ตอนที่แล้วค่ะ ตอนที่ 41
http://ppantip.com/topic/30115432
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
====================================================
ตอนที่ 42
ความตายของกุสุมาลย์
ในห้องนั้นมิได้มืดสนิทยังมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟดวงเล็กข้างเตียง ส่องให้เห็นว่าเจ้าของห้องนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ร่างอ้อนแอ้นทอดถอนหายใจ จิตใจหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องราวที่ผ่านภพไปเมื่ออดีตชาติ โดยไม่รู้ตัวว่าแรงคะนึงนั้นเป็นคลื่นจิตชั้นดีที่จะเรียกหาวิญญาณหญิงงาม
“พี่กุสุมาลย์...พี่ตายเพราะอะไร?” เสียงพึมพำรำพึงลอดริมฝีปากออกมา แต่ไม่มีคำตอบใดกระจ่างในห้วงความคิด เคียงฟ้าพลิกตัวลงนอนแต่ไม่อาจข่มตาให้หลับสนิทได้
“...เจ้าอยากรู้รึ?”
เสียงแผ่วเบาปรากฏขึ้นในห้วงสำนึก แต่ก็ปลุกให้เคียงฟ้าลุกพรวดจากที่นอน แล้วเหลียวมองไปรอบห้องด้วยอาการตื่นตระหนก เมื่อแรกก็มองไม่เห็นสิ่งใดหล่อนจึงถอนหายใจว่าหูแว่วไปเอง แต่พอจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เสียงผู้หญิงสะอึกสะอื้นก็ปรากฏขึ้นที่มุมห้อง หญิงสาวหันขวับไปตามทิศทางของเสียงทันที
ห้องนอนอันคุ้นเคยมืดสนิทลงมองไม่เห็นแม้แต่แสงโคมไฟ แต่มุมหนึ่งกลับค่อยๆ กระจ่างขึ้น ให้เห็นเขาโครงร่างสตรีอรชร นางนั่งพับเพียบก้มหน้าร่ำไห้อยู่หน้ากระจกทองเหลือง แม้ไม่เห็นหน้าชัดเจนนักแต่ทราบได้ในทันทีว่านั่นคือผู้ใด วิญญาณจากอดีตกาลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วผินหน้ากลับมาเคียงฟ้า ดวงหน้าซีกหนึ่งมีรอยแผลสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำพาดผ่าน ส่วนอีกซีกหน้าแม้งดงามโสภาแต่ขาวซีดไม่ต่างกับคนตาย นัยน์ตาที่เคยงดงามมาบัดนี้แดงก่ำรวกับโลหิต แววตาทอแสงแห่งความพยาบาทจนวาวโลด
“เจ้าอยากรู้ใช่ไหม? อยากรู้ใช่ไหมมมมมมมมมมมมม?!!!!!” เสียงถามกรีดร้องจนเสียดแทงเข้าไปในใจ เคียงฟ้านั่งตัวแข็งทื่อไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“ข้าจะบอกให้..เพราะเจ้านั่นแหละ!!!” วิญญาณภูตแสยะยิ้ม ดวงตามาดร้ายมีน้ำตาไหลออกมา ทว่ามันเป็นสีเลือดไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้ามาแต่น้อย...ทั้งรัก ทั้งถนอม ไม่ต่างกับน้องร่วมสายเลือด แล้วดูสิเจ้าสินางหญิงใจทราม!!”
“พะ...พี่..กุ..สุ..มาลย์” เคียงฟ้าได้แต่อึกอักเสียงตอบไม่เต็มปาก
“จงดูให้เต็มตา วาระสุดท้ายของข้า!!” ภูตสาวตวาดก้องด้วยความเคียดแค้น จากนั้นหันไปรำพันถึงความทุกข์ของตนเองต่อ
“พระเทวี...ทั้งที่ข้ารักท่านเช่นนี้ นี่คงเป็นความประสงค์ของท่านสินะ...” วิญญาณสาวพูดพึมพำเหมือนคนไร้สติ เจ้าของห้องเห็นเข้าทั้งหดหู่เวทนาและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน เมื่อพบว่าสติของกุสุมาลย์ในวาระสุดท้ายของชีวิต นางวิปลาสไปเสียแล้ว
“ภูวิษะเจ้า...ขอบพระทัยที่ประทานทางเลือกให้...”
