ทั้งรักทั้งเกียจลูกคนนี้

กระทู้คำถาม
ลูกเมื่อตอนเเรกคลอดถึงสี่ขวบฉันรักมากอยากได้อะไรหาให้เเต่พอฝากให้ปู่ย่าเลี้ยง..โดยส่งเงินให้ใช้..
ต่อมาเมื่อฉันลืมตาอ้าปากได้....ก็พาลูกมาอยู่ด้วยกันตอนเก้าขวบ...พร้อมมีสมาชิกใหม่พ่อใหม่เเละน้องอีกสองคน
ตอนนี้อยู่ด้วยกันได้สองปีกว่า
ปัญหาเริ่มยากขึ้นลูกเถียง...ด่าน้อง...ตีน้อง....ตะวาใส่ฉัน
มันทำให้ฉันเริ่มเกียจลูกสาวคนโตของฉันจนเเต่ละวันไม่มีอะไรจะคุยกันลูกเก็บกดปิดประตูอยู่ในห้องไม่พูดกับฉัน
มันยิ่งทำให้ฉันคิดอยู่เสมอว่าเราหาเลี้ยงเขาเเต่เขาไม่เคารพความเป็นเเม่เเบบเราเลย
คิดเเต่จะน้อยใจก็ร้องไห้กรีดร้อง....ทำทุกทางเพื่อเรียกร้องความสนใจ...
ฉันเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อลูกโกหก....ว่าให้คนอื่นไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนผิดบ้างเลย
เเละสิ่งที่ฉันทำมันลงไปยิ่งเลวร้ายไปอีกฉันเอาขวดน้ำพลาสติกโยนใส่หัวลูกเพียงเพื่อนอยากให้เขาฟัง
เเต่พลาดทำหัวลูกเเตกฉันคงบ้าไปเเล้ว
ฉันไม่มีสิ่งไหนจะลบความทรงจำอันเลวร้ายนี้ได้
คิดวนอยู่ในหัวตลอดว่าฉันไม่รักลูกหรือทั้งๆที่อีกความคิดหนึ่งฉันรักอยากให้ลูกเป็นคนดี
ไม่เถียง...ไม่โกหก....ไม่ให้ร้ายคนอื่น...ฉันคงเป็นเเม่ที่เเย่สุดเเล้วในโลกนี้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านแล้วคิดว่าคุณแม่ก็น่าฝึกฝนเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยนะครับ ไม่ใช่ต่อว่าอะไรหรอกครับ เพียงแต่รู้สึกมีบรรยากาศความสับสนน่าเวียนหัวอยู่ในคำพูด ความจริงบนโลกก็คือไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ เกิดมาครั้งนึงก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆครับ ไม่ต้องโทษตนเองมาก แค่รู้จักและแก้ไขนิสัยตนเอง ส่วนเรื่องลูกเมื่อแม่เปลี่ยนแปลงได้ เขาก็เห็นความเปลี่ยนแปลงและสนใจเอง อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ใจเย็นๆอดทนไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
แม่ตุ้ยนุ้ยคะ การเขียนที่ถูกต้องของ เกียจ คือ เกลียด ค่ะ

อยากจะบอกว่าลูกคนโตของคุณเป็นเด็กโหยหาความรักและความอบอุ่นค่ะ ตั้งแต่จำความได้เขาไม่ได้อยู่กับคุณ พอกลับมาอยู่ด้วย คุณก็มีสามีใหม่ มีลูกใหม่ ความรู้สึกของลูกคุณคือเขาเป็นคนนอกครอบครัว

ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณปฏิบัติกับลูกทั้ง 3 อย่างไร (ปกติแม่จะพูดเสมอว่ารักลูกทุกคนเท่ากัน แต่จริงๆแล้วแม่ส่วนใหญ่แหละค่ะ ปฏิบัติกับลูกต่างกัน) ลองย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของคุณที่ปฏิบัติกับลูกนะคะ มองอย่างเป็นกลาง อย่าเข้าข้างตัวเองนะคะ

ดิฉันเคยอยู่ในสถานะแบบลูกสาวคุณนี่แหละค่ะ ต่างกันที่แม่ตายตั้งแต่เล็ก หลังจากแม่ตาย ดิฉันก็ต้องระเหระหนไปอยู่กับญาติคนนั้นที พอเขาเบื่อดูแล้วแล้วพ่อก็ส่งต่อไปอยู่กับญาติอีกคน พ่อเอาน้องชายให้อยู่กับพ่อในขณะที่ดิฉันระเหระหนไปอยู่กับญาติก็ต้องทำงาน รับใช้ญาติทุกอย่าง ถูกดุ ถูกด่า ไม่เหมือนลูกๆของญาติที่อยู่สบายๆ

จนเมื่อกลับมาอยู่กับพ่อก็พบว่าพ่อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงกำลังท้อง อารมณ์ไม่ดี ดุด่าดิฉันซึ่งตอนนั้นก็ 9 ขวบเท่ากับลูกคุณตอนนี้แหละ ดิฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เพราะแม่เลี้ยงบอกว่าแพ้ท้อง จนคลอดก็บอกว่าต้องเลี้ยงน้อง พอน้องโตก็บอกว่าดิฉันเป็นลูกผู้หญิงต้องหัดทางานบ้านเข้าไว้ เรื่องทุกอย่างในบ้านพ่อยกให้เป็นการตัดสินใจของแม่เลี้ยง ไม่ต้องบอกว่าดิฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่เลี้ยงใจร้ายไม่ได้มีแต่ในนิยายหรอกค่ะ ตัวดิฉันเองทนจนทนไม่ไหวถึงขนาดเคยตัดสินใจจะออกจากบ้านไปเป็นเด็กข้างถนน ไปลาออกจากโรงเรียนด้วยตัวเอง คิดจะไปตายดาบหน้า เดชะบุญเป็นเด็กหัวดี คุณครูที่โรงเรียนก็เลยยื่นมือมาจะอุปการะส่งให้เรียน

ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยได้ของเล่นอะไรจากทางบ้าน ถ้าจะมีการซื้อของเล่น ก็แปลว่าซื้อให้น้อง ซื้อของกินพิเศษ ดิฉันไม่เคยได้ลิ้มรสหรอกค่ะ ทุกอย่างสำหรับน้องเท่านั้น ใครเป็นน้องเล็กจะได้ทุกอย่าง คนโตก็เป็นหมาหัวเน่า ความรู้สึกคือเราเป็นคนนอกครอบครัว จนดิฉันตั้งปณิธานว่าเมื่อใดมีโอกาสออกจากบ้านได้ จะไม่หวนกลับมาอีกเลย จะไปให้ไกลๆๆๆ

เพราะฉะนั้น สำหรับคุณตอนนี้ยังไม่สายหรอกค่ะ ถ้าคุณอยากได้ลูกสาวที่น่ารักคืนมา คุณต้องให้ความรักเขามากๆ ให้เวลาเขามากๆ ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทุ่มเทสิ่งของให้เขานะคะ เอาแค่ความรัก ความสนใจ แล้วก็กอดเขาให้มากๆ บ่อยๆเลยค่ะ ระหว่างนั้นคุณต้องอดทน เก็บอารมณ์ของคุณให้มาก อย่ารุนแรงกับเขานะคะ ไม่งั้นเมื่อเขากู่ไม่กลับแล้วคุณจะเสียใจยิ่งกว่าตอนนี้อีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่