ท่ามกลางหนังดังจากทั่วโลก The Rocket สามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินมาได้ โดยผลงานของผู้กำกับชาวออสเตรเลียเรื่องนี้ยังน่าสนใจสำหรับชาวไทยเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และยังมีตลกดังชาวไทย "เทพ โพธิ์งาม" ร่วมแสดงนำอยู่ด้วย
The Rocket สามารถคว้ารางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และยังได้ "หมีคริสตัล" เป็นหนังยอดเยี่ยมสำหรับโปรแกรมภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็ก Generation Kplus มาได้ กับเรื่องราวของเด็กชายชาวลาวที่พยายามสร้างบั้งไฟขนาดยักษ์ เพื่อเข้าแข่งขันในงานประเพณีบุญบั้งไฟของท้องถิ่น โดยหนังเป็นผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย คิม มอร์ดวนต์ และโปรดิวเซอร์ ซิลเวีย วิลซินสกี ที่ทั้งคู่จะได้รับเงินรางวัลไปแบ่งกัน 50,000 ยูโร
ด้วยงานภาพอันงดงาม กับการถ่ายทอดชีวิตชนบทของลาว The Rocket ยังได้รับคำชมสำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยม ของนักแสดงเด็กวัย 10 ขวบ กับการถ่ายทอดบทบาทของเด็กชายที่พยายามพิสูจน์ถึงคุณค่าในตัวเอง นอกจากนั้นหนังก็ยังเล่าถึงเรื่องราวในภาพกว้างของคนลาว ทั้งในด้านของบาดแผลหลังสงคราม โดยเฉพาะประเด็นปัญหาระเบิดตกค้างหลังสงครามเวียดนามในช่วงยุค 1960s, ความยากจนอดอยากของประชาชนในเขตชนบท รวมถึงวิถีชีวิตที่ผูกอยู่กับประเพณีพื้นเมือง และความเชื่อทางศาสนาด้วย
The Rocket ยังถูกมองว่าเป็นความพยายามของออสเตรเลียกับการแสดงตัวเป็นส่วนหนึ่งของเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยผู้กำกับบอกว่าเขาได้ไอเดียในการสร้างหนังเรื่องนี้ หลังเคยเดินทางเข้ามาถ่ายทำหนังสารคดี Bomb Harvest เมื่อ 5 ปีก่อน ที่พยายามติดตามการทำงานของทีมเก็บกู้ระเบิดตกค้าง และเด็กชาวลาวที่มองเศษเหล็กจากระเบิดและอาวุธตกค้าง เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถนำไปขายเพื่อเงินได้
ในเว็บไซต์ของหนังระบุว่าผู้สร้างได้เดินทางเข้าไปถ่ายทำหนัง The Rocket กันเมื่อต้นปีก่อน เป็นการทำงานที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจำนวนร่วม 20 คนติดตามการถ่ายทอดฉากต่าง ๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา เช่นเดียวกับการตรวจสอบบทภาพยนตร์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหลุดรอดไปอยู่ในหนัง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ลาวก็ไม่สามารถตรวจสอบภาพยนตร์ได้ทั้งหมด เพราะมีส่วนหนึ่งของเรื่องที่ผู้สร้างเข้าไปถ่ายทำในประเทศไทย
โดยหนังเล่าเรื่องของเด็กชาย ที่อยากจะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นตัวซวย อย่างที่คนในชุมชนพากันกล่าวหา ด้วยการสร้างบั้งไฟยักษ์ขึ้นมาเพื่อประกวดในงานประเพณีของหมู่บ้าน โดยทีมงานได้ความร่วมมือจากฝ่ายคัดเลือกนักแสดงในไทย เพื่อการควานหาเด็กที่จะมารับบทนำในเรื่อง ที่มีเด็กไทยจำนวนมากมาคัดเลือกตัวกัน จนไปได้ตัว ด.ช. สิทธิพล ดีเสมอ วัย 10 ขวบที่เคยใช้ชีวิตเร่ร่อน ก่อนจะมีคนอุปการะเลี้ยงดู และเคยมีงานแสดงมาบ้างแล้วร่วมถึงในละคร "หลวงตามหาชน" มารับบทนำร่วมกับเด็กหญิงชาวเวียงจันทร์ ที่เคยเรียนการแสดงมาก่อน และนักแสดงชาวออสเตรเลียเชื้อสายลาวที่อาศัยอยู่ในซิดนีย์
หนังยังมี "เทพ โพธิ์งาม" ดาวตลกชื่อดังในไทย ร่วมแสดงนำอยู่ด้วยกับบท "ม่วง" หนุ่มใหญ่ที่ปรากฏตัวพร้อมชุดสีม่วงแบบเดียวกับ "เจมส์ บราวน์" นักร้องชื่อดังที่เจ้าตัวชื่นชอบ แต่อีกด้านเขาคนนี้ยังมีเบื้องหลังเป็นอดีตทหารของซีไอเอในช่วงสงครามเวียดนาม
ซึ่งผู้สร้างเชื่อว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสามารถ "แสดงให้เห็นถึงดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครถ่ายทอดลงแผ่นฟิล์มมาก่อน" ส่วนนักวิจารณ์ที่ได้ชมหนังในเทศกาลภาพยนตร์ที่ เบอร์ลิน มาแล้วก็กล่าวชม The Rocket ว่า "เป็นความฉลาดของผู้สร้างที่เลือกทำหนังอาร์ตเฮาส์ที่สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้ ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และยังจับใจคนดูได้ตั้งแต่นาทีแรกจนตลอดถึงบทสรุปของเรื่องราว"