สีหน้านางยามกล่าวถึงชายที่เทิดทูน ความน่าสะพรึงเมื่อครู่จางหายไปคงเหลือแต่ความเศร้าสร้อย จากนั้นนางก็ควานเอาปิ่นจากลิ้นชักของตั่งวางเครื่องประทินโฉมขึ้นมากำไว้ ในความมืดปิ่นเงินในมือกุสุมาลย์กลับเรืองรอง คล้ายต้องการให้เห็นชัดเจนว่าเป็นปิ่นที่นาคเจ้าเคยประทานให้เมื่อครั้งก่อน กุสุมาลย์ชูปิ่นขึ้นสูงแล้วหันปลายแหลมของปิ่นเข้าสู่ตนเอง เคียงฟ้าเข้าใจแล้วนางจะทำอะไร หญิงสาวคล้ายจากหลุดจากอาการสะกด เมื่อขยับตัวได้หล่อนลุกขึ้นวิ่งมาหากุสุมาลย์ทันที...
...แต่อนิจจา...ปิ่นในมือหญิงงามแทงลงมาสุดกำลัง มันรวดเร็วเกินกว่าเคียงฟ้าจะห้ามทัน ปลายแหลมของมันแม้มิใช่ของมีคมแต่ด้วยแรงของผู้เป็นเจ้าของ จึงทิ่มทะลุคอนางทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!! พี่กุสุมาลลลลลลลลลล...ย์" หล่อนกรีดร้องลั่น พยายามเข้าไปประคองร่างกุสุมาลย์ที่ล้มตะแคงไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวร่างนั้นกลับขยับตัวเงยหน้าที่นองไปด้วยเลือดจากทั้งนัยน์ตาสองข้างและบาดแผลที่คอขึ้นมองแล้วแสยะยิ้มให้เคียงฟ้าอย่างน่าสยดสยอง
“เจ้าอยากได้ปิ่นเงินนี่คืนสินะ...เป็นปิ่นที่ภูวิษะเจ้าประทานให้ข้า...เจ้าหึงหวงสินะ”
กล่าวจบนางก็ยันตัวขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง เลือดจากลำคอระหงไหลเจิ่งนองมาเป็นสาย กุสุมาลย์จัดท่านั่งได้เรียบร้อย นางก็คลี่ยิ้มงดงามทว่าน่าสะพรึงกลัว นัยน์ตาสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัว มือเรียวค่อยดึงด้ามปิ่นออกจากลำคอตัวเองอย่างยากเย็นคล้ายติดขัด จนนางต้องเงยหน้าขึ้น
“ข้าแทงลึกไปหน่อย...เจ้าคงต้องรอสักครู่” สีหน้านางบ่งบอกได้เพียงนางวิกลจริตไปเสียแล้ว
ไม่นานนักกุสุมาลย์ก็ดึงปิ่นให้พ้นจากลำคอได้สำเร็จ ทว่ามีโลหิตแดงฉานพุ่งตามออกมาเป็นสาย วิญญาณหญิงงามยื่นปิ่นในมือไปให้เคียงฟ้า
“นี่เพคะพระเทวี รับไปสิเพคะ” เคียงฟ้าร้องไม่ออกได้แต่ยกสองมือขึ้นปิดปาก
“บอกให้เอาไปไงเล่า!!!”
