ปัญหาโจรแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ พวกนี้ไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นพวกทำลายศาสนา "มุนาฟิก"
ความหมายคือ คนชั่วที่แอบเข้ามารับอิสลาม แล้วแอบทำลายศาสนาอิสลาม
ซึ่งท่านนบีรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทรงเตือนให้ระวังเป็นพิเศษ
เพราะพวกนี้ มันร้ายกว่าศัตรูอิสลาม ที่มองเห็นตัว..
ขอนำบทความ ของท่าน ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
เป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามแนวทางของท่านนบีรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เพื่อให้พี่น้องไทยมุสลิม ไทยพุทธ ไทยคริตส ไทยซิก ไทยฮินดู ไทยยูดาย ไทยทั้งชาติ
จะได้เข้าใจตรงกันว่า โจรพวกนี้ไม่มีศาสนา และกำลังทำลายศาสนาอิสลาม
เราคนไทยทุกคน ทุกศาสนา ต้องช่วยกันปกป้องศาสนาให้กันและกัน
เพราะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะดำรงค์คงอยู่ได้
ก็เพราะความเข้าใจ ความรักสามัคคี ของคนไทยทุกคน
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ของใครคนใดคนหนึ่ง
ไม่มีสิทธิที่จะนำไปแอบอ้าง ให้ถึงความสำเร็จ
ในความปราถนาอันชั่ว ของคนชั่วช้าลามก..
การเป็นมุนาฟิก ในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
คนชั่วปลอมตัวเป็นคนดี เข้ามาเพื่อใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำชั่ว
ทำให้ศานาถูกเกลียดชัง สบสัน แตกแยกกันเอง .
ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าในระหว่าง “ประชาชาติเดียวกัน” นี้ก็มีผู้ที่อีมานอ่อน นิสัยเสีย ขี้คร้านอิบาดะฮฺ หนำซ้ำยังมีจำนวนไม่น้อยที่รุนแรงถึงระดับขั้นเป็นมุนาฟิกผู้ชื่นชอบอริศัตรูผู้เป็นปฏิปักษ์กับอัลลอฮฺในการวางแผนร้ายต่อ “ประชาชาติเดียวกัน” คนกลุ่มนี้เป็นพวกที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการให้นาศีฮัตตักเตือน การชี้นำด้วยวิทยปัญญา และเปิดอกให้กว้าง ... อัลลอฮุลมุสตะอาน
พึงสดับต่อพระดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ได้เล่าถึงสันดานของพวกมุนาฟิก ซึ่งหัวใจของพวกเขาโดนรุมทำร้ายด้วยโรคของการชอบสร้างความปั่นป่วนและฟิตนะฮฺ เพื่อมุ่งหวังในการสร้างความหายนะและความอ่อนแอแก่สถานะของ “ประชาชาติเดียวกัน” ที่แข็งแกร่งในสมัยของท่านศาสนทูต พระองค์ตรัสว่า
“หากว่าพวกเขาออกไปพร้อมๆ กับพวกเจ้า(เพื่อทำการญิฮาด)แล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรเพิ่มแก่พวกเจ้านอกจากความเสียหายเท่านั้น
และแน่นอน พวกเขาก็ย่อมฉวยโอกาสยุแหย่ระหว่างพวกเจ้าโดยปรารถนาให้เกิดความวุ่นวายแก่พวกเจ้า
และในหมู่พวกเจ้านั้นก็มีพวกที่รับฟังพวกเขาอยู่ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในผู้อธรรมทั้งหลาย
แท้จริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้น(คือ อับดุลลอฮฺ บิน อุบัยย์ บินสะลูล และลูกน้องทั้งหลายที่เป็นมุนาฟิก)ได้แสวงหาความวุ่นวายมาก่อนแล้ว
และวางแผนต่างๆ นานาเพื่อต่อต้านเจ้า จนกระทั่งความจริงได้มา และพระบัญชาของอัลลอฮฺได้ประจักษ์ขึ้น ในสภาพที่พวกเขาไม่พอใจ”
(สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ, อายะฮฺ 47-48)
คุณลักษณะด้านลบบางประการของพวกมุนาฟิกที่มุ่งร้ายต่อ “ประชาชาติเดียวกัน” คือ
1 . สร้างความเสียหาย ยุแหย่ตะแคงรั่ว สร้างประเด็นปัญหาเพื่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
2 . ชอบที่จะสร้างความบาดหมางให้เกิดขึ้นในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
3 . ชอบที่จะสร้างฟิตนะฮฺความวุ่นวายในหมู่พวกเจ้า เพื่อให้เกิดความไม่ลงรอยกัน
4 . ชอบขวางแผนงานและทำลายกิจการต่างๆ ของ “ประชาชาติเดียวกัน”ซึ่งนำไปสู่ความล้มเลิกและความถดถอย
5 . พวกเขาเกลียดอยู่เสมอกับชัยชนะและความสำเร็จของ “ประชาชาติเดียวกัน” ในการฟื้นฟูศาสนาอิสลามของอัลลอฮฺและการสร้างความเจริญแก่ประชาชาตินี้ เพื่อสร้างความเมตตาธรรมให้เกิดขึ้นแก่โลกทั้งมวล
เหล่านั้นคือคุณลักษณะของเหล่ามุนาฟิกที่ถูกประนามในทุกยุคสมัยของ “ประชาชาติเดียวกัน” ความพยายามของพวกเขาก็คือเพื่อทำลายสถานะของ “ประชาชาติเดียวกัน” ในระหว่างสังคมมุสลิมด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็คือเครือข่ายศัตรูของอัลลอฮฺที่อยู่นอกวง“ประชาชาติเดียวกัน” ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโดยตรงหรือไม่ก็ตาม วัลอิยาซุบิลลาฮฺ มิน ซาลิก
นอกจากนั้น มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องระแวดระวังตัวเอง เพราะเกรงว่าอาจจะตกไปอยู่รวมกับพวกมุนาฟิกเหล่านี้โดยไม่ทันรู้สึกตัวด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวนี้คือสิ่งที่บรรดาเศาะหาบะฮฺต่างก็หวั่นเกรง เช่นที่ อิบนุ อบี มุลัยกะฮฺ ได้กล่าวว่า
“ฉันเคยพบกับเศาะหาบะฮฺบางท่าน พวกเขาทุกคนต่างก็หวั่นเกรงว่าตัวเองจะเป็นมุนาฟิก” ¹
อัล-หะสัน อัล-บัศรีย์ กล่าวว่า
“ไม่มีใครที่กลัวว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิกนอกจากว่าเขาคือ มุอ์มินที่แท้จริง
และไม่มีใครที่ทำเฉยเมยไม่กังวลว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิก นอกจากว่าเขานั่นแหละคือมุนาฟิกแล้ว” ²
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้หนึ่งจะไม่กลัวว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิก ถ้าหากเขารู้ว่าในจำนวนคุณลักษณะหลักๆ ของมุนาฟิกตามที่อัลลอฮฺได้สาธยายในอัลกุรอานบางโองการนั้นช่างสอดคล้องและตรงตามสภาพจริงของเราเสียเหลือเกิน เช่น การละหมาดด้วยความเกียจคร้าน
ไม่ชอบที่จะใช้จ่ายทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺเว้นแต่ด้วยอาการไม่พอใจและถูกบังคับ ชอบโกหกมดเท็จ ชอบทำลายความเชื่อถือและคิดร้ายต่ออัลลอฮฺ รวมทั้งไม่วะลาอ์ต่อผู้นำของเหล่าผู้ศรัทธา วัลลอฮุอะอฺลัม
นอกจากนี้ บรรดาผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นมุนาฟิกในทัศนะของอัลลอฮฺนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่รู้สึกตนว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น
“ทว่า พวกเขา (มุนาฟิก) ไม่รู้ตัว”
(สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ, อายะฮฺ 12)
และคนทั่วไปก็ไม่สามารถจะแยกแยะได้ชัดเจนว่าใครเป็นมุนาฟิกหรือไม่ อัลลอฮฺตรัสว่า
“เจ้า(โอ้ มุหัมมัด)ไม่รู้จักพวกเขา แต่อัลลอฮฺรู้จักพวกเขาดี”
(สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ, อายะฮฺ 101)
โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริง ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากนิฟากและมุนาฟิก โอ้ อัลลอฮฺขอทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นมุอ์มินที่สัจจริง และอย่าได้ทำให้ข้าพระองค์เป็นผู้โกหก ด้วยพระเมตตาของพระองค์ โอ้ ผู้ทรงเมตตาที่สุดในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย..
ชัดเจนโจรชั่วร้าย ฆ่าคน วางเพลิง พวกนี้ไม่ใช่อิสลาม แต่เป็นพวกบ่อนทำลายศาสนา ตกศาสนา ตกนรกชั้นต่ำ
มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน กลับใจถอยออกมา อย่าเชื่อโจร พากันหลงทาง ไปลงนรกกัน.
ช่วยกันแฉความชั่วฉ้อฉลของโจรร้ายทำลายศาสนา ได้บุญมากมายครับ
พี่น้องสมาชิกคนไทย ใครเห็นด้วย ช่วยให้คะแนนด้วยครับ จะได้อยู่นานๆให้คนเห็นเยอะๆ..
รายได้พิเศษ เพียงแจ้งเบาะแสโจรร้าย รางวัลหลายล้าน ตัดเอาแต่หัวมาก็ได้ จ่ายแน่จ่ายจริง
ช่วยกันฆ่าพวกทำลายศาสนา ได้ทั้งบุญได้ทั้งเงิน..
นายสะแปอิง บาซอ ที่มีการเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง รวมถึงในเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ด้วย รางวัลนำจับ 10 ล้านบาท ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, อั้งยี่ และซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114, 135/1, 135/2, 209 และ 210
ประกาศจับดังกล่าวนี้มีการระบุถึงข้อมูลส่วนตัวและรูปพรรณของ นายสะแปอิง...เช่นวัน-เดือน-ปีเกิด อายุ เพศ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา บ้านเลขที่ โดยมีการระบุว่านายสะแปอิงเป็นตัวการสำคัญในการกระทำผิดเพื่อแบ่งแยกดินแดน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นคดีที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ ประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
หากผู้ใดมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับบุคคลนี้กรุณาติดต่อโดยตรงที่ กรม สอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 0-4700-1742, 0-2831-9998-9 (สาย ตรง) หรือ 0-283... ต่อ 1001 หรือ 1002 หรือที่เว็บไซต์ http:// www.dsi.go.th : webmaster@dsi.go.th จะมีรางวัลนำจับ 10 ล้านบาท
รางวัล นำจับ 10 ล้านบาทนั้น จะแยกจ่ายเป็น 2 ส่วนคือ 1.ผู้ที่สามารถให้เบาะแส หรือข้อมูลข่าวสาร แก่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ผู้อำนวยการ สสส.จชต. หรือผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการเข้าจับกุมและดำเนินคดีกับนายสะแปอิง บาซอ จนเป็นผลสำเร็จ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท และ 2.เจ้าพนักงานผู้ทำการจับกุม รวมถึงผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานจนสามารถจับกุม จำนวน 5 ล้านบาท
ไม่ เฉพาะ นายสะแปอิง บาซอ ที่มี “ประกาศจับ” ทางดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีประกาศจับผู้ที่มีหลักฐานว่าอาจเป็นผู้ร่วมขบวนการก่อความไม่สงบใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คนอื่น ๆ อีกหลายคน
บางกลุ่ม 10 กว่าคน...มีการทำเป็น “โปสเตอร์ประกาศจับ”
โปสเตอร์ ประกาศจับที่ว่านี้จะคล้ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมอื่น ๆ โดยในโปสเตอร์มีข้อความทั้งภาษาไทย ภาษายาวี และทับศัพท์ภาษา ยาวีเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า...ผู้ต้องหาคดีก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ รางวัลนำจับ 2 ล้านบาท ประกอบด้วย...อับดุลรอซะ ฆาเด, รอมลี อุตรสินธุ์, สาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ นอกจากนี้ก็มี รางวัลนำจับ 1 ล้านบาท ประกอบด้วย...การูซามัน เจ๊ะดอเล๊าะ, อิสมาแอ มะเซ็ง, ดูนเลาะ แวมะนอ,ไพศอล หะยีสะมะแอ และ รางวัลนำจับ 5 แสนบาท ประกอบด้วย...ยะยา การูมอ, ญีฮาด หะยีมะ, มะสือดี คาหมิ๊, รอสดี มะยามา, มะซอเร มูดอ, มูฮำหมัดสูไฮมี กูนา, สดีรมัน มูดอ, อับดุลรอหิ สนิมิง ข้อหากบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ตามหมายจับศาลอาญา
ผู้ใดพบเห็นโปรดแจ้ง โทร. 1304 สายด่วนอาชญากรรมภาคใต้ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 0-167... โทรสาร 0-7334-0447 อีเมล oc-yala@police.go.th : webmaster@dsi.go.th ทุกข้อมูลของท่านทางราชการถือเป็นความลับที่สุด และขอรับรองความปลอดภัย ไม่มีการเปิดเผยโดยเด็ดขาด
“ปกติตำรวจจะใช้เป็นแผ่นประกาศจับขนาดเอ 4 ติดรูป มีรายละเอียดคนร้ายและข้อหา โดยมีระเบียบพิเศษการใช้ในกรณีคดีที่อุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญจริง ๆ ส่วนโปสเตอร์นั้นไม่เคยเห็นมีการใช้มาก่อน”...เป็นการให้ข้อมูลของ พ.ต.ท.ดร.ศักดา จิตต์ระเบียบ ภาควิชาสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ศูนย์ฝึกอบรม ตำรวจภูธรภาค 1
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ โฆษกดีเอสไอ ระบุถึง “โปสเตอร์ประกาศจับ” ว่า...เป็นแนวคิดใหม่ที่สำนักเทคโนโลยีของดีเอสไอคิดขึ้นมา ซึ่งการใช้โปสเตอร์กระดาษซึ่งเป็นวิธีแบบพื้น ๆ ง่าย ๆ จะสะดวก เหมาะสม และน่าจะให้ผลมากที่สุด “เพราะผู้ต้องหาจะมีรูปร่างหน้าตา มีหนวดมีเครามาก ซึ่งแยกแยะลำบาก จึงใช้แผ่นประกาศจับใหญ่ขนาดโปสเตอร์เพื่อให้ชัดเจน อีกทั้งในพื้นที่ภาคใต้การประกาศจับในเว็บไซต์เพื่อจะรับแจ้งเบาะแสก็ลำบาก ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตประชาชน”...โฆษกดีเอสไอกล่าว
“โปสเตอร์ประกาศจับ” คือเครื่องมือช่วยจับกุมในกรณีนี้
แต่กับ “แนวทางแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ” ก็จำเป็นต้องมี...
“รัฐบาล ต้องแก้ไขหลักความยุติธรรมที่เขาควรจะได้รับจากการถูก รังแก ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา”...เป็นแนวทางที่ควรให้ความสำคัญ ตามความเห็นของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
ขณะ ที่อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ก็ชี้ว่า...รัฐบาลต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการโจรก่อการ ร้าย ที่ประกอบด้วย...“ส่วนนำขบวนการ” ที่อยู่ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ที่ต้องเอาชนะ โดยการพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี, “กองกำลังติดอาวุธที่ก่อการ” ต้องแก้โดยใช้การทหารนำ และยังมี “แนวร่วมขบวนการ” ที่ต้องใช้การพัฒนาเชิงจิตวิทยาเข้ามาช่วยทั้งในเรื่องวัตถุ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ไทย-มุสลิม
เห็นด้วยกดคริก ตรงนี้ครับ..
อิสลามกับโจรร้ายทำลายศาสนา..มุนาฟิก
ความหมายคือ คนชั่วที่แอบเข้ามารับอิสลาม แล้วแอบทำลายศาสนาอิสลาม
ซึ่งท่านนบีรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทรงเตือนให้ระวังเป็นพิเศษ
เพราะพวกนี้ มันร้ายกว่าศัตรูอิสลาม ที่มองเห็นตัว..
ขอนำบทความ ของท่าน ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
เป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามแนวทางของท่านนบีรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เพื่อให้พี่น้องไทยมุสลิม ไทยพุทธ ไทยคริตส ไทยซิก ไทยฮินดู ไทยยูดาย ไทยทั้งชาติ
จะได้เข้าใจตรงกันว่า โจรพวกนี้ไม่มีศาสนา และกำลังทำลายศาสนาอิสลาม
เราคนไทยทุกคน ทุกศาสนา ต้องช่วยกันปกป้องศาสนาให้กันและกัน
เพราะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะดำรงค์คงอยู่ได้
ก็เพราะความเข้าใจ ความรักสามัคคี ของคนไทยทุกคน
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ของใครคนใดคนหนึ่ง
ไม่มีสิทธิที่จะนำไปแอบอ้าง ให้ถึงความสำเร็จ
ในความปราถนาอันชั่ว ของคนชั่วช้าลามก..
การเป็นมุนาฟิก ในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
คนชั่วปลอมตัวเป็นคนดี เข้ามาเพื่อใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำชั่ว
ทำให้ศานาถูกเกลียดชัง สบสัน แตกแยกกันเอง .
ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าในระหว่าง “ประชาชาติเดียวกัน” นี้ก็มีผู้ที่อีมานอ่อน นิสัยเสีย ขี้คร้านอิบาดะฮฺ หนำซ้ำยังมีจำนวนไม่น้อยที่รุนแรงถึงระดับขั้นเป็นมุนาฟิกผู้ชื่นชอบอริศัตรูผู้เป็นปฏิปักษ์กับอัลลอฮฺในการวางแผนร้ายต่อ “ประชาชาติเดียวกัน” คนกลุ่มนี้เป็นพวกที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการให้นาศีฮัตตักเตือน การชี้นำด้วยวิทยปัญญา และเปิดอกให้กว้าง ... อัลลอฮุลมุสตะอาน
พึงสดับต่อพระดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ได้เล่าถึงสันดานของพวกมุนาฟิก ซึ่งหัวใจของพวกเขาโดนรุมทำร้ายด้วยโรคของการชอบสร้างความปั่นป่วนและฟิตนะฮฺ เพื่อมุ่งหวังในการสร้างความหายนะและความอ่อนแอแก่สถานะของ “ประชาชาติเดียวกัน” ที่แข็งแกร่งในสมัยของท่านศาสนทูต พระองค์ตรัสว่า
“หากว่าพวกเขาออกไปพร้อมๆ กับพวกเจ้า(เพื่อทำการญิฮาด)แล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรเพิ่มแก่พวกเจ้านอกจากความเสียหายเท่านั้น
และแน่นอน พวกเขาก็ย่อมฉวยโอกาสยุแหย่ระหว่างพวกเจ้าโดยปรารถนาให้เกิดความวุ่นวายแก่พวกเจ้า
และในหมู่พวกเจ้านั้นก็มีพวกที่รับฟังพวกเขาอยู่ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในผู้อธรรมทั้งหลาย
แท้จริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้น(คือ อับดุลลอฮฺ บิน อุบัยย์ บินสะลูล และลูกน้องทั้งหลายที่เป็นมุนาฟิก)ได้แสวงหาความวุ่นวายมาก่อนแล้ว
และวางแผนต่างๆ นานาเพื่อต่อต้านเจ้า จนกระทั่งความจริงได้มา และพระบัญชาของอัลลอฮฺได้ประจักษ์ขึ้น ในสภาพที่พวกเขาไม่พอใจ”
(สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ, อายะฮฺ 47-48)
คุณลักษณะด้านลบบางประการของพวกมุนาฟิกที่มุ่งร้ายต่อ “ประชาชาติเดียวกัน” คือ
1 . สร้างความเสียหาย ยุแหย่ตะแคงรั่ว สร้างประเด็นปัญหาเพื่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
2 . ชอบที่จะสร้างความบาดหมางให้เกิดขึ้นในหมู่ “ประชาชาติเดียวกัน”
3 . ชอบที่จะสร้างฟิตนะฮฺความวุ่นวายในหมู่พวกเจ้า เพื่อให้เกิดความไม่ลงรอยกัน
4 . ชอบขวางแผนงานและทำลายกิจการต่างๆ ของ “ประชาชาติเดียวกัน”ซึ่งนำไปสู่ความล้มเลิกและความถดถอย
5 . พวกเขาเกลียดอยู่เสมอกับชัยชนะและความสำเร็จของ “ประชาชาติเดียวกัน” ในการฟื้นฟูศาสนาอิสลามของอัลลอฮฺและการสร้างความเจริญแก่ประชาชาตินี้ เพื่อสร้างความเมตตาธรรมให้เกิดขึ้นแก่โลกทั้งมวล
เหล่านั้นคือคุณลักษณะของเหล่ามุนาฟิกที่ถูกประนามในทุกยุคสมัยของ “ประชาชาติเดียวกัน” ความพยายามของพวกเขาก็คือเพื่อทำลายสถานะของ “ประชาชาติเดียวกัน” ในระหว่างสังคมมุสลิมด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็คือเครือข่ายศัตรูของอัลลอฮฺที่อยู่นอกวง“ประชาชาติเดียวกัน” ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโดยตรงหรือไม่ก็ตาม วัลอิยาซุบิลลาฮฺ มิน ซาลิก
นอกจากนั้น มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องระแวดระวังตัวเอง เพราะเกรงว่าอาจจะตกไปอยู่รวมกับพวกมุนาฟิกเหล่านี้โดยไม่ทันรู้สึกตัวด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวนี้คือสิ่งที่บรรดาเศาะหาบะฮฺต่างก็หวั่นเกรง เช่นที่ อิบนุ อบี มุลัยกะฮฺ ได้กล่าวว่า
“ฉันเคยพบกับเศาะหาบะฮฺบางท่าน พวกเขาทุกคนต่างก็หวั่นเกรงว่าตัวเองจะเป็นมุนาฟิก” ¹
อัล-หะสัน อัล-บัศรีย์ กล่าวว่า
“ไม่มีใครที่กลัวว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิกนอกจากว่าเขาคือ มุอ์มินที่แท้จริง
และไม่มีใครที่ทำเฉยเมยไม่กังวลว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิก นอกจากว่าเขานั่นแหละคือมุนาฟิกแล้ว” ²
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้หนึ่งจะไม่กลัวว่าตนเองจะเป็นมุนาฟิก ถ้าหากเขารู้ว่าในจำนวนคุณลักษณะหลักๆ ของมุนาฟิกตามที่อัลลอฮฺได้สาธยายในอัลกุรอานบางโองการนั้นช่างสอดคล้องและตรงตามสภาพจริงของเราเสียเหลือเกิน เช่น การละหมาดด้วยความเกียจคร้าน
ไม่ชอบที่จะใช้จ่ายทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺเว้นแต่ด้วยอาการไม่พอใจและถูกบังคับ ชอบโกหกมดเท็จ ชอบทำลายความเชื่อถือและคิดร้ายต่ออัลลอฮฺ รวมทั้งไม่วะลาอ์ต่อผู้นำของเหล่าผู้ศรัทธา วัลลอฮุอะอฺลัม
นอกจากนี้ บรรดาผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นมุนาฟิกในทัศนะของอัลลอฮฺนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่รู้สึกตนว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น
“ทว่า พวกเขา (มุนาฟิก) ไม่รู้ตัว”
(สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ, อายะฮฺ 12)
และคนทั่วไปก็ไม่สามารถจะแยกแยะได้ชัดเจนว่าใครเป็นมุนาฟิกหรือไม่ อัลลอฮฺตรัสว่า
“เจ้า(โอ้ มุหัมมัด)ไม่รู้จักพวกเขา แต่อัลลอฮฺรู้จักพวกเขาดี”
(สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ, อายะฮฺ 101)
โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริง ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากนิฟากและมุนาฟิก โอ้ อัลลอฮฺขอทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นมุอ์มินที่สัจจริง และอย่าได้ทำให้ข้าพระองค์เป็นผู้โกหก ด้วยพระเมตตาของพระองค์ โอ้ ผู้ทรงเมตตาที่สุดในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย..
ชัดเจนโจรชั่วร้าย ฆ่าคน วางเพลิง พวกนี้ไม่ใช่อิสลาม แต่เป็นพวกบ่อนทำลายศาสนา ตกศาสนา ตกนรกชั้นต่ำ
มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน กลับใจถอยออกมา อย่าเชื่อโจร พากันหลงทาง ไปลงนรกกัน.
ช่วยกันแฉความชั่วฉ้อฉลของโจรร้ายทำลายศาสนา ได้บุญมากมายครับ
พี่น้องสมาชิกคนไทย ใครเห็นด้วย ช่วยให้คะแนนด้วยครับ จะได้อยู่นานๆให้คนเห็นเยอะๆ..
รายได้พิเศษ เพียงแจ้งเบาะแสโจรร้าย รางวัลหลายล้าน ตัดเอาแต่หัวมาก็ได้ จ่ายแน่จ่ายจริง
ช่วยกันฆ่าพวกทำลายศาสนา ได้ทั้งบุญได้ทั้งเงิน..
นายสะแปอิง บาซอ ที่มีการเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง รวมถึงในเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ด้วย รางวัลนำจับ 10 ล้านบาท ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, อั้งยี่ และซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114, 135/1, 135/2, 209 และ 210
ประกาศจับดังกล่าวนี้มีการระบุถึงข้อมูลส่วนตัวและรูปพรรณของ นายสะแปอิง...เช่นวัน-เดือน-ปีเกิด อายุ เพศ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา บ้านเลขที่ โดยมีการระบุว่านายสะแปอิงเป็นตัวการสำคัญในการกระทำผิดเพื่อแบ่งแยกดินแดน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นคดีที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของ ประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
หากผู้ใดมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับบุคคลนี้กรุณาติดต่อโดยตรงที่ กรม สอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 0-4700-1742, 0-2831-9998-9 (สาย ตรง) หรือ 0-283... ต่อ 1001 หรือ 1002 หรือที่เว็บไซต์ http:// www.dsi.go.th : webmaster@dsi.go.th จะมีรางวัลนำจับ 10 ล้านบาท
รางวัล นำจับ 10 ล้านบาทนั้น จะแยกจ่ายเป็น 2 ส่วนคือ 1.ผู้ที่สามารถให้เบาะแส หรือข้อมูลข่าวสาร แก่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ผู้อำนวยการ สสส.จชต. หรือผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการเข้าจับกุมและดำเนินคดีกับนายสะแปอิง บาซอ จนเป็นผลสำเร็จ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท และ 2.เจ้าพนักงานผู้ทำการจับกุม รวมถึงผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานจนสามารถจับกุม จำนวน 5 ล้านบาท
ไม่ เฉพาะ นายสะแปอิง บาซอ ที่มี “ประกาศจับ” ทางดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีประกาศจับผู้ที่มีหลักฐานว่าอาจเป็นผู้ร่วมขบวนการก่อความไม่สงบใน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คนอื่น ๆ อีกหลายคน
บางกลุ่ม 10 กว่าคน...มีการทำเป็น “โปสเตอร์ประกาศจับ”
โปสเตอร์ ประกาศจับที่ว่านี้จะคล้ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมอื่น ๆ โดยในโปสเตอร์มีข้อความทั้งภาษาไทย ภาษายาวี และทับศัพท์ภาษา ยาวีเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า...ผู้ต้องหาคดีก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ รางวัลนำจับ 2 ล้านบาท ประกอบด้วย...อับดุลรอซะ ฆาเด, รอมลี อุตรสินธุ์, สาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ นอกจากนี้ก็มี รางวัลนำจับ 1 ล้านบาท ประกอบด้วย...การูซามัน เจ๊ะดอเล๊าะ, อิสมาแอ มะเซ็ง, ดูนเลาะ แวมะนอ,ไพศอล หะยีสะมะแอ และ รางวัลนำจับ 5 แสนบาท ประกอบด้วย...ยะยา การูมอ, ญีฮาด หะยีมะ, มะสือดี คาหมิ๊, รอสดี มะยามา, มะซอเร มูดอ, มูฮำหมัดสูไฮมี กูนา, สดีรมัน มูดอ, อับดุลรอหิ สนิมิง ข้อหากบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ตามหมายจับศาลอาญา
ผู้ใดพบเห็นโปรดแจ้ง โทร. 1304 สายด่วนอาชญากรรมภาคใต้ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 0-167... โทรสาร 0-7334-0447 อีเมล oc-yala@police.go.th : webmaster@dsi.go.th ทุกข้อมูลของท่านทางราชการถือเป็นความลับที่สุด และขอรับรองความปลอดภัย ไม่มีการเปิดเผยโดยเด็ดขาด
“ปกติตำรวจจะใช้เป็นแผ่นประกาศจับขนาดเอ 4 ติดรูป มีรายละเอียดคนร้ายและข้อหา โดยมีระเบียบพิเศษการใช้ในกรณีคดีที่อุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญจริง ๆ ส่วนโปสเตอร์นั้นไม่เคยเห็นมีการใช้มาก่อน”...เป็นการให้ข้อมูลของ พ.ต.ท.ดร.ศักดา จิตต์ระเบียบ ภาควิชาสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ศูนย์ฝึกอบรม ตำรวจภูธรภาค 1
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ โฆษกดีเอสไอ ระบุถึง “โปสเตอร์ประกาศจับ” ว่า...เป็นแนวคิดใหม่ที่สำนักเทคโนโลยีของดีเอสไอคิดขึ้นมา ซึ่งการใช้โปสเตอร์กระดาษซึ่งเป็นวิธีแบบพื้น ๆ ง่าย ๆ จะสะดวก เหมาะสม และน่าจะให้ผลมากที่สุด “เพราะผู้ต้องหาจะมีรูปร่างหน้าตา มีหนวดมีเครามาก ซึ่งแยกแยะลำบาก จึงใช้แผ่นประกาศจับใหญ่ขนาดโปสเตอร์เพื่อให้ชัดเจน อีกทั้งในพื้นที่ภาคใต้การประกาศจับในเว็บไซต์เพื่อจะรับแจ้งเบาะแสก็ลำบาก ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตประชาชน”...โฆษกดีเอสไอกล่าว
“โปสเตอร์ประกาศจับ” คือเครื่องมือช่วยจับกุมในกรณีนี้
แต่กับ “แนวทางแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ” ก็จำเป็นต้องมี...
“รัฐบาล ต้องแก้ไขหลักความยุติธรรมที่เขาควรจะได้รับจากการถูก รังแก ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา”...เป็นแนวทางที่ควรให้ความสำคัญ ตามความเห็นของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
ขณะ ที่อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ก็ชี้ว่า...รัฐบาลต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการโจรก่อการ ร้าย ที่ประกอบด้วย...“ส่วนนำขบวนการ” ที่อยู่ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ที่ต้องเอาชนะ โดยการพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี, “กองกำลังติดอาวุธที่ก่อการ” ต้องแก้โดยใช้การทหารนำ และยังมี “แนวร่วมขบวนการ” ที่ต้องใช้การพัฒนาเชิงจิตวิทยาเข้ามาช่วยทั้งในเรื่องวัตถุ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ไทย-มุสลิม
เห็นด้วยกดคริก ตรงนี้ครับ..