ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯ มือเสือ
เข้าสู่ช่วงนับถอยหลัง 10 วันก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
โพลสำรวจพบอาการของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เคยทรงๆ ทรุดๆ ได้เข้าสู่ภาวะทรุดยาวต่อเนื่อง
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คะแนนนิยมหลุดลงไปอยู่ที่ 29.9 ห่างจากพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถึง 16.7 จุดว่า
น่าจะมาจาก 2 ปัจจัยหลัก
อย่างแรก คือ การปราศรัยด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ
อย่างที่สอง คือ การที่พรรคประชาธิปัตย์ปัดฝุ่นรื้อฟื้นเรื่อง"เผาบ้านเผาเมือง" ขึ้นมาโจมตีคู่แข่ง
ซึ่งสอดคล้องกับนักวิชาการและนักสันติวิธีที่มองว่า มุขเผาบ้านเผาเมืองที่ปล่อยออกมาช่วงนี้เพื่อเบรกกระแสคู่แข่ง ไม่ต่างจากนิทานหมาป่ากับลูกแกะ
ถึงเอ็งไม่ได้ทำ แต่พ่อเอ็งก็ทำ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ประชาธิปัตย์ใช้ได้ผลมาแล้วในพื้นที่กทม.ในการเลือกตั้งใหญ่ 3 ก.ค.2554
ครั้งนี้ได้ผลหรือไม่ ยังน่าสงสัย
เนื่องจากเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ฝุ่นควันเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ยังฟุ้งตลบ คนจำนวนไม่น้อยไม่มีเวลาทำความเข้าใจเบื้องหลังเหตุการณ์อย่างลึกซึ้งเพียงพอ
แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม ถึงคนจำนวนมากจะเข้าใจสิ่งๆ ต่างมากขึ้น แต่เชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อยที่ไม่เข้าใจเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่ทุกคนรู้สึกตรงกันก็คือ
เบื่อความขัดแย้งทางการเมืองเต็มทน
เบื่อจนมาถึงจุดที่ว่าต่อให้เส้นทางปรองดองสมาน ฉันท์ยังอยู่อีกไกลโพ้น ก็พร้อมจะอดทนและรอคอย
ระหว่างที่ประชาชนกำลังอดทนและรอคอยนี้เอง
หากมีพรรคการเมืองใดเพียรพยายามทำลายความหวังของประชาชน
มุ่งเอาชนะทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่หยิบยกขึ้นมาบิดเบือนทำลายคู่แข่งนั้น จะเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้นหรือไม่
ก็สมควรถูกประชาชนลงโทษ
มุขเผาบ้านเผาเมืองแทนที่จะเป็นไพ่ตาย
ก็จะกลับกลายเป็น"ไพ่ฆ่าตัวตาย"ไปในที่สุด
======================
น่าคิด เพราะปชป.ไม่เคยคิด ไม่เคยวิเคราะห์
ได้แต่ใช้โวหาร โจมตีคู่แข่ง หลงยุค ตกเทรน
ตราบใดที่ยังมีหัวหน้าพรรคแบบนี้
ไพ่(ฆ่าตัว)ตาย
ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯ มือเสือ
เข้าสู่ช่วงนับถอยหลัง 10 วันก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
โพลสำรวจพบอาการของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เคยทรงๆ ทรุดๆ ได้เข้าสู่ภาวะทรุดยาวต่อเนื่อง
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คะแนนนิยมหลุดลงไปอยู่ที่ 29.9 ห่างจากพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถึง 16.7 จุดว่า
น่าจะมาจาก 2 ปัจจัยหลัก
อย่างแรก คือ การปราศรัยด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ
อย่างที่สอง คือ การที่พรรคประชาธิปัตย์ปัดฝุ่นรื้อฟื้นเรื่อง"เผาบ้านเผาเมือง" ขึ้นมาโจมตีคู่แข่ง
ซึ่งสอดคล้องกับนักวิชาการและนักสันติวิธีที่มองว่า มุขเผาบ้านเผาเมืองที่ปล่อยออกมาช่วงนี้เพื่อเบรกกระแสคู่แข่ง ไม่ต่างจากนิทานหมาป่ากับลูกแกะ
ถึงเอ็งไม่ได้ทำ แต่พ่อเอ็งก็ทำ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ประชาธิปัตย์ใช้ได้ผลมาแล้วในพื้นที่กทม.ในการเลือกตั้งใหญ่ 3 ก.ค.2554
ครั้งนี้ได้ผลหรือไม่ ยังน่าสงสัย
เนื่องจากเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ฝุ่นควันเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ยังฟุ้งตลบ คนจำนวนไม่น้อยไม่มีเวลาทำความเข้าใจเบื้องหลังเหตุการณ์อย่างลึกซึ้งเพียงพอ
แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม ถึงคนจำนวนมากจะเข้าใจสิ่งๆ ต่างมากขึ้น แต่เชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อยที่ไม่เข้าใจเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่ทุกคนรู้สึกตรงกันก็คือ
เบื่อความขัดแย้งทางการเมืองเต็มทน
เบื่อจนมาถึงจุดที่ว่าต่อให้เส้นทางปรองดองสมาน ฉันท์ยังอยู่อีกไกลโพ้น ก็พร้อมจะอดทนและรอคอย
ระหว่างที่ประชาชนกำลังอดทนและรอคอยนี้เอง
หากมีพรรคการเมืองใดเพียรพยายามทำลายความหวังของประชาชน
มุ่งเอาชนะทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่หยิบยกขึ้นมาบิดเบือนทำลายคู่แข่งนั้น จะเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้นหรือไม่
ก็สมควรถูกประชาชนลงโทษ
มุขเผาบ้านเผาเมืองแทนที่จะเป็นไพ่ตาย
ก็จะกลับกลายเป็น"ไพ่ฆ่าตัวตาย"ไปในที่สุด
======================
น่าคิด เพราะปชป.ไม่เคยคิด ไม่เคยวิเคราะห์
ได้แต่ใช้โวหาร โจมตีคู่แข่ง หลงยุค ตกเทรน
ตราบใดที่ยังมีหัวหน้าพรรคแบบนี้