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองนางก็เกรี้ยวกราด ปาปิ่นลงแทบเท้าอีกฝ่าย ภาพตรงหน้าสยดสยองจนเคียงฟ้าไม่อาจคุมสติได้อีกต่อไป หล่อนกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวแล้วสิ้นสติไปในที่สุด...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พระเทวี! พระเทวี! เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
ดวงเนตรงามค่อยปรือขึ้นมาท่ามกลางความโล่งอกของทุกผู้ในห้องนั้น เรียกเสียงถอนหายใจจากเหล่าบรรดานางกำนัล ดวงหน้าแต่ละนางดูจะขวัญเสียไม่แพ้กัน ต่างพากันร่ำไห้สะอึกสะอื้นกันทั่วทั้งตำหนัก
“ทำพระทัยดีๆ ไว้เพคะ ไม่อย่างนั้นพี่กุสุมาลย์จะจากไปอย่างเป็นกังวลนะเพคะ” ปทุมมาประคองร่างเทวีแห่งนางขึ้นมานั่ง หญิงสาวสะบัดหน้าด้วยความงุนงง เมื่อพบว่าหล่อนเข้ามาสู่ภพอดีตโดยไม่รู้ตัว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้พี่กุสุมาลย์ยังอยู่ตรงนี้ นางหายไปไหนแล้ว” ทุกผู้ล้วนแต่ปิดปากเงียบสนิท มีเพียงมหิตาเทวีทรงยืนแล้วตรัสขึ้นมาด้วยท่าทางไม่ต่างกับละเมอ
“มัวทำอะไรกันอยู่...เมื่อกี้ข้าเห็นพี่กุสุมาลย์ นาง...นาง เอาปิ่น...ปิ่นที่เสด็จพี่ประทานให้...” ตรัสได้แค่นั้นวรกายก็โอนเอนคล้ายทรงร่างไม่อยู่ ปทุมมาและศรีดารารีบปรี่เข้ามาประคอง
“พระเทวีทรงพระสุบินไป...เพคะ”
“สุบิน...ฝัน? แปลว่าข้าฝันไปเองอย่างนั้นรึ?” ดวงตากลมโตค่อยมีแววแห่งความหวัง “ถ้างั้นพี่กุสุมาลย์ก็ยังอยู่ นางมิได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม?!” เมื่อดำริออกมาดังนั้นก็ดีพระทัยขึ้น
“งั้นไปหานางกัน อย่าปล่อยให้นางอยู่คนเดียวเป็นอันขาด!” เคียงฟ้าในร่างมหิตาเทวียิ้มออกมาทันที บางทีการกลับมาครั้งนี้อาจจะยังทันเวลา หล่อนอาจจะช่วยชีวิตกุสุมาลย์เอาไว้ได้
“พระเทวี...” แต่พวกนางกำนัลอิดเอื้อน และต่างก็มีน้ำตาไหลนองหน้า
“ชักช้าอยู่ไย เดี๋ยวจะเสียการ”
“พระเทวีเพคะ...พี่กุสุมาลย์จากพวกเราไปแล้ว..ฮือ” เป็นศรีดาราที่ทูลถวายพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง พลอยให้นางกำนัลอื่นๆ สะอื้นไห้ตามกัน
“....พี่กุสุมาลย์” สุรเสียงที่ตรัสออกมาคล้ายจะขาดพระทัยตาม พระนางค่อยทรุดวรกายลงนั่งอีกครั้งด้วยความเลื่อนลอย อัสสุชลรินออกมาเป็นสายเมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับกุสุมาลย์
ความจริงแล้วเช้ามืดของวันนั้นกุสุมาลย์ตัดสินใจปลิดชีพตนเองลงอย่างเงียบๆ โดยที่เพื่อนนางกำนัลยังหลับไหลไม่ทันรู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงร่างอรชรล้มฟาดลงกับพื้นกระดานแล้วกระตุกร่างอย่างรุนแรง นางจึงค่อยตื่นขึ้นมาพบกับความตกใจสุดขีด เสียงร้องของความช่วยเหลือดังไปทั่วทั้งตำหนัก มหิตาเทวีรับทราบตั้งแต่ตื่นบรรทม พระนางมิได้ตรัสสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว ราวกับดวงหทัยจะหลุดลอยตามพระพี่เลี้ยงคนงามไปด้วย ชายาแห่งนาคเจ้าสิ้นสติสมประดีไปในทันที กว่าจะได้สติอีกครั้งก็ล่วงไปยามบ่ายเสียแล้ว
เคียงฟ้าจึงได้แต่นิ่งเงียบปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม สมองอื้ออึงไปด้วยความโกรธ...โกรธใคร โกรธทั้งตนเอง โกรธมหิตาเทวี...โกรธพินทุมณีเทวี
“เสด็จพี่พินทุมณี!!” หล่อนอุทานออกมาเหมือนนึกถึงบางสิ่งได้ เท่านั้นเองกองกูณฐ์ในใจก็ลุกลาม สีพระพักตร์ของมหิตาเทวีเคร่งเครียดดวงเนตรวาววาบอย่างกริ้วจัด พลันผลุนผลันลุกขึ้นดำเนินไป เหล่านางกำนัลพากันมองด้วยความงงงวย
“จะเสด็จไหนเพคะ?”
