เคยอ่านบทความจากเอกสารฉบับหนึ่งที่เคยมีคนส่งให้ดู ลองอ่านดูกันนะครับ
" ปัญหาของพระสงฆ์กับเทคโนโลยีอยู่ที่วัตถุประสงค์ว่าใช้เพื่ออะไร ใช้ในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร แต่การพิจารณาว่าอะไรควรหรือไม่ควรก็มิใช่เรื่องที่ตัดสินได้ง่ายนัก เมื่อมีหลักในการเทียบเคียงแล้ว พระสงฆ์ก็ควรเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะโดยไม่ขัดกับพระธรรมวินัย "
การที่พระภิกษุใช้อินเทอร์เน็ตในการหาความรู้ และเพื่อเผยแผ่ธรรมะ ส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าใช้เพื่อการแชตเกี้ยวพาราสีผู้หญิง หรือท่องเว็บลามก ติดต่อสื่อสารในทางที่ไม่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็เป็นสิ่งไม่สมควร ซึ่งโลกปัจจุบันไม่ควรห้ามใช้อินเทอร์เน็ต เพราะเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่สิ่งสำคัญคือการต้องถวายคำแนะนำให้พระสงฆ์รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสื่ออินเทอร์เน็ตจะมีคุณหรือโทษไม่ได้ด้วยตัวมันเอง สำคัญที่ผู้ใช้
สำหรับคฤหัสถ์ การที่จะนำข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยของพระสงฆ์ที่นอกรีตนอกรอยบางรูปบางองค์มาสั่งห้ามย่อมไม่ถูกต้อง คอมพิวเตอร์ก็ดี อินเทอร์เน็ตก็ดี เทคโนโลยีอื่นๆเช่นหนังสือพิมพ์รายวัน หนังสือเล่ม นิตยสาร หรือแม้แต่ละครโทรทัศน์และหรือภาพยนตร์ เครื่องมืออันทันสมัยเหล่านี้ หากรู้จักใช้จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นถ้าเห็นพระใช้คอมพิวเตอร์ (ในทางที่ถูกต้องดีงาม) ก็อย่ารีบไปตำหนิหรือตั้งป้อมมองท่านในแง่ลบเลย อนุโมทนากับท่านเถิด
อนึ่ง จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ใคร พระรูปไหน ก็ควรจำแนกแยกแยะเป็นกรณีๆไป ไม่ใช่เห็นพระด้อยการศึกษารูปเดียว ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมอยู่ในกุฏิ แล้วก็พานตีขลุมว่าพระที่ใช้คอมพิวเตอร์แย่ไปเสียทั้งหมด การติเรือทั้งโกลนนั้นไม่เป็นผลดีกับใครเลย ทั้งตัวผู้ถูกติและตัวผู้ติเอง ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ใครก็ควรใช้วิจารณญาณให้มากๆหน่อย ลดอารมณ์และอคติลงเสียบ้าง เปิดพื้นที่ว่างให้สมองได้ใช้เหตุผลเยอะๆ การพระศาสนาในประเทศของเราจะก้าวไกลไปกว่านี้มาก ไม่ใช่เห็นพระไปซื้อคอมพิวเตอร์ที่ร้าน หรือนั่งจิ้มแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในกุฏิ ก็รีบสรุปอย่างง่ายๆว่า "ตายแล้ว ศาสนาจะเสื่อม" ขอเตือนว่าศาสนาจะไม่เสื่อมเพราะพระรู้จักใช้เทคโนโลยีหรอก แต่ศาสนาจะเสื่อมก็เพราะการหมกมุ่นอยู่ในวิธีคิดหรือโลกทัศน์อันคับแคบของชาวพุทธอย่างเราๆทั้งหลายนี่เอง
พระสงฆ์ กับ เทคโนโลยี
" ปัญหาของพระสงฆ์กับเทคโนโลยีอยู่ที่วัตถุประสงค์ว่าใช้เพื่ออะไร ใช้ในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร แต่การพิจารณาว่าอะไรควรหรือไม่ควรก็มิใช่เรื่องที่ตัดสินได้ง่ายนัก เมื่อมีหลักในการเทียบเคียงแล้ว พระสงฆ์ก็ควรเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะโดยไม่ขัดกับพระธรรมวินัย "
การที่พระภิกษุใช้อินเทอร์เน็ตในการหาความรู้ และเพื่อเผยแผ่ธรรมะ ส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าใช้เพื่อการแชตเกี้ยวพาราสีผู้หญิง หรือท่องเว็บลามก ติดต่อสื่อสารในทางที่ไม่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็เป็นสิ่งไม่สมควร ซึ่งโลกปัจจุบันไม่ควรห้ามใช้อินเทอร์เน็ต เพราะเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่สิ่งสำคัญคือการต้องถวายคำแนะนำให้พระสงฆ์รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสื่ออินเทอร์เน็ตจะมีคุณหรือโทษไม่ได้ด้วยตัวมันเอง สำคัญที่ผู้ใช้
สำหรับคฤหัสถ์ การที่จะนำข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยของพระสงฆ์ที่นอกรีตนอกรอยบางรูปบางองค์มาสั่งห้ามย่อมไม่ถูกต้อง คอมพิวเตอร์ก็ดี อินเทอร์เน็ตก็ดี เทคโนโลยีอื่นๆเช่นหนังสือพิมพ์รายวัน หนังสือเล่ม นิตยสาร หรือแม้แต่ละครโทรทัศน์และหรือภาพยนตร์ เครื่องมืออันทันสมัยเหล่านี้ หากรู้จักใช้จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นถ้าเห็นพระใช้คอมพิวเตอร์ (ในทางที่ถูกต้องดีงาม) ก็อย่ารีบไปตำหนิหรือตั้งป้อมมองท่านในแง่ลบเลย อนุโมทนากับท่านเถิด
อนึ่ง จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ใคร พระรูปไหน ก็ควรจำแนกแยกแยะเป็นกรณีๆไป ไม่ใช่เห็นพระด้อยการศึกษารูปเดียว ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมอยู่ในกุฏิ แล้วก็พานตีขลุมว่าพระที่ใช้คอมพิวเตอร์แย่ไปเสียทั้งหมด การติเรือทั้งโกลนนั้นไม่เป็นผลดีกับใครเลย ทั้งตัวผู้ถูกติและตัวผู้ติเอง ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ใครก็ควรใช้วิจารณญาณให้มากๆหน่อย ลดอารมณ์และอคติลงเสียบ้าง เปิดพื้นที่ว่างให้สมองได้ใช้เหตุผลเยอะๆ การพระศาสนาในประเทศของเราจะก้าวไกลไปกว่านี้มาก ไม่ใช่เห็นพระไปซื้อคอมพิวเตอร์ที่ร้าน หรือนั่งจิ้มแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในกุฏิ ก็รีบสรุปอย่างง่ายๆว่า "ตายแล้ว ศาสนาจะเสื่อม" ขอเตือนว่าศาสนาจะไม่เสื่อมเพราะพระรู้จักใช้เทคโนโลยีหรอก แต่ศาสนาจะเสื่อมก็เพราะการหมกมุ่นอยู่ในวิธีคิดหรือโลกทัศน์อันคับแคบของชาวพุทธอย่างเราๆทั้งหลายนี่เอง