เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดูแลให้ความปลอดภัยครูหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะที่ฐานนาวิกโยธิน ฉก.นราธิวาส 32 เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 16 ศพ ว่า เมื่อมีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องเตรียมตัวและระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะต้องระวังว่าอาจเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาอย่างที่เคยมีมาในอดีต ทางกระทรวงศึกษาธิการได้หารือกับฝ่ายความมั่นคงอยู่ตลอด เพื่อเตรียมการในเรื่องครูอย่างที่เราเคยดำเนินการมา ส่วนการปิดโรงเรียนในพื้นที่นั้นเพราะเราไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนการสอนของครู นักเรียนในพื้นที่ ดังนั้นบางพื้นที่ที่มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการใดๆก็ให้อำนาจในพื้นที่ที่จะตัดสินใจได้ แล้วแต่สถานการณ์ในพื้นที่ต้องเห็นใจทั้งคนในพื้นที่ ผู้อำนวยการ ครู และนักเรียน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมีแนวคิดที่จะเยียวยาครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิต จะทำในรูปแบบใด รองนายกฯ กล่าวว่า “เรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้นมีกติกากลไกอยู่ แต่คำว่าเยียวยานั้นในความหมายคนอาจจะเข้าใจแตกต่างกัน ในการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียไม่ว่าเกิดจากเหตุอะไร เพื่อที่จะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นนั้นตามกลไกก็เคยทำอยู่ ไม่ได้หมายความว่ากรณีการเยียวยานี้จะเป็นการชดใช้กันในแบบที่คนที่ไม่ได้ทำความผิด การเยียวยากรณีผู้เสียชีวิตจะมีกฎหมายต่างๆที่ระบุว่าจะมีการชดเชยอย่างไร กฎหมายเปิดช่องอยู่ว่าจะดูแลอย่างไร แต่กรณีผู้กระทำความผิดจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ทำเหมือนกัน การช่วยเหลือครอบครัวของเขา ไม่ได้หมายความว่าช่วยผู้กระทำความผิด”
“การเยียวยามีวิธีการหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นการนำเงินไปให้อย่างเดียว ส่วนกรณีจากเหตุปะทะครั้งนี้เป็นเรื่องของศอ.บต.จะพิจารณา ไม่ใช่เยียวยา เป็นการให้ความช่วยเหลือ เช่น สมมติว่าคนที่ทำความผิดเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวแล้วครอบครัวเขามีลูกเล็กๆ 2 คน แล้วมีแม่ที่อายุมากป่วย ทำมาหากินไม่ได้ กรณีอย่างนี้ก็ต้องดูแลครอบครัวของเขาที่อยู่เพื่อให้อยู่ให้ได้ตามปกติ กรณีที่เขาขาดคนทำมาหากินไปถึงแม้ว่าคนนั้นเป็นผู้กระทำความผิดรัฐก็ต้องพิจารณาดูแล แต่จะแตกต่างกันกับการเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง จะมาเทียบกันไม่ได้ อันนี้เป็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่จะเป็นการสวนทางของความรู้สึกของประชาชนทั่วไปหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เชื่อทำความเข้าใจกับสังคมได้ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของครูในพื้นที่ต่อกรณีการประกาศเคอร์ฟิว รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การประกาศขึ้นอยู่กับความจำเป็นในแต่ละพื้นที่แต่ละจุด แต่คงไม่ใช่ในวงกว้าง ขอให้เรื่องนี้ ปล่อยให้พื้นที่เป็นผู้พิจารณาก่อน ว่าตรงไหนมีความจำเป็นในเวลาไหน ช่วงไหน และแน่นอนว่าต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งส.ส.พื้นที่ สื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องฟัง ส่วนความเห็นของครูเองก็มีความหลากหลาย บางพื้นที่บางเวลาหากทหารต้องประกาศก็ต้องมีเหตุผล เพราะหากมีบางกรณีในบางพื้นที่ที่อาจต้องประกาศเวลาสั้นๆก็เชื่อว่าคนเข้าใจได้ ขึ้นกับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ เหมือนกรณีที่เกิดขึ้น
‘พงศ์เทพ’ชี้ไม่เยียวยา16ศพใต้ ช่วยตามหลักมนุษยธรรม ครูขอปิดร.ร.ยึดหลักปลอดภัย \\ อ่านกันก่อนนะ//
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมีแนวคิดที่จะเยียวยาครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิต จะทำในรูปแบบใด รองนายกฯ กล่าวว่า “เรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้นมีกติกากลไกอยู่ แต่คำว่าเยียวยานั้นในความหมายคนอาจจะเข้าใจแตกต่างกัน ในการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียไม่ว่าเกิดจากเหตุอะไร เพื่อที่จะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นนั้นตามกลไกก็เคยทำอยู่ ไม่ได้หมายความว่ากรณีการเยียวยานี้จะเป็นการชดใช้กันในแบบที่คนที่ไม่ได้ทำความผิด การเยียวยากรณีผู้เสียชีวิตจะมีกฎหมายต่างๆที่ระบุว่าจะมีการชดเชยอย่างไร กฎหมายเปิดช่องอยู่ว่าจะดูแลอย่างไร แต่กรณีผู้กระทำความผิดจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ทำเหมือนกัน การช่วยเหลือครอบครัวของเขา ไม่ได้หมายความว่าช่วยผู้กระทำความผิด”
“การเยียวยามีวิธีการหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นการนำเงินไปให้อย่างเดียว ส่วนกรณีจากเหตุปะทะครั้งนี้เป็นเรื่องของศอ.บต.จะพิจารณา ไม่ใช่เยียวยา เป็นการให้ความช่วยเหลือ เช่น สมมติว่าคนที่ทำความผิดเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวแล้วครอบครัวเขามีลูกเล็กๆ 2 คน แล้วมีแม่ที่อายุมากป่วย ทำมาหากินไม่ได้ กรณีอย่างนี้ก็ต้องดูแลครอบครัวของเขาที่อยู่เพื่อให้อยู่ให้ได้ตามปกติ กรณีที่เขาขาดคนทำมาหากินไปถึงแม้ว่าคนนั้นเป็นผู้กระทำความผิดรัฐก็ต้องพิจารณาดูแล แต่จะแตกต่างกันกับการเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง จะมาเทียบกันไม่ได้ อันนี้เป็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า แต่จะเป็นการสวนทางของความรู้สึกของประชาชนทั่วไปหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เชื่อทำความเข้าใจกับสังคมได้ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของครูในพื้นที่ต่อกรณีการประกาศเคอร์ฟิว รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การประกาศขึ้นอยู่กับความจำเป็นในแต่ละพื้นที่แต่ละจุด แต่คงไม่ใช่ในวงกว้าง ขอให้เรื่องนี้ ปล่อยให้พื้นที่เป็นผู้พิจารณาก่อน ว่าตรงไหนมีความจำเป็นในเวลาไหน ช่วงไหน และแน่นอนว่าต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งส.ส.พื้นที่ สื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องฟัง ส่วนความเห็นของครูเองก็มีความหลากหลาย บางพื้นที่บางเวลาหากทหารต้องประกาศก็ต้องมีเหตุผล เพราะหากมีบางกรณีในบางพื้นที่ที่อาจต้องประกาศเวลาสั้นๆก็เชื่อว่าคนเข้าใจได้ ขึ้นกับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ เหมือนกรณีที่เกิดขึ้น