“ไปตำหนักเสด็จพี่พินทุมณี!” มหิตาเทวีหมายมาดไปถามหาผู้รับผิดชอบความตายของกุสุมาลย์!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 42
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
====================================================
ตอนที่ 42
ความตายของกุสุมาลย์
ในห้องนั้นมิได้มืดสนิทยังมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟดวงเล็กข้างเตียง ส่องให้เห็นว่าเจ้าของห้องนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ร่างอ้อนแอ้นทอดถอนหายใจ จิตใจหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องราวที่ผ่านภพไปเมื่ออดีตชาติ โดยไม่รู้ตัวว่าแรงคะนึงนั้นเป็นคลื่นจิตชั้นดีที่จะเรียกหาวิญญาณหญิงงาม
“พี่กุสุมาลย์...พี่ตายเพราะอะไร?” เสียงพึมพำรำพึงลอดริมฝีปากออกมา แต่ไม่มีคำตอบใดกระจ่างในห้วงความคิด เคียงฟ้าพลิกตัวลงนอนแต่ไม่อาจข่มตาให้หลับสนิทได้
“...เจ้าอยากรู้รึ?”
เสียงแผ่วเบาปรากฏขึ้นในห้วงสำนึก แต่ก็ปลุกให้เคียงฟ้าลุกพรวดจากที่นอน แล้วเหลียวมองไปรอบห้องด้วยอาการตื่นตระหนก เมื่อแรกก็มองไม่เห็นสิ่งใดหล่อนจึงถอนหายใจว่าหูแว่วไปเอง แต่พอจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เสียงผู้หญิงสะอึกสะอื้นก็ปรากฏขึ้นที่มุมห้อง หญิงสาวหันขวับไปตามทิศทางของเสียงทันที
ห้องนอนอันคุ้นเคยมืดสนิทลงมองไม่เห็นแม้แต่แสงโคมไฟ แต่มุมหนึ่งกลับค่อยๆ กระจ่างขึ้น ให้เห็นเขาโครงร่างสตรีอรชร นางนั่งพับเพียบก้มหน้าร่ำไห้อยู่หน้ากระจกทองเหลือง แม้ไม่เห็นหน้าชัดเจนนักแต่ทราบได้ในทันทีว่านั่นคือผู้ใด วิญญาณจากอดีตกาลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วผินหน้ากลับมาเคียงฟ้า ดวงหน้าซีกหนึ่งมีรอยแผลสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำพาดผ่าน ส่วนอีกซีกหน้าแม้งดงามโสภาแต่ขาวซีดไม่ต่างกับคนตาย นัยน์ตาที่เคยงดงามมาบัดนี้แดงก่ำรวกับโลหิต แววตาทอแสงแห่งความพยาบาทจนวาวโลด
“เจ้าอยากรู้ใช่ไหม? อยากรู้ใช่ไหมมมมมมมมมมมมม?!!!!!” เสียงถามกรีดร้องจนเสียดแทงเข้าไปในใจ เคียงฟ้านั่งตัวแข็งทื่อไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“ข้าจะบอกให้..เพราะเจ้านั่นแหละ!!!” วิญญาณภูตแสยะยิ้ม ดวงตามาดร้ายมีน้ำตาไหลออกมา ทว่ามันเป็นสีเลือดไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้ามาแต่น้อย...ทั้งรัก ทั้งถนอม ไม่ต่างกับน้องร่วมสายเลือด แล้วดูสิเจ้าสินางหญิงใจทราม!!”
