ลูกแฝดเราเกิด มิ.ย.53 เปิดเทอมนี้ก็ 2.11 ขวบ สามารถเข้าอนุบาลโรงเรียนเอกชนได้ แต่เรายังไม่ให้ลูกเข้าเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ
เรื่องแรกคือ เราดูความพร้อมของลูกและพบว่าลูกเรายังช้ากว่าเด็กคนอื่น ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง(เริ่มพูดตอน 2 ขวบ) ยังบอกความต้องการของตัวเองไม่ได้มากนัก
เรื่องที่สองคือ เราไม่ได้ทำงานประจำ มีเวลาดูแลและสอนลูกได้เต็มที่ เลยตั้งใจจะสอนลูกด้วยตัวเอง อีก 1 ปีลูกคงจะมีความพร้อมเรียนชั้นอนุบาลได้อย่างดี
เรื่องที่สามคือ เราไม่ห่วงว่าลูกเราจะไม่มีเพื่อนเล่น เค้าเล่นด้วยกันได้ รู้จักการแบ่งปัน มีเวลาเราก็พาลูกไปเล่นสนามเด็กเล่น ได้เจอเพื่อนต่างวัย เค้าก็เล่นกันได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่สี่ที่เราห่วงที่สุด คือ การเจ็บป่วยของลูก ใครๆก็บอกว่าให้เตรียมใจรับมือกับการป่วยของลูกหากลูกเริ่มเข้าโรงเรียน สำหรับเราแล้ว เวลาลูกป่วยทีนึงก็จะติดกันทั้งสองคน แม่จะดูแลลำบากมากถึงมากที่สุด เลยคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นอีกนิด ภูมิคุ้มกันน่าจะดีขึ้น ...
แต่หลายๆ คนรอบๆ ตัวเรามักจะมองว่า ทำไมไม่เอาลูกไปโรงเรียนซักที ลูกเค้า 2 ขวบก็ไปแล้ว ไม่เหนื่อยด้วย เช้าก็ไปส่ง เย็นก็ไปรับ (เค้าเห็นเวลาเราเลี้ยงลูกแฝดแล้วคงจะเหนื่อยแทนมั้ง แต่ว่าเราไม่เหนื่อยหรอกค่ะ สนุกดี^_^)
สดๆ ร้อนๆก็เมื่อเช้านี้เองค่ะ ลูกค้าเข้ามาที่ร้าน เห็นสองแฝดนั่งเล่นตุ๊กตากับรถของเล่น (ในสายตาเค้าคงจะเห็นว่าไร้สาระมั้ง) ถามอายุเราบอกจะ 2.8 ขวบแล้ว เค้าโวยเลยค่ะ ว่าทำไมไม่เอาไปโรงเรียน จะได้เรียนหนังสือ ไม่ใช่เล่นกันไปวันๆ ให้ลูกเข้าโรงเรียนช้าน่ะเสียเปรียบคนอื่นรู้ไหม ลูกเค้าคนโตเกิด ก.ค. พาไปเข้าโรงเรียนช้า เสียเปรียบเด็กคนอื่น ในห้องมีแต่เด็กเล็กกว่าทั้งนั้น .... พอคนเล็กเค้าเลยให้เข้าอนุบาลตั้งแต่ 2.6 ขวบ ....
เราก็เลยถามว่า "ตรงไหนเหรอคะที่เรียกว่าเสียเปรียบ" ก็เรียนช้ากว่าคนอื่นไงล่ะ เสียเปรียบเค้า (ก็ตอบอยู่อย่างนี้ตลอด) เราก็ให้เหตุผลเค้าตามที่เราร่ายมานั่นแหละ ... ก่อนเค้าไปเค้าก็ย้ำอีกค่ะว่า อย่าลืมพาลูกไปสมัครเรียนเลยนะ โรงเรียน... 2 ขวบเค้าก็รับแล้ว จะได้เอาเวลาเลี้ยงลูกไปทำมาหากินอย่างอื่น เราก็เลยถึงบางอ้อ.... สงสัยคุณพี่จะกลัวเสียเปรียบการหารายได้กระมัง
ให้ลูกเข้าโรงเรียนช้า..ทำให้ลูกเสียเปรียบ...(จริงหรือคะ?)
เรื่องแรกคือ เราดูความพร้อมของลูกและพบว่าลูกเรายังช้ากว่าเด็กคนอื่น ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง(เริ่มพูดตอน 2 ขวบ) ยังบอกความต้องการของตัวเองไม่ได้มากนัก
เรื่องที่สองคือ เราไม่ได้ทำงานประจำ มีเวลาดูแลและสอนลูกได้เต็มที่ เลยตั้งใจจะสอนลูกด้วยตัวเอง อีก 1 ปีลูกคงจะมีความพร้อมเรียนชั้นอนุบาลได้อย่างดี
เรื่องที่สามคือ เราไม่ห่วงว่าลูกเราจะไม่มีเพื่อนเล่น เค้าเล่นด้วยกันได้ รู้จักการแบ่งปัน มีเวลาเราก็พาลูกไปเล่นสนามเด็กเล่น ได้เจอเพื่อนต่างวัย เค้าก็เล่นกันได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่สี่ที่เราห่วงที่สุด คือ การเจ็บป่วยของลูก ใครๆก็บอกว่าให้เตรียมใจรับมือกับการป่วยของลูกหากลูกเริ่มเข้าโรงเรียน สำหรับเราแล้ว เวลาลูกป่วยทีนึงก็จะติดกันทั้งสองคน แม่จะดูแลลำบากมากถึงมากที่สุด เลยคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นอีกนิด ภูมิคุ้มกันน่าจะดีขึ้น ...
แต่หลายๆ คนรอบๆ ตัวเรามักจะมองว่า ทำไมไม่เอาลูกไปโรงเรียนซักที ลูกเค้า 2 ขวบก็ไปแล้ว ไม่เหนื่อยด้วย เช้าก็ไปส่ง เย็นก็ไปรับ (เค้าเห็นเวลาเราเลี้ยงลูกแฝดแล้วคงจะเหนื่อยแทนมั้ง แต่ว่าเราไม่เหนื่อยหรอกค่ะ สนุกดี^_^)
สดๆ ร้อนๆก็เมื่อเช้านี้เองค่ะ ลูกค้าเข้ามาที่ร้าน เห็นสองแฝดนั่งเล่นตุ๊กตากับรถของเล่น (ในสายตาเค้าคงจะเห็นว่าไร้สาระมั้ง) ถามอายุเราบอกจะ 2.8 ขวบแล้ว เค้าโวยเลยค่ะ ว่าทำไมไม่เอาไปโรงเรียน จะได้เรียนหนังสือ ไม่ใช่เล่นกันไปวันๆ ให้ลูกเข้าโรงเรียนช้าน่ะเสียเปรียบคนอื่นรู้ไหม ลูกเค้าคนโตเกิด ก.ค. พาไปเข้าโรงเรียนช้า เสียเปรียบเด็กคนอื่น ในห้องมีแต่เด็กเล็กกว่าทั้งนั้น .... พอคนเล็กเค้าเลยให้เข้าอนุบาลตั้งแต่ 2.6 ขวบ ....
เราก็เลยถามว่า "ตรงไหนเหรอคะที่เรียกว่าเสียเปรียบ" ก็เรียนช้ากว่าคนอื่นไงล่ะ เสียเปรียบเค้า (ก็ตอบอยู่อย่างนี้ตลอด) เราก็ให้เหตุผลเค้าตามที่เราร่ายมานั่นแหละ ... ก่อนเค้าไปเค้าก็ย้ำอีกค่ะว่า อย่าลืมพาลูกไปสมัครเรียนเลยนะ โรงเรียน... 2 ขวบเค้าก็รับแล้ว จะได้เอาเวลาเลี้ยงลูกไปทำมาหากินอย่างอื่น เราก็เลยถึงบางอ้อ.... สงสัยคุณพี่จะกลัวเสียเปรียบการหารายได้กระมัง