http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1360562049&grpid=09&catid=02&subcatid=0200

ผมว่าท่านกำลัง เล่นกับไฟ ถ้าผิดพลาดนิดเเดียว ไฟไหม้บ้านทั้งหลัง แต่ในกรณีนี้มันไม่ใช่
เพียงบ้านท่านคนเดียว แต่เป็นบ้านของคนทั้งชาติ.

ผมอยู่ในเหตุการณ์ต้มยำกุ้งมาแล้ว ยังจำได้ดี สมัยนั้นกับสมัยนี้มันเริ่มต้นใกล้เคียงกัน กล่าวคือ
แบงก์ชาติสนับสนุนให้ เอกชนกู้เงินต่างชาติเข้ามาแลกเป็นเงินบาท เอาไปปล่อยกู้ เพื่อกิน
ดอกเบี้ยส่วนต่างสามเปอร์เซ็น.

เล่นอย่างนี้ง่ายดี แบงก์ชาติไม่ต้องทำมาหากินอะไร ตื่นเช้าขึ้นมาก็นั่งรอให้คนเอา ดอลล่า
นับเงินบาทให้ครบตามอัตราแลกเปลี่ยน ถึงปีก็รับโบนัส 2-3.เดือน สบายดี.

แต่ที่ต่างกับตอนนี้คือ ไม่ต้องมีคนไปกู้มาแลก กองทุนฝรั่งมันขนดอลล่ามาฝากกินดอกเบี้ย
ก็คนไทยใจดี ตรึงดอกไว้ให้ฝรั่ง ขนมาเท่าไหร่ รับไว้หมด.

หารู้ไม่ว่า กองทุนเหล่านี้มันเอาเงินมาพักไว้ชั่วคราว เพื่อรอเวลาเศรษฐกิจใน อเมริกา ฟื้น
ก็ขนกลับไปพร้อมด้วยกำไลจากดอกเบี้ย เอาไปซื้อทรัพย์สินที่ราคายังไม่แพงใน อเมริกา.

ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ เงินบาทแข็ง ไม่เหมาะสำหรับประเทศที่ต้องพึ่งพาการรส่งออก
เพระเราแข่งขันทางด้านราคากับประเทศอื่นที่ค่าเงินอ่อนกว่าเรา สินค้าชนิดเดียวกันแต่ราคา
ถูกกว่าเรา ใครจะซื้อของแพงบ้าง.

ปัญหาในอนาคต เรายังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่เขาจะถอดเงินออกไป เมื่อเขาถอดออกไป เราจะมี
ดอลล่าพอให้เขาถอดไหม ถ้าไม่พอก็ต้องกู้มาอีกใช่ไหม นั่นแหละ ซ้ำรอยปี 40.อีกแล้ว.....