“พะ...พี่..กุ..สุ..มาลย์” เคียงฟ้าได้แต่อึกอักเสียงตอบไม่เต็มปาก
“จงดูให้เต็มตา วาระสุดท้ายของข้า!!” ภูตสาวตวาดก้องด้วยความเคียดแค้น จากนั้นหันไปรำพันถึงความทุกข์ของตนเองต่อ
“พระเทวี...ทั้งที่ข้ารักท่านเช่นนี้ นี่คงเป็นความประสงค์ของท่านสินะ...” วิญญาณสาวพูดพึมพำเหมือนคนไร้สติ เจ้าของห้องเห็นเข้าทั้งหดหู่เวทนาและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน เมื่อพบว่าสติของกุสุมาลย์ในวาระสุดท้ายของชีวิต นางวิปลาสไปเสียแล้ว
“ภูวิษะเจ้า...ขอบพระทัยที่ประทานทางเลือกให้...”
สีหน้านางยามกล่าวถึงชายที่เทิดทูน ความน่าสะพรึงเมื่อครู่จางหายไปคงเหลือแต่ความเศร้าสร้อย จากนั้นนางก็ควานเอาปิ่นจากลิ้นชักของตั่งวางเครื่องประทินโฉมขึ้นมากำไว้ ในความมืดปิ่นเงินในมือกุสุมาลย์กลับเรืองรอง คล้ายต้องการให้เห็นชัดเจนว่าเป็นปิ่นที่นาคเจ้าเคยประทานให้เมื่อครั้งก่อน กุสุมาลย์ชูปิ่นขึ้นสูงแล้วหันปลายแหลมของปิ่นเข้าสู่ตนเอง เคียงฟ้าเข้าใจแล้วนางจะทำอะไร หญิงสาวคล้ายจากหลุดจากอาการสะกด เมื่อขยับตัวได้หล่อนลุกขึ้นวิ่งมาหากุสุมาลย์ทันที...
...แต่อนิจจา...ปิ่นในมือหญิงงามแทงลงมาสุดกำลัง มันรวดเร็วเกินกว่าเคียงฟ้าจะห้ามทัน ปลายแหลมของมันแม้มิใช่ของมีคมแต่ด้วยแรงของผู้เป็นเจ้าของ จึงทิ่มทะลุคอนางทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!! พี่กุสุมาลลลลลลลลลล...ย์" หล่อนกรีดร้องลั่น พยายามเข้าไปประคองร่างกุสุมาลย์ที่ล้มตะแคงไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวร่างนั้นกลับขยับตัวเงยหน้าที่นองไปด้วยเลือดจากทั้งนัยน์ตาสองข้างและบาดแผลที่คอขึ้นมองแล้วแสยะยิ้มให้เคียงฟ้าอย่างน่าสยดสยอง
“เจ้าอยากได้ปิ่นเงินนี่คืนสินะ...เป็นปิ่นที่ภูวิษะเจ้าประทานให้ข้า...เจ้าหึงหวงสินะ”
กล่าวจบนางก็ยันตัวขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง เลือดจากลำคอระหงไหลเจิ่งนองมาเป็นสาย กุสุมาลย์จัดท่านั่งได้เรียบร้อย นางก็คลี่ยิ้มงดงามทว่าน่าสะพรึงกลัว นัยน์ตาสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัว มือเรียวค่อยดึงด้ามปิ่นออกจากลำคอตัวเองอย่างยากเย็นคล้ายติดขัด จนนางต้องเงยหน้าขึ้น
“ข้าแทงลึกไปหน่อย...เจ้าคงต้องรอสักครู่” สีหน้านางบ่งบอกได้เพียงนางวิกลจริตไปเสียