ต่อเนื่องมาจาก กระทู้ "อิสลามกับโจรร้ายทำลายศาสนา..มุนาฟิก"

กระทู้สนทนา
ในศาสนาอิสลาม เราถูกสอนมาให้กล่าวแต่ความเป็นจริงและด้วยความยุติธรรม  ดังนั้นมุสลิมจึงจำเป็นจะต้องยอมรับความจริง และ กล่าวแค่ความจริง เกี่ยวกับ หลักการของอิสลาม โดยไม่มีใจลำเอียงหรือ อคติ  ซึ่งคำอธิบายนี้ เกี่ยวกับ คำศัพท์ “มูนาฟิก” ที่ใช้ในบทความตามหัวข้อกระทู้นี้

  http://ppantip.com/topic/30161465

คำว่า “มูนาฟิก” ในอิสลาม มีความหมาย สองประการ คือ

1. ความหมาย ที่เกี่ยวกับความศรัทธาทางศาสนา ซึ่งหมายถึงผู้ที่แสดงออก ภายนอกว่าเป็นมุสลิม แต่ภายในจิตใจไม่มีความศรัทธาต่อศาสนาอิสลามอย่าง แท้จริง

In Islam, a munāfiq (n., in Arabic: منافق, plural munāfiqūn) is a religious hypocrite who outwardly practices Islam while inwardly concealing his disbelief (kafir), perhaps even unknowingly.

2. ความหมายตามศัพท์ภาษาอรับโดยทั่วๆไป ไม่เกี่ยวกับศาสนา  หมายถึง บุคคลที่มีการกระทำตรงกันข้ามกับความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจของเขา, ซึ่งเขาซ่อนเ้ร้นไว้

The Arabic term munāfiq (also used in Bengali and Urdu) is primarily a non-religious one, referring more broadly to a person whose actions are different from and opposite to his thoughts, which he conceals.
In the Quranic sense, a munāfiq is one who only pretends to have faith in Islam:
ตามความหมายในอัลกุรอาน “หมายถึงผู้ที่แกล้งทำเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ในความหมายของศัตรูของอิสลาม ที่แกล้งทำเป็นนับ ถือศาสนาอิสลาม ในขณะเดียวกันก็ เป็นไส้ศึกในการทำลายอิสลาม  ซึ่ง มี กล่าว ไว้ในอัลกุรอานว่า

When the Hypocrites come to thee, they say, "We bear witness that thou art indeed the Messenger of Allah." Yea, Allah knoweth that thou art indeed His Messenger, and Allah beareth witness that the Hypocrites are indeed liars.
—Sura 63 (Al-Munafiqun) ayah 1, Quran

อัลกุรอานมีอยู่เป็นร้อย บัญญัติที่กล่าวถึง พวก “มูนาฟิก” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมมุสลิมและศาสนาอิสลามมากกว่า “อันตรายที่จะได้รับจาก ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม"

The Quran has hundreds of ayat (verses) discussing munāfiqūn, referring to them as more dangerous to Muslims than the worst non-Muslim enemies of Islam. The Quran states,
When it is said to them: "Come to what Allah hath revealed, and to the Messenger": Thou seest the Hypocrites avert their faces from thee in disgust.
—Sura 4 (An-Nisa), ayah 61, Quran

The Hypocrites, men and women, (have an understanding) with each other: They enjoin evil, and forbid what is just, and are close with their hands. They have forgotten Allah; so He hath forgotten them. Verily the Hypocrites are rebellious and perverse.
—Sura 9 (At-Tawba), ayah 67, Quran

Lo! the hypocrites say, and those in whose hearts is a disease: "These people,- their religion has misled them." But if any trust in Allah, behold! Allah is Exalted in might, Wise.
—Sura 8 (Al-Anfal), ayah 49, Quran

Already has He sent you Word in the Book, that when ye hear the signs of Allah held in defiance and ridicule, ye are not to sit with them unless they turn to a different theme: if id, ye would be like them. For Allah will collect the hypocrites and those who defy faith - all in Hell:-
—Sura 4 (An-Nisa), ayah 140, Quran


The Hypocrites are afraid lest a Sura should be sent down about them, showing them what is (really passing) in their hearts. Say: "Mock ye! But verily Allah will bring to light all that ye fear (should be revealed).
—Sura 9 (At-Tawba), ayah 64, Quran


The Hypocrites will be in the lowest depths of the Fire: no helper wilt thou find for them;-
—Sura 4 (An-Nisa), ayah 145, Quran


According to Sahih al-Bukhari,

จากฮาดีษบุคอรี มีกล่าวไว้ว่า

Narrated Abu Huraira:

The Prophet said, "The signs of a hypocrite are three:

1. Whenever he speaks, he tells a lie.
2. Whenever he promises, he always breaks it (his promise).
3. If you trust him, he proves to be dishonest. (If you keep something as a trust with him, he will not return it.)"

—Muhammad al-Bukhari, Sahih al-Bukhari[8]


Narrated 'Abdullah bin 'Amr:

The Prophet said, "Whoever has the following four (characteristics) will be a pure hypocrite and whoever has one of the following four characteristics will have one characteristic of hypocrisy unless and until he gives it up.
1. Whenever he is entrusted, he betrays.
2. Whenever he speaks, he tells a lie.
3. Whenever he makes a covenant, he proves treacherous.
4. Whenever he quarrels, he behaves in a very imprudent, evil and insulting manner."

—Muhammad al-Bukhari, Sahih al-Bukhari[9]

คำว่า  “มูนาฟืก” นี้จึงสามารถที่จะใช้กับผู้ก่อการร้ายที่เป็นมุสลิม ผู้ซึ่งครั้งหนึ่ง ใน ชีวิตของเขาเคยปฏิญาณตนว่า

"I bear witness that there is no god except God and I bear witness that Muhammad is the Messenger of God."

หรือ ตามภาษาอรับกล่าวว่า

"Ash hadu anlaa ilaaha illallaahu wa ash hadu anna muhammadar-rasulallah"

ตัวอย่างผู้ก่อการร้ายที่เป็น “มูนาฟิก” ทั้งทางศาสนาและทาง “สังคมมนุษย์” ก็คือ

“นาย อุสมาน บินลาเด็น”, ฆาตกรตัวสำคัญ ที่ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ นับเป็น พันๆคน โดยการทำศึกกับศัตรู "ซึ่งผิดหลักการสงครามของอิสลาม"

     นายบินลาเด็นนี้ สังคมมุสลิมส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด ยังยอมรับนับถือเขาว่าเขายังมีสภาพเป็นมุสลิมอยู่ และเป็นวีรบุรุษของ มุสลิมเกือบทั่วโลก  ไม่มีมุสลิม ผู้ใดปฏิเสธว่า “นายบินลาเด็นไม่ใช่มุสลิม” อย่างแน่นอน นายบินลาเด็น เป็นผู้ก่อการร้าย ตาม ลักษณะผู้ก่อการร้าย ตาม เนื่อหาของกระทู้นั้น  ศพของ นายบินลาเด็น ได้จัดพิธีการฝัง ในทะเล ตามหลักการของประเพณีมุสลิม และศาสนาอิสลาม, โดยท่านอีมามจากปากีสตาน เป็นผู้ให้คำแนะ นำและเป็นผู้ประกอบพิธี

จากเนื้อหาในกระทู้ เขียนว่า..

“ปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ พวกนี้ไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นพวก ทำลายศาสนา "มุนาฟิก" ความหมายคือ คนชั่วที่แอบเข้ามารับอิสลาม แล้วแอบทำลายศาสนาอิสลาม”

คำกล่าวแก้ตัวเช่นนี้ที่เป็นสาเหตุให้ ผู้ต่างศรัทธา เข้าใจได้ยาก, อิสลาม เชื่อ ในวันตัดสิน ความดีความเลว เชื่อใน นรก สวรรค์ เชื่อว่าความดีความเลว เมือทำแล้ว จะได้รับผลตอบแทนทางการกระทำ ในปรโลก

การที่จะกล่าวว่า เมื่อมุสลิมที่ปฏิญาณตัวเข้ารับนับถืออิสลาม แล้วครั้งหนึี่ง ในชีวิต   แต่เมื่อทำความชั่วแล้ว จะหลุดพ้นจากการเป็นมุสลิม โดยที่เจ้าตัว ไม่ได้ ประกาศ ยกเลิกการนับถือศาสนาอิสลาม ด้วยตัวของเขาเอง  

คือว่าสังคมมุสลิม ไม่ยอมรับผิดชอบในการกระทำความเลวของ พี่น้องมุสลิม ด้วย กัน ที่ทำต่อสังคมโดยรวม  ถ้ามุสลิมผู้ใดทำเลว เขาก็หลุดพ้นจาก การ เป็นมุสลิมทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น การตัดสินบุญและบาป ในปรโลก จะมีบัญญัติไว้เพื่ออะไร?  

สังคมมุสลิมทำศพให้ผู้ตายตาม แบบฉบับของอิสลาม โดย คณะกรรมการ อิสลามประจำจังหวัด   หรือญาติพี่น้อง ที่เป็นมุสลิม ยังยอมรับ ว่า เขา เป็นมุสลิม คือว่าสภาพ ความเป็นมุสลิมของเขายังไม่สิ้นสุด  จนกระทั้ง วันตัดสิน

การทำศพให้แก่มุสลิมเป็นหน้าที่ของ ชุมชนมุสลิม ถ้าเราแน่ใจว่าเขา เป็นมุสลิม หรือมีสภาพความเป็นมุสลิม อยู่ตามคำปฏิญาณของเขา, ถึงแม้ศพ มนุษย์ผู้ใดก็ตามที่ไม่ทราบแน่นอนว่านับถือศาสนาอะไร มุสลิมก็จะต้องนำไปฝังให้ หรือ แจ้งเจ้าหน้าที่ ให้รับศพไป จัดการตามระเบียบของ ศพไม่มีญาติ

การที่มุสลิมกล่าวว่า..

“ปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ พวกนี้ไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นพวกทำลายศาสนา "มุนาฟิก" ความหมายคือ คนชั่วที่แอบ เข้ามารับอิสลาม แล้วแอบทำลายศาสนาอิสลาม”


นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ต่างศรัทธา ไม่เข้าใจเนื่องจากมุสลิมเราไม่ยอมรับ ว่าผู้กระทำความชั่วร้าย ที่เป็นมุสลิม ก็คือมุสลิม  เรื่องถึงยืดเยื้อไม่สิ้นสุด เข้าทำนองว่า มุสลิม พยายามปกป้อง มุสลิมที่ทำชั่ว, และไม่เคยมีมุสลิมที่ประ กอบกรรมชั่วเลย  ซึ่งไม่เป็นการถูกต้อง และ ให้ความยุติธรรมต่อสังคม โดยรวมและทำให้ผู้ต่างศรัทธา เห็นว่ามุสลิมเรา ขาดความรับผิดชอบ ในการทำความเลวของมุสลิม แต่เลือกรับไว้เฉพาะส่วนดีเท่านั้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่เรียกได้ว่า เป็นการกระทำของ “มูนาฟิก” เช่นกัน

ปัญหาการตั้งกระทู้นี้จะไม่มีวันจบสิ้น ถ้ามุสลิมเรา ไม่ยอมรับ ความจริงและให้ความยุติธรรมในการสนทนา   ปัญหาเช่นนี้  โดยไม่ปัดความรับผิดชอบในการเป็นมุสลิมของพี่น้องมุสลิมในสังคมที่ทำความเลว, จริงอยู่คู่สนทนาบางท่านอาจจะรุนแรงต่อมุสลิมและศาสนาอิสลาม แต่ พระเจ้าสอนมุสลิมให้มีความอดทนและโต้ตอบด้วยสิ่งที่ดีกว่า ด้วยเหตุผลและหลักการของอิสลาม

   ท่านศาสดามูฮัมมัดกล่าวถึงลักษณะของ "มูนาฟิก" ว่า ดังนี้.....

                       "Whenever he quarrels, he behaves in a very imprudent, evil and insulting manner."
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่