"อนันต์ กาญจนพาสน์" ประกาศ " ผมจะขายที่ดินเมืองทองและศรีนครินทร์และสร้างโครงการโมโนเรลระยะสั้นเชื่อมต่อรถ

"นานมาแล้วที่ผมไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับสื่อมวลชน ไม่เหมือน “ปีเตอร์ กาญจนพาสน์” ลูกชายคนโตวัย 39 ปี และ “พอลล์ กาญจนพาสน์” ลูกชายคนสุดท้องวัย 37 ปี ที่เขาได้พบท่านบ่อยๆ ผมแก่แล้วกะจะวางมือแล้วปล่อยให้ลูกชายได้จัดการงานเต็มที่ ถึงแม้จะแก่แต่ก็ยังมีเมียสาวนะ (หัวเราะ)” เสี่ยช้างในวัย 71 ปี กล่าวติดตลกในงานแถลงข่าว “ซื้อหุ้นอิมแพ็คคืน”

เสี่ยช้าง พูดไม่อ้อมค้อมว่าหากมีโอกาสจะไล่ซื้อหุ้น BLAND ไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแท้จริง ถ้าได้รับเงินปันผลจากบริษัทก็จะนำมาซื้อหุ้นอีก เราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ยิ่งบริษัทซื้อหุ้นอิมแพ็ค กลับคืนมาในราคาถูก 2,700 ล้านบาท จะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้นมากๆ

"ผมมีลูกชาย 2 คน สุดท้ายเขาแบ่งหุ้นกันไป ผมเชื่อว่าจากนี้บริษัทจะฟิตมาก (ลากเสียงยาว) จนสามารถจ่ายเงินปันผลได้ทุกปี ขอการันตีที่ตัวเลข 0.02 บาทต่อหุ้น หรือมากกว่านั้น"

เสี่ยช้าง กล่าวว่า อิมแพ็คมี Net Profit Margin (อัตรากำไรสุทธิ) สูงถึงปีละ 300-400 ล้านบาท ถ้ารวมค่าเสื่อมก็จะมีอัตรากำไรสุทธิเกือบ 1,000 ล้านบาท แถมบริษัทนี้ยังมีกระแสเงินสดสูงถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี ด้าน พอลล์ กาญจนพาสน์ ลูกชายคนรอง พูดเสริมคุณพ่อว่าในปี 2557 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2557) อิมแพ็คอาจมีรายได้เติบโตปีละ 5-10% ส่วนในปี 2556 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,200-2,400 ล้านบาท

อนันต์ บอกว่า จุดเด่นตรงนี้จะทำให้ BLAND สามารถจ่ายเงินปันผลได้ทุกปี หลังหยุดจ่ายมาตั้งแต่ปี 2540 เพิ่งกลับมาจ่ายได้ 0.02 บาทต่อหุ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก้าวต่อไปจะนำอิมแพ็คเข้าตลาดหลักทรัพย์จะขาย IPO สัดส่วน 25% แต่จะขายเมื่อไร ราคาเท่าไร เข้าตลาดตอนไหน “ยังไม่รู้” การได้ของรัก (อิมแพ็ค) คืนมาครั้งนี้ เหมือนได้ “แม่นมพันธุ์ดีกลับมา” เราสามารถรีดนมกินได้ทุกปี

"หน้าที่ของเราคือ เลี้ยงให้แม่นมเติบโตเรื่อยๆ เมื่อก่อนผมเคยอยากนำอิมแพ็คเข้าตลาดหุ้น แต่ติดตรงที่เราไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ต้องล้มความคิดนี้ น่าเสียดายจริงๆ แม้เราจะเคยมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่ก็ไม่เคยเดินเข้าไปสู่หมวดฟื้นฟูกิจการ (รีฮาฟโก้) เหมือนคนอื่นๆ ที่สำคัญเจ้าของที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเมื่อ 20 ปีก่อนจนถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดียวกัน เปลี่ยนแปลงเพียงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น”

เสี่ยช้าง ก้มหน้าพลิกเอกสาร ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า ตั้งเป้าอยากมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมงานประชุมและนิทรรศการต่างๆ ในอิมแพ็ค เพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านคนต่อปีเป็นกว่า 25 ล้านคนต่อปี ถามว่าจะดึงคนเข้ามาได้อย่างไร เราได้มีการพูดคุยกับ รฟม.ว่า อยากให้รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ปากเกร็ด-หลักสี่-มีนบุรี-สุวินทวงศ์) ต่อเข้ามาถึงในเมืองทองธานี

รฟม. เขาตีมูลค่าลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท เราขอให้ออก "คนละครึ่ง" (600 ล้านบาท) เขาคงต้องกลับไปคิดก่อน ถ้าโอเคคงส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนตัวตั้งใจจะทำโครงการช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ขนาดไม่ใหญ่มากในเมืองทองแล้วให้รถไฟฟ้าวิ่งเข้ามาในชั้น Underground เราจะทำพื้นที่จอดรถ 20-30 ไร่ จอดได้สัก 15,000-20,000 คัน

"สมมติโครงการนี้ ครม. หรือ รฟม. ไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร เพราะผมคิดจะสร้างโครงการโมโนเรลระยะสั้นเชื่อมต่อรถไฟฟ้าเอง มูลค่าลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งมันก็เท่ากับที่เราจะออกคนละครึ่ง กับ รฟม.ออกแบบทุกอย่างไว้หมดแล้ว ตอนนี้ได้จ้างบริษัท เทสโก้ ให้เข้ามาดูแลโครงการนี้เรียบร้อยแล้ว"

ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อนันต์ วางแผนจะทำที่อยู่อาศัยขนาด "จุ๋มจิ๋ม" (หัวเราะ) ประมาณ 300-500 ยูนิต ขนาดใหญ่หลายพันหลายหมื่นยูนิต "คงไม่ทำ" ปล่อยให้คนเก่งๆ เขาลุยกันไปเองดีกว่า “พอลล์” เสริมว่า ส่วนของโรงแรมในอนาคตก็คงจะทำต่อเนื่อง แต่รายละเอียดยังไม่รู้จริงๆ อย่าพยายามถามเลย “พ่อบอกไม่ให้เชื่อนักข่าว” (หัวเราะ)

นักข่าวถามว่ามีแผนจะทำโน่นทำนี่จะนำเงินมาจากไหน เสี่ยช้าง..หัวเราะ!! เงินภายในเราเยอะนะจะบอกให้ ตอนนี้ผมมีแผนจะขายที่ดินทั้งในส่วนของเมืองทองและถนนศรีนครินทร์ที่มีรวมกันประมาณ 2,000 ไร่ มูลค่าเท่าไรยังกราบเรียนไม่ได้จริงๆ ที่ดินของเราเปรียบเหมือน “เหล้าที่ดองไว้นาน” ฉะนั้นราคาน่าจะดีกว่า “เหล้าใหม่”

ตอนนี้บอกได้เพียงว่า ที่ดินทำเลงามกว่า 1,350 ไร่ ย่านถนนศรีนครินทร์ มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาทต่อไร่ มีนักธุรกิจทั้งที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และไม่ได้เป็นสนใจเยอะมาก ส่วนตัวตั้งใจจะขายที่ดินให้ได้ 600-700 ไร่ ส่วนที่ดินบนถนนเพชรบุรียาวไปถึงแอร์พอร์ตลิงค์ที่มีอยู่ 7 ไร่ คงไม่ขายตั้งใจจะให้ลูกชายนำไปทำเป็นอสังหาริมทรัพย์ บางกอกแลนด์ถือเป็นบริษัทที่ครอบครองที่ดินมากสุด (ในกรุงเทพฯ) แล้วมั้ง!!! เจ้าตัวพูด

“ผมไม่อยากเป็นหนี้ใครอีกแล้ว ถ้าไม่จำเป็น บทเรียนเมื่อครั้งปี 2540 มันยังฝังใจอยู่เลย กู้เงินคนอื่นมาวันหนึ่งเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดอกเบี้ยมันจะบานตะไท จากนี้ไปผมจะพยายามทำอะไรคนเดียว ไม่ไปร่วมทุนกับใครอีก” เสี่ยช้าง ระบายความในใจที่

ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คัดลอกจากเวป www.sienhoon.net/index.php/component/k2/item/36-bland-เสี่ยช้าง-รีเทิร์น-ตะวันขึ้นที่-บางกอกแลนด์
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่