พฤติกรรมหลังพวงมาลัยกับพฤติกรรมหลังไมค์

กระทู้สนทนา
เห็นถกเกียงกันมาหลายวัน กลัวตกกระแส และไม่อยากเห็นมันเลยเถิดไปกว่านี้น่ะครับ ไม่อยากให้มันเป็นเหตุให้ใครหรือฝ่ายไหนต้องมาเลิกแสดงความคิดเห็นกันที่นี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เพราะมันจะทำให้ขาดความหลากหลายไป
เดี๋ยวจะกลายเป็นวันๆมานั่งทักทายกระหนุงหระหนิง อวยคนนั้นชมคนนี้ชอบเหมือนกันเลยประมาณนั้นน่าเบื่อแย่
ถูกผิดเหมาะสมไม่เหมาะสมยังไงผมคงไม่บังอาจไปก้าวล่วงตัดสินได้
แต่เชื่อว่าทุกท่านก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจกับการกระทำของตนอยู่แล้ว
เพียงอยากเปรียบเทียบให้เห็นว่า พฤติกรรมที่เราแสดงออกกันอยู่นี้มันคล้ายๆกับ พฤติกรรมของคนที่ขับรถน่ะครับ
เคยสังเกตุมั๊ยครับ คนนิสัยดีๆพอได้ไปอยู่หลังพวงมาลัย ก็กลับกลายเป็นคนหยาบคายเห็นแก่ตัวไปได้
จากคนมีเหตุผลกลายเป็นคนที่เสี่ยงทำอะไรที่มันไม่ได้คุ้มค่าเลยเช่น
ขับเร็วเกินไปจนเกิดอุบัติเหตุเพียงเพื่อจะได้ถึงที่หมายเร็วกว่าเดิมไม่กี่นาที
ยอมไม่ได้ที่มีคนมาปาดหน้าท้าทายจนสุดท้ายเกิดทะเลาะวิวาทจนเป็นคดีหรือร้ายแรงถึงชีวิต

ทั้งๆที่ทุกคนล้วนมีจุดหมายเดียวกันคือต้องการไปถึงที่หมายให้ได้ดังใจ
แต่การจะไปถึงที่หมายเราก็ไม่น่าจะลงทุนเปลี่ยนตัวตนของเราไปขนาดนั้นเลยไม่ใช่หรือ

กับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในบอร์ดนี้ก็เหมือนกัน
มันก็แค่ความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละท่าน
ส่วนมากจะจริงจังเพราะอยากให้ได้อย่างใจตัว?
เชื่อเถอะครับว่าตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคนไม่ว่าจะอยู่หลังไมค์หรือหลังพวงมาลัย ที่เราชิงชังกันไปนั้น
อาจจะไม่ได้ชั่วช้าเลวทรามจนเกินไปหรอก
เพราะผลของการที่"อิน"กันเกินไปมากกว่า
ที่ทำให้เค้าแสดงออกกันมาอย่างนั้น
แล้วอคติก็จะพาเราจินตนาการไปว่า คนที่เราเกลียดนั้นต้องเป็นคนชั่วสุดๆ ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ไปเลย
ความจริงแล้ว
แค่เพียงการพูดคุยกันอย่างเปิดอก ลดฐิธิกันลงมานิด กับคำขอโทษและการให้อภัยกัน
เราก็อยู่ร่วมกันในสังคมหลากหลายนี้ได้อย่างเป็นสุขไม่ยากเย็น

กรณีเรื่องหลังไมค์ที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี้ หวังว่าคงไม่ต้องไปเปิดเป็นมวยมหากุศลก่อนอีกนะครับถึงจะเข้าอก เข้าใจกันได้
ลดอคติกันลงมานิดก็พอ

เอ๊ะแต่ก็ไม่แน่นะ ผลของมวยมันออกมาดีเหมือนกัน ได้เจอได้พูดคุยกันจริงๆกลายเป็นเพื่อนกันได้อย่างที่เห็นก็ไม่เลวเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่