุปกรณ์ช่าง , ค่าขนส่ง , ค่าเช่าโกดัง เป็นต้น
แต่ในกรณีที่คุณทำธุรกิจบริการเช่น เปิดร้านสปา ก็จะมีค่าใช้จ่ายคือเตียงสปา , ค่าตกแต่งร้าน , ค่าน้ำมันนวด , ค่าน้ำหอมต่างๆ เป็นต้น
- ค่าสถานที่ ในกรณีเริ่มต้นธุรกิจสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเลือกทำเลที่เหมาะสมในการทำธุรกิจนั้นๆ แต่ละธุรกิจก็จะต้องการทำเลที่แตกต่างกัน และถ้าเป็นไปได้ถ้าใช้สถานที่นั้นได้ฟรีจะดีที่สุดอาจจะขอจากคนรู้จัก , ใช้ที่ของตัวเอง หรือถ้าหาสถานที่ฟรีไม่ได้ก็พยายามหาเช่าสถานที่ ถ้าหาเช่าไม่ได้ค่อยเซ้งหรือซื้อ สาเหตุที่ผมแนะนำอย่างนี้เพราะว่าถ้าเราลงทุนในค่าสถานที่มากๆ เช่นไปซื้อตึก ในกรณีที่ตึกนั้นเรามารู้ทีหลังว่าไม่เหมาะกับธุรกิจที่เราทำ เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากและการย้ายสถานที่ไปยังที่ใหม่ก็จะลำบาก
- ค่าใช้จ่ายสำนักงาน ได้แก่ค่าเฟอร์นิเจอร์ , ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ , ค่า Internet , ค่า Software , ค่าเครื่องเขียน , ค่ามือถือ , ค่าน้ำ , ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องใช้ในสำนักงาน
- ค่าใช้จ่ายด้านกฏหมาย ในการทำธุรกิจค่าใช้จ่ายอีกอย่างที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับกฏหมาย เช่น ค่าจดทะเบียนบริษัท , ค่าทำบัญชี , ค่าจะทะเบียนเครื่องหมายการค้า , ค่าปรึกษาด้านกฏหมาย เป็นต้น
- ค่าการตลาด + ประชาสัมพันธ์ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวค่าใช้จ่ายนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะว่าธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะต้องทำให้ลูกค้ารู้จักกับสินค้า/บริการ ของธุรกิจคุณ ดังนั้นคุณควรที่จะกำหนดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณเท่าไหร่เพื่อประชาสัมพันธ์ เช่น ค่าโฆษณาใช้ใบปลิว 1000 ใบ , ค่าลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น , ค่าลงโฆษณาในเว็บไซต์ เป็นต้น
โดยธุรกิจแต่ละประเภทจะมีค่าใช้จ่ายหลักที่แตกต่างกันตามแต่ลักษณะธุรกิจ
ขอยกตัวอย่างธุรกิจบริการ ที่ใช้คนเป็นหัวใจสำคัญ เช่น ธุรกิจทำเว็บ มีโปรแกรมเมอร์เป็นกำลังหลัก , ทำร้านสปา มีพนักงานนวดเป็นคนหารายได้เข้าร้านทำให้ลูกค้าติด ในธุรกิจบริการคุณควรที่จะให้เงินเดือนพนักงานเหล่านี้ไม่น้อยกว่าคู่แข่งของคุณ (ให้เงินเดือนเป็นค่าใช้จ่ายหลักของธุรกิจ) ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียลูกน้องเก่งๆ ของคุณให้กับคู่แข่งได้
แต่ถ้าคุณทำธุรกิจพวกตู้หยอดเหรียญเช่น ตู้ซักผ้า สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญก็คือทำเล เพราะทำเลถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจประเภทนี้ ถึงแม้ว่าค่าเช่าที่จะแพง แต่ถ้าได้ทำเลดีมีลูกค้าเยอะ ก็น่าที่จะลงทุน
นอกจากนี้ในการทำธุรกิจควรที่จะวางแผนไว้หลายๆด้าน และไม่ควรที่จะมองโลกในแง่ดีมากจนเกินไป
ควรที่จะวางแผนว่าถ้าธุรกิจของเราถ้าขาดทุนในช่วง 3 เดือนแรก เรามีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือไม่ในระยะ 3 เดือน
เพราะในบางธุรกิจอาจจะต้องใช้เวลากว่าที่ลูกค้ายอมรับในสินค้า/บริการของธุรกิจของคุณครับ
ถ้าคุณมีเงินเพียงพอที่จะอยู่รอดได้ในระยะแรกที่ลูกค้ายังไม่ค่อยรู้จัก ธุรกิจของคุณก็อาจจะเติบโตใหญ่ได้ในอนาคต ดังนั้นคุณควรที่จะวางแผนการเงิน + วางแผนการตลาด อย่างรอบคอบก่อนที่จะ
ที่มา www.ThaiSMEfriend.com
คราวนี้มา review ธุรกิจของผมบ้าง
1.โดยธุรกิจของผมเป็นธุรกิจขายเสื้อผ้า ซื้อมาขายไป(เข้าข่าย ธุรกิจ ซื้อมาขายไป)
ค่าใช้จ่ายในธุรกิจผม
1.1. เงินเดือนพนักงาน 10,000 บาท/เดือน
1.2. ต้นทุนสินค้า อันนี้ผันแปร แล้วแต่จังหวะที่จะลงทุนไม่แน่นอน แต่เฉลี่ยปัจจะบัน 800,000 บาท/เดือน
1.3. สถานที่เช่าร้าน 20,000 บาท/เดือน
1.4. ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย อันนี้อยู่ที่ยอดขาย และคำนวณกำไรในการจ่ายภาษี
1.5. ค่าการตลาด เว็บไซต์(2,000) , ป้ายร้านไวนิล 10,000 บาท อีกมากมาย
สรุปต่อเดือนผมจะมีค่าใช้จ่าย ต่างๆ ทั้ง ค่ากิน ค่าน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ประมาณ 50,000 บาท/เดือน
ปีที่ 1 ในการทำธุรกิจ(ลงทุนประมาณ 50,000 บาท)
- ไม่มีหน้าร้าน ทำเองขายเอง ขายตามงานต่างๆ
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ได้ประมาณ 20,000 บาท โดยประมาณ
ปีที่ 2 (ลงทุนเพิ่มไปอีก 600,000 บาท)
- เดินทางไปดูสินค้าเข้ามาขายที่ประเทศจีน เปิดร้านขาย ปลีก - ส่ง
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ประมาณ 70,000 บาท โดยประมาณ
ปีที่ 3 (ลงเพิ่มอีก 1,200,000 บาท)
- เดินทางไปดูสินค้าเข้ามาขายที่ประเทศอินโดนีเซีย(กำลังมีแผนจะเป็นสาขา 2 -3)
- กำไรสุทธิ เฉลี่ยต่อเดือน ประมาณ 200,000 บาท โดยประมาณ
โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้
- ตั้งเป้าเติมโตในแง่ของรายรับ 30%
- ปรับยอดกำไรสุทธิให้ได้ 45% ของรายรับ
- รักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ อย่างน้อย 30%
- จัดการเรื่องการจ่ายภาษี ให้ดีขึ้น
- เปิดสาขาเพิ่มอย่างน้อย 1 สาขา(อันนี้อยู่ที่ความพร้อมในเรื่องการจัดการเป็นหลัก)
สรุป การทำธุรกิจของผม เคยได้ยินมามากว่า เราไม่เก่ง เราไม่มีเงินทุน เราไม่รู้เรื่อง เราไม่มีที่ปรึกษา ผมก็เลยอยากจะยกเคสของตัวเองให้ดูว่าผมเริ่มจากเงินทุนไม่มาก ไม่ได้เป็นคนที่เก่งมาจากไหน ลองผิดลองถูกไปเรื่อย
ส่วนเคล็ดลับในการทำธุรกิจของผมคือ
1.ต้องขยัน และอดทน
2.ต้องไม่เหลิง ไม่หยิ่ง และอย่าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น
3.ต้องเปิดมุมมองให้กว้าง
4.ต้องรู้จักเรียนรู้
5.ต้องรู้จักตื่นตัวปรับตัวอยู่เสมอ
6.ต้องรู้จักถอย ในจังหวะที่ควรจะถอย
ปล.โดยส่วนตัว อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่นบ้าง หลังจากได้อ่านบทความดีๆ ใน pantip มามา