เป็นความเห็นส่วนตัวเราเอง
พวกสินค้าชิ้นเล็กๆน้อยๆ เช่น ขนมซอง ๕ บ. แชมพู สบู่ล้างหน้า สบู่เหลว ชิ้นละ ๒๐ บ.
คือ เข้าใจว่า จุดประสงค์ก็ต้องการให้คนมีเงินน้อยซื้อง่าย
แต่เราว่ามันเป็นการตลาดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมคะ
เพราะการซื้อง่ายเนี่ยเพราะมันน้อยเงิน ใครๆก็ชอบซื้อ แต่สินค้าไซส์นี้ ใช้ได้ไม่กี่วันก็ต้องซื้อใหม่
หรือของกินไซส์นี้ก็แป๊บเดียว มันก็กลายเป็นขยะ ๑ ชิ้น
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ คือ
ขนม ๑ ห่อใหญ่ จริงๆมันปิดปากถุงเก็บได้ จะมัดยางหรือใช้ที่หนีบปากก็เก็บได้ ไม่นิ่มไม่เสียอยู่แล้ว(เราทำประจำ)
แต่การซื้อห่อใหญ่ สมมติว่า แบ่งกิน ๓ วัน ก็คือ ๓ วันนี้จะเกิดขยะจากซองขนมแค่ ๑ ชิ้น
ในขณะที่การขายขนมห่อเล็กๆนั้น ถ้าซื้อ ๓ วัน มันจะเป็นขยะ ๓ ชิ้น
(ตัดเรื่องความต้องการของลูกค้าออกไปนะคะ เช่น
บางคนบอกก็อยากกินอบย่างละนิดละหน่อยอะ เป็นต้น ขอตัดประเด็นนี้ออกไป
อันนี้ขอเน้นเฉพาะเรื่องปริมาณขยะอย่างเดียว)
หรืออย่าง แชมพูสระผม
ยกตัวอย่างว่า ขวดใหญ่หนึ่งขวด ๑ คนใช้ ๓ เดือนจึงจะหมดขวด ทิ้งให้กลายเป็นขยะ ก็ ๑ คน ๓ เดือน แค่ขยะ ๑ ชิ้น
แต่....ถ้าใช้ขวดละ ๒๐ บ. ใช้หมดขวดภายใน ๑ สัปดาห์ ระยะ ๓ เดือน จะมีขยะขวดแชมพู ๑๒ ขวดโดยประมาณ
ขยะเหล่านี้ที่ถูกทิ้งในประเทศไทย โอกาสถูกกลับมารีไซเคิลก็น้อยด้วยสิ ใช่ไหมคะ (กร๊าก)
ขยะที่(อาจจะ)ไม่ได้นำมารีไซเคิลเหล่านี้ แม้จะต่างขนาดกันก็จริงก็ไม่ได้ต่างกันมาก
แต่จำนวนขยะนั้นต่างกันมาก
เพราะ ๑ ขวดใหญ่ อาจเท่ากับ ๑๒ ขวดเล็ก
ซึ่งก็เท่ากับแค่ขยะจากขวดแชมพูสระผมอย่างเดียว ถ้าซื้อขวดเล็กแทนขวดใหญ่ก็เหมือนเป็นการเพิ่มขยะให้มากขึ้นไป ๑๒ เท่าตัวเลย
แล้วคนส่วนใหญ่(ทั้งคนจนเอย คนโสดเอย คนเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ )ก็ใช้ขวดเล็กซะด้วย
เพราะมันซื้อง่าย สบายกระเป๋าตังค์ พอดีตัว พกพาง่าย (คือ สารพัดเหตุผลที่จะเห็นว่ามันดี)
หรือ มาคิดถึงขยะห่อขนม ห่อขนมต่างๆ มันผลิตมาด้วยแรงงาน พลังงาน ทรัพยากรอะไรต่างๆนานาเนี่ยกว่าจะมาเป็นห่อขนม
แต่...มันถูกใช้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย บางทีสินค้าข้างในกระจิ๊ดเดียว ขนมห่อเล็กห่อหนึ่ง ๑๗ - ๒๐ กรัมเท่านั้น
แต่มันก็สร้างขยะ ๑ ชิ้นเท่ากับห่อใหญ่ และบางยี่ห้อ....ขนมก็ทำห่อใหญ่โอเว่อร์มากอีกด้วย
เพราะต้องการทำให้คนบริโภครู้สึกว่า เออ มันไม่แพง ห่อใหญ่จัง ไม่แพงเลย
แล้วห่อขนมมันกลายเป็นขยะเร็วมาก ทันทีที่ขนมหมดห่อ มันก๋คือ ขยะนี่เอง
จากนั้น เราสังเกตดู คือ เราเข้าใจว่า ประเทศเราการดูแลขยะมันอ่อนด้อยมากๆ
คนแต่ละคนถ้าถือถุงสักใบคอยเก็บขยะที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา เราเชื่อว่า แต่ละคนจะต้องตกใจ
เพราะมาลองคิดว่า ขยะพวกนี้ เราทิ้งแล้ว มันไปไหนบ้าง? มันไปอยู่ที่ไหนในเมื่อสสารมันไม่หายไปจากโลก
สสารเป็นสิ่งกินพื้นที่ มันไม่มากินพื้นที่ที่บ้านเรา ออฟฟิศเรา (ก็เราสลัดทิ้งมันไปแล้ว)
แล้วมันไปกินพื้นที่อยู่ที่ไหนในโลกนี้ล่ะ?
คือ ถ้าเราคิดๆๆๆแล้ว จริงๆเราก็ปวดหัวนะ ไม่อยากคิดหรอก อิอิ
แต่เพราะมันปวดหัวเนี่ย เราก็ว่า ยิ่งเป็นสิ่งที่เราตอ้งเผชิญหน้ากับมันให้มาก
ที่ร้านเรา ถังขยะ ๒๐๐ ลิตร ๔ ถัง วันๆแทบไม่พอให้คนไทยทิ้งขยะ แป๊บๆเต็ม แป๊บๆเต็ม
นี่แค่ร้านเรานะ
แล้วทุกคนมองไปรอบตัว ส่วนใหญ่พวกเราก็จะรังเกียจนะว่า ขยะเยอะแยะๆๆๆ สกปรกๆๆๆ ทำไมไม่เก็บให้ดี
แต่เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรกัน
ทำไมเราไม่คิดว่า ทำไงเราจึงจะทิ้งขยะได้น้อยลง?
การรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก มันก็ดีนะ แต่มันแค่ส่วนหนึ่ง เล็กมากกกกกกก
เพราะกระบวนการขายสินค้ามันสร้างขยะให้เราอย่างมหาศาลอยู่แล้ว
ขยะมันถูกผลิตมารอเราแล้วตลอดเวลา
สินค้าทุกชิ้นทันทีที่มีคนซื้อไป มันก็จะกลายเป็นขยะในเวลาไม่นานเลย
(ยิ่งห่อขนม ขวดเครือ่งดื่ม กลายเป็นขยะภายใน ๕ - ๑๕ นาที)
จริงๆแล้ว สินค้าชิ้นเล็กๆมีวัตถุประสงค์อะไรที่ลึกซึ้งไปกว่า การอำพรางให้คนซื้อ ซื้อง่ายๆจะได้ขายคล่องๆไหมคะ
ทำไมไม่ทำไซส์ขนาดกลางกับขนาดใหญ่ก็พอแล้ว คือ มันควรเป็นกฏเกณฑ์เลยเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพราะมันจะเป็นการควบคุมปริมาณขยะในอนาคตให้ลดลงไปในตัวด้วย
ส่วนเรื่องการนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือการใช้ซ้ำนั้น
เราเห็นด้วยและอยากให้มันดีขึ้นอยู่แล้วล่ะค่ะ
โดยส่วนตัวเรา ปกติเราบ้าเรื่องอนุรักษ์รัพยากรต่างๆอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่อนุรักษ์แบบพูดสวยๆนะ เราทำจริงจังอะโดยส่วนตัวเรา
แต่พอเราคิดเรื่องนี้มันก็เครียด (บ้าบอมาก อิๆ)
แต่มันเป็นเรื่องที่เราทุกคนก็ต้องเผชิญหน้ากัน
เพราะขยะมันอยู่รอบตัวเราและมันไม่ใช่คนอื่นทำ เราทำให้ขยะมันมีขึ้นมากันเองทุกๆคนอะ
บางทีฟังความเห็นของคนอื่นๆบ้างเราอาจจะคิดอะไรที่กว้างขวางขึ้นอ่ะค่ะ
เพราะบางทีเราก็อาจจะคิดอะไรคับแคบไปหรือเปล่า
แต่เราแอนตี้สินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาก
จริงๆเรามองย้อนกลับไปดู
สมัยก่อนๆขนมห่อกระดาษบ้าง,อันไหนเล็กก็ทำห่อเล็ก
สมัยนี้ข้างในเล็กแต่ทำห่อซะใหญ่ (จะทำไปทำไม เง้อ)
แล้วอย่างสินค้าก็อาจมีไซส์เดียว
เอาเท่าที่เราจำความได้เนี่ย พวกแชมพูสบู่พวกนี้ก็เพิ่งมาบูมมากๆกับเรื่องทำชิ้นเล็กชิ้นน้อย (๒๐ บ.) กันไม่กี่ปีมาเอง
เราก็เริ่มขายของแล้วนะ เมื่อก่อนเราก็ยังขำๆพวกผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ ยังนึกเอ็นดูเลยว่า แหม ทำออกมาน่ารักจังงง
ไม่ได้นึกเลยเหมือนกันว่า ที่แท้มันคือ การสร้างขยะให้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบันนี้อะค่ะ
ขอบคุณค่ะ (ที่ให้พื้นที่ระบายความรู้สึก เห็นแล้วมันเครียดอะ
)
สินค้าขนาดเล็ก 5บ. 10บ. 20บ.นี่มันสร้างขยะมากขึ้นโดยใช่เหตุใช่ไหมคะ
พวกสินค้าชิ้นเล็กๆน้อยๆ เช่น ขนมซอง ๕ บ. แชมพู สบู่ล้างหน้า สบู่เหลว ชิ้นละ ๒๐ บ.
คือ เข้าใจว่า จุดประสงค์ก็ต้องการให้คนมีเงินน้อยซื้อง่าย
แต่เราว่ามันเป็นการตลาดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมคะ
เพราะการซื้อง่ายเนี่ยเพราะมันน้อยเงิน ใครๆก็ชอบซื้อ แต่สินค้าไซส์นี้ ใช้ได้ไม่กี่วันก็ต้องซื้อใหม่
หรือของกินไซส์นี้ก็แป๊บเดียว มันก็กลายเป็นขยะ ๑ ชิ้น
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ คือ
ขนม ๑ ห่อใหญ่ จริงๆมันปิดปากถุงเก็บได้ จะมัดยางหรือใช้ที่หนีบปากก็เก็บได้ ไม่นิ่มไม่เสียอยู่แล้ว(เราทำประจำ)
แต่การซื้อห่อใหญ่ สมมติว่า แบ่งกิน ๓ วัน ก็คือ ๓ วันนี้จะเกิดขยะจากซองขนมแค่ ๑ ชิ้น
ในขณะที่การขายขนมห่อเล็กๆนั้น ถ้าซื้อ ๓ วัน มันจะเป็นขยะ ๓ ชิ้น
(ตัดเรื่องความต้องการของลูกค้าออกไปนะคะ เช่น
บางคนบอกก็อยากกินอบย่างละนิดละหน่อยอะ เป็นต้น ขอตัดประเด็นนี้ออกไป
อันนี้ขอเน้นเฉพาะเรื่องปริมาณขยะอย่างเดียว)
หรืออย่าง แชมพูสระผม
ยกตัวอย่างว่า ขวดใหญ่หนึ่งขวด ๑ คนใช้ ๓ เดือนจึงจะหมดขวด ทิ้งให้กลายเป็นขยะ ก็ ๑ คน ๓ เดือน แค่ขยะ ๑ ชิ้น
แต่....ถ้าใช้ขวดละ ๒๐ บ. ใช้หมดขวดภายใน ๑ สัปดาห์ ระยะ ๓ เดือน จะมีขยะขวดแชมพู ๑๒ ขวดโดยประมาณ
ขยะเหล่านี้ที่ถูกทิ้งในประเทศไทย โอกาสถูกกลับมารีไซเคิลก็น้อยด้วยสิ ใช่ไหมคะ (กร๊าก)
ขยะที่(อาจจะ)ไม่ได้นำมารีไซเคิลเหล่านี้ แม้จะต่างขนาดกันก็จริงก็ไม่ได้ต่างกันมาก
แต่จำนวนขยะนั้นต่างกันมาก
เพราะ ๑ ขวดใหญ่ อาจเท่ากับ ๑๒ ขวดเล็ก
ซึ่งก็เท่ากับแค่ขยะจากขวดแชมพูสระผมอย่างเดียว ถ้าซื้อขวดเล็กแทนขวดใหญ่ก็เหมือนเป็นการเพิ่มขยะให้มากขึ้นไป ๑๒ เท่าตัวเลย
แล้วคนส่วนใหญ่(ทั้งคนจนเอย คนโสดเอย คนเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ )ก็ใช้ขวดเล็กซะด้วย
เพราะมันซื้อง่าย สบายกระเป๋าตังค์ พอดีตัว พกพาง่าย (คือ สารพัดเหตุผลที่จะเห็นว่ามันดี)
หรือ มาคิดถึงขยะห่อขนม ห่อขนมต่างๆ มันผลิตมาด้วยแรงงาน พลังงาน ทรัพยากรอะไรต่างๆนานาเนี่ยกว่าจะมาเป็นห่อขนม
แต่...มันถูกใช้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย บางทีสินค้าข้างในกระจิ๊ดเดียว ขนมห่อเล็กห่อหนึ่ง ๑๗ - ๒๐ กรัมเท่านั้น
แต่มันก็สร้างขยะ ๑ ชิ้นเท่ากับห่อใหญ่ และบางยี่ห้อ....ขนมก็ทำห่อใหญ่โอเว่อร์มากอีกด้วย
เพราะต้องการทำให้คนบริโภครู้สึกว่า เออ มันไม่แพง ห่อใหญ่จัง ไม่แพงเลย
แล้วห่อขนมมันกลายเป็นขยะเร็วมาก ทันทีที่ขนมหมดห่อ มันก๋คือ ขยะนี่เอง
จากนั้น เราสังเกตดู คือ เราเข้าใจว่า ประเทศเราการดูแลขยะมันอ่อนด้อยมากๆ
คนแต่ละคนถ้าถือถุงสักใบคอยเก็บขยะที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา เราเชื่อว่า แต่ละคนจะต้องตกใจ
เพราะมาลองคิดว่า ขยะพวกนี้ เราทิ้งแล้ว มันไปไหนบ้าง? มันไปอยู่ที่ไหนในเมื่อสสารมันไม่หายไปจากโลก
สสารเป็นสิ่งกินพื้นที่ มันไม่มากินพื้นที่ที่บ้านเรา ออฟฟิศเรา (ก็เราสลัดทิ้งมันไปแล้ว)
แล้วมันไปกินพื้นที่อยู่ที่ไหนในโลกนี้ล่ะ?
คือ ถ้าเราคิดๆๆๆแล้ว จริงๆเราก็ปวดหัวนะ ไม่อยากคิดหรอก อิอิ
แต่เพราะมันปวดหัวเนี่ย เราก็ว่า ยิ่งเป็นสิ่งที่เราตอ้งเผชิญหน้ากับมันให้มาก
ที่ร้านเรา ถังขยะ ๒๐๐ ลิตร ๔ ถัง วันๆแทบไม่พอให้คนไทยทิ้งขยะ แป๊บๆเต็ม แป๊บๆเต็ม
นี่แค่ร้านเรานะ
แล้วทุกคนมองไปรอบตัว ส่วนใหญ่พวกเราก็จะรังเกียจนะว่า ขยะเยอะแยะๆๆๆ สกปรกๆๆๆ ทำไมไม่เก็บให้ดี
แต่เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรกัน
ทำไมเราไม่คิดว่า ทำไงเราจึงจะทิ้งขยะได้น้อยลง?
การรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก มันก็ดีนะ แต่มันแค่ส่วนหนึ่ง เล็กมากกกกกกก
เพราะกระบวนการขายสินค้ามันสร้างขยะให้เราอย่างมหาศาลอยู่แล้ว
ขยะมันถูกผลิตมารอเราแล้วตลอดเวลา
สินค้าทุกชิ้นทันทีที่มีคนซื้อไป มันก็จะกลายเป็นขยะในเวลาไม่นานเลย
(ยิ่งห่อขนม ขวดเครือ่งดื่ม กลายเป็นขยะภายใน ๕ - ๑๕ นาที)
จริงๆแล้ว สินค้าชิ้นเล็กๆมีวัตถุประสงค์อะไรที่ลึกซึ้งไปกว่า การอำพรางให้คนซื้อ ซื้อง่ายๆจะได้ขายคล่องๆไหมคะ
ทำไมไม่ทำไซส์ขนาดกลางกับขนาดใหญ่ก็พอแล้ว คือ มันควรเป็นกฏเกณฑ์เลยเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพราะมันจะเป็นการควบคุมปริมาณขยะในอนาคตให้ลดลงไปในตัวด้วย
ส่วนเรื่องการนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือการใช้ซ้ำนั้น
เราเห็นด้วยและอยากให้มันดีขึ้นอยู่แล้วล่ะค่ะ
โดยส่วนตัวเรา ปกติเราบ้าเรื่องอนุรักษ์รัพยากรต่างๆอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่อนุรักษ์แบบพูดสวยๆนะ เราทำจริงจังอะโดยส่วนตัวเรา
แต่พอเราคิดเรื่องนี้มันก็เครียด (บ้าบอมาก อิๆ)
แต่มันเป็นเรื่องที่เราทุกคนก็ต้องเผชิญหน้ากัน
เพราะขยะมันอยู่รอบตัวเราและมันไม่ใช่คนอื่นทำ เราทำให้ขยะมันมีขึ้นมากันเองทุกๆคนอะ
บางทีฟังความเห็นของคนอื่นๆบ้างเราอาจจะคิดอะไรที่กว้างขวางขึ้นอ่ะค่ะ
เพราะบางทีเราก็อาจจะคิดอะไรคับแคบไปหรือเปล่า
แต่เราแอนตี้สินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาก
จริงๆเรามองย้อนกลับไปดู
สมัยก่อนๆขนมห่อกระดาษบ้าง,อันไหนเล็กก็ทำห่อเล็ก
สมัยนี้ข้างในเล็กแต่ทำห่อซะใหญ่ (จะทำไปทำไม เง้อ)
แล้วอย่างสินค้าก็อาจมีไซส์เดียว
เอาเท่าที่เราจำความได้เนี่ย พวกแชมพูสบู่พวกนี้ก็เพิ่งมาบูมมากๆกับเรื่องทำชิ้นเล็กชิ้นน้อย (๒๐ บ.) กันไม่กี่ปีมาเอง
เราก็เริ่มขายของแล้วนะ เมื่อก่อนเราก็ยังขำๆพวกผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ ยังนึกเอ็นดูเลยว่า แหม ทำออกมาน่ารักจังงง
ไม่ได้นึกเลยเหมือนกันว่า ที่แท้มันคือ การสร้างขยะให้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบันนี้อะค่ะ
ขอบคุณค่ะ (ที่ให้พื้นที่ระบายความรู้สึก เห็นแล้วมันเครียดอะ )