ปล. (ปฐมลิขิต) นี่เป็นครั้งแรกที่รีวิว นะครับ ด้วยความเมาและนึกครื้ม ผิดตกยกเว้น ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ
เกริ่นนำ
ผมเป็นคนชอบทานอาหาร และชอบทำอาหาร เป็นขาประจำของห้องก้นครัว แต่มักเข้ามาอ่านอย่างเดียว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสูตรเด็ดของเพื่อนๆ สมาชิกในนี้ไปทำรับประทานบ่อยๆ ต้องขอขอบคุณ "ครูพักลักจำ" ทุกท่าน มา ณ ที่นี้
วันนี้นึกครึ้ม อยากจะหัดรีวิวดูบ้าง เลยไปค้นรูปที่ได้ทำอาหารไว้ ประมาณสองสัปดาห์ที่แล้วมาลองดู นั่นคือ เมนู "ปลาเพนกาเซียส ดอรี ผัดพิโรธ สูตรเมืองชล"
สมัยรุ่นๆ แตกเนื้อหนุ่ม ตอนเรียน ม.ปลายอยู่ชลบุรี (ชลชาย) ใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิดอยู่เมืองชล (ทั้งๆ ที่เป็นคนศรีราชา) ตระเวนไปทั่วทั้งบ้านโขด บางทราย วัดต้นสน (อิอิ) ก็ตระเวนเที่ยว ดื่ม กิน ตามประสาวัยรุ่นห้าวๆ แหละครับ แต่มักมีร้านประจำก่อนหมดฤทธิ์ก็คือ "ร้านข้าวต้มอพอลโล" อยู่หน้าปากซอยทางเข้าโรงหนังอพอลโล
เมนูที่ติดใจของร้านนี้ก็คือ "ปลาผัดพิโรธ" ครับ แกล้มแม่โขงโซดา แล้วตบด้วยข้าวต้ม อร่อยอิ่ม นอนอุ่น ตอนเช้ามีแรงมาเรียนได้อีกวัน
ที่บอกว่าสูตรเมืองชลนี่ไม่ได้รับสูตรมาจากใครแต่อย่างใด แต่อนุมานเอาจากลิ้น รสชาติที่ได้สัมผัส ไปกินเป็นประจำ
อาทิตย์ก่อนนึกถึงรสชาติของมันขึ้นมาตะหงิดๆ ก็เลยรวบรวมวัตถุดิบที่พอจะหาได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพฯ มาลองทำดู
เริ่มเลยนะครับ
ปลาเพนกาเซียส ดอรี ผมเลือกอย่างสด เพราะเคยลองที่แช่แข็ง พอละลาย เนื้อมันจะออกเละๆ หน่อยครับ สูตรดั้งเดิมทราบมาว่าเขาใช้เนื้อปลาแมลงภู่ (ชะโดตัวใหญ่) หรือไม่ก็ปลากะพงครับ อันนี้ประยุกต์หน่อย
นำมาหั่นเป็นท่อน พอดีคำ
ประแป้งข้าวโพด แล้วเอาไปทอดให้เหลือง แล้วพักไว้ก่อน (ปลาดอรี่นี่แค่ทอดให้เหลืองก็หอมแล้วนะครับ อดใจไม่อยู่ซิวเปล่าๆ ไปหลายชิ้น แกล้มขวดเขียวดาวแดงระหว่างทำ อิอิ)
พริกเหลือง พริกขี้หนู กระเทียม รากผักชี โขลกให้เข้ากัน
ลงผัดในน้ำมัน ให้หอมกันสามบ้านแปดบ้านทีเดียว
หอมได้ที่แล้ว เอาปลาลงไปคลุก ปรุงรส (สำหรับผมมักง่ายหน่อย ใช้น้ำจิ้มไก่หนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วเหยาะน้ำปลา เป็นอันเสร็จ)
เครื่องซึมเข้าเนื้อแห้งดีแล้วก็โรยใบมะกรูดซอย ลงไปคลุก เหลือไว้ส่วนหนึ่งเอาไว้โรยหน้า
เสร็จแล้วครับ ปลาพิโรธสูตรนี้จะออกรส เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ตามลำดับ
รับประทานเป็นกับแกล้ม หรือ กับข้าวสวย ข้าวต้มร้อนๆ ก็ อือมมมมมมมมมมมม
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ ครับ (รีวิว นี่ยากกว่าทำกับข้าวเยอะเลยนะครับ อิอิ)
[CR] ปลาเพนกาเซียส ดอรี่ ผัดพิโรธ (สูตรเมืองชล)
เกริ่นนำ
ผมเป็นคนชอบทานอาหาร และชอบทำอาหาร เป็นขาประจำของห้องก้นครัว แต่มักเข้ามาอ่านอย่างเดียว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสูตรเด็ดของเพื่อนๆ สมาชิกในนี้ไปทำรับประทานบ่อยๆ ต้องขอขอบคุณ "ครูพักลักจำ" ทุกท่าน มา ณ ที่นี้
วันนี้นึกครึ้ม อยากจะหัดรีวิวดูบ้าง เลยไปค้นรูปที่ได้ทำอาหารไว้ ประมาณสองสัปดาห์ที่แล้วมาลองดู นั่นคือ เมนู "ปลาเพนกาเซียส ดอรี ผัดพิโรธ สูตรเมืองชล"
สมัยรุ่นๆ แตกเนื้อหนุ่ม ตอนเรียน ม.ปลายอยู่ชลบุรี (ชลชาย) ใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิดอยู่เมืองชล (ทั้งๆ ที่เป็นคนศรีราชา) ตระเวนไปทั่วทั้งบ้านโขด บางทราย วัดต้นสน (อิอิ) ก็ตระเวนเที่ยว ดื่ม กิน ตามประสาวัยรุ่นห้าวๆ แหละครับ แต่มักมีร้านประจำก่อนหมดฤทธิ์ก็คือ "ร้านข้าวต้มอพอลโล" อยู่หน้าปากซอยทางเข้าโรงหนังอพอลโล
เมนูที่ติดใจของร้านนี้ก็คือ "ปลาผัดพิโรธ" ครับ แกล้มแม่โขงโซดา แล้วตบด้วยข้าวต้ม อร่อยอิ่ม นอนอุ่น ตอนเช้ามีแรงมาเรียนได้อีกวัน
ที่บอกว่าสูตรเมืองชลนี่ไม่ได้รับสูตรมาจากใครแต่อย่างใด แต่อนุมานเอาจากลิ้น รสชาติที่ได้สัมผัส ไปกินเป็นประจำ
อาทิตย์ก่อนนึกถึงรสชาติของมันขึ้นมาตะหงิดๆ ก็เลยรวบรวมวัตถุดิบที่พอจะหาได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพฯ มาลองทำดู
เริ่มเลยนะครับ
ปลาเพนกาเซียส ดอรี ผมเลือกอย่างสด เพราะเคยลองที่แช่แข็ง พอละลาย เนื้อมันจะออกเละๆ หน่อยครับ สูตรดั้งเดิมทราบมาว่าเขาใช้เนื้อปลาแมลงภู่ (ชะโดตัวใหญ่) หรือไม่ก็ปลากะพงครับ อันนี้ประยุกต์หน่อย
นำมาหั่นเป็นท่อน พอดีคำ
ประแป้งข้าวโพด แล้วเอาไปทอดให้เหลือง แล้วพักไว้ก่อน (ปลาดอรี่นี่แค่ทอดให้เหลืองก็หอมแล้วนะครับ อดใจไม่อยู่ซิวเปล่าๆ ไปหลายชิ้น แกล้มขวดเขียวดาวแดงระหว่างทำ อิอิ)
พริกเหลือง พริกขี้หนู กระเทียม รากผักชี โขลกให้เข้ากัน
ลงผัดในน้ำมัน ให้หอมกันสามบ้านแปดบ้านทีเดียว
หอมได้ที่แล้ว เอาปลาลงไปคลุก ปรุงรส (สำหรับผมมักง่ายหน่อย ใช้น้ำจิ้มไก่หนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วเหยาะน้ำปลา เป็นอันเสร็จ)
เครื่องซึมเข้าเนื้อแห้งดีแล้วก็โรยใบมะกรูดซอย ลงไปคลุก เหลือไว้ส่วนหนึ่งเอาไว้โรยหน้า
เสร็จแล้วครับ ปลาพิโรธสูตรนี้จะออกรส เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ตามลำดับ
รับประทานเป็นกับแกล้ม หรือ กับข้าวสวย ข้าวต้มร้อนๆ ก็ อือมมมมมมมมมมมม
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ ครับ (รีวิว นี่ยากกว่าทำกับข้าวเยอะเลยนะครับ อิอิ)