Credit. www.manager.co.th
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000020598&#Opinion
"ป๋าเทพ" โกอินเตอร์เล่นหนังออสซีคว้ารางวัลที่เบอร์ลิน
The Rocket สามารถคว้ารางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และยังได้ "หมีคริสตัล" เป็นหนังยอดเยี่ยมสำหรับโปรแกรมภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็ก Generation Kplus มาได้ กับเรื่องราวของเด็กชายชาวลาวที่พยายามสร้างบั้งไฟขนาดยักษ์ เพื่อเข้าแข่งขันในงานประเพณีบุญบั้งไฟของท้องถิ่น โดยหนังเป็นผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย คิม มอร์ดวนต์ และโปรดิวเซอร์ ซิลเวีย วิลซินสกี ที่ทั้งคู่จะได้รับเงินรางวัลไปแบ่งกัน 50,000 ยูโร
ด้วยงานภาพอันงดงาม กับการถ่ายทอดชีวิตชนบทของลาว The Rocket ยังได้รับคำชมสำหรับการแสดงอันยอดเยี่ยม ของนักแสดงเด็กวัย 10 ขวบ กับการถ่ายทอดบทบาทของเด็กชายที่พยายามพิสูจน์ถึงคุณค่าในตัวเอง นอกจากนั้นหนังก็ยังเล่าถึงเรื่องราวในภาพกว้างของคนลาว ทั้งในด้านของบาดแผลหลังสงคราม โดยเฉพาะประเด็นปัญหาระเบิดตกค้างหลังสงครามเวียดนามในช่วงยุค 1960s, ความยากจนอดอยากของประชาชนในเขตชนบท รวมถึงวิถีชีวิตที่ผูกอยู่กับประเพณีพื้นเมือง และความเชื่อทางศาสนาด้วย
The Rocket ยังถูกมองว่าเป็นความพยายามของออสเตรเลียกับการแสดงตัวเป็นส่วนหนึ่งของเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยผู้กำกับบอกว่าเขาได้ไอเดียในการสร้างหนังเรื่องนี้ หลังเคยเดินทางเข้ามาถ่ายทำหนังสารคดี Bomb Harvest เมื่อ 5 ปีก่อน ที่พยายามติดตามการทำงานของทีมเก็บกู้ระเบิดตกค้าง และเด็กชาวลาวที่มองเศษเหล็กจากระเบิดและอาวุธตกค้าง เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถนำไปขายเพื่อเงินได้
ในเว็บไซต์ของหนังระบุว่าผู้สร้างได้เดินทางเข้าไปถ่ายทำหนัง The Rocket กันเมื่อต้นปีก่อน เป็นการทำงานที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจำนวนร่วม 20 คนติดตามการถ่ายทอดฉากต่าง ๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา เช่นเดียวกับการตรวจสอบบทภาพยนตร์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหลุดรอดไปอยู่ในหนัง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ลาวก็ไม่สามารถตรวจสอบภาพยนตร์ได้ทั้งหมด เพราะมีส่วนหนึ่งของเรื่องที่ผู้สร้างเข้าไปถ่ายทำในประเทศไทย
โดยหนังเล่าเรื่องของเด็กชาย ที่อยากจะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นตัวซวย อย่างที่คนในชุมชนพากันกล่าวหา ด้วยการสร้างบั้งไฟยักษ์ขึ้นมาเพื่อประกวดในงานประเพณีของหมู่บ้าน โดยทีมงานได้ความร่วมมือจากฝ่ายคัดเลือกนักแสดงในไทย เพื่อการควานหาเด็กที่จะมารับบทนำในเรื่อง ที่มีเด็กไทยจำนวนมากมาคัดเลือกตัวกัน จนไปได้ตัว ด.ช. สิทธิพล ดีเสมอ วัย 10 ขวบที่เคยใช้ชีวิตเร่ร่อน ก่อนจะมีคนอุปการะเลี้ยงดู และเคยมีงานแสดงมาบ้างแล้วร่วมถึงในละคร "หลวงตามหาชน" มารับบทนำร่วมกับเด็กหญิงชาวเวียงจันทร์ ที่เคยเรียนการแสดงมาก่อน และนักแสดงชาวออสเตรเลียเชื้อสายลาวที่อาศัยอยู่ในซิดนีย์
หนังยังมี "เทพ โพธิ์งาม" ดาวตลกชื่อดังในไทย ร่วมแสดงนำอยู่ด้วยกับบท "ม่วง" หนุ่มใหญ่ที่ปรากฏตัวพร้อมชุดสีม่วงแบบเดียวกับ "เจมส์ บราวน์" นักร้องชื่อดังที่เจ้าตัวชื่นชอบ แต่อีกด้านเขาคนนี้ยังมีเบื้องหลังเป็นอดีตทหารของซีไอเอในช่วงสงครามเวียดนาม
ซึ่งผู้สร้างเชื่อว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสามารถ "แสดงให้เห็นถึงดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครถ่ายทอดลงแผ่นฟิล์มมาก่อน" ส่วนนักวิจารณ์ที่ได้ชมหนังในเทศกาลภาพยนตร์ที่ เบอร์ลิน มาแล้วก็กล่าวชม The Rocket ว่า "เป็นความฉลาดของผู้สร้างที่เลือกทำหนังอาร์ตเฮาส์ที่สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้ ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และยังจับใจคนดูได้ตั้งแต่นาทีแรกจนตลอดถึงบทสรุปของเรื่องราว"
Credit. www.manager.co.th
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000020598&#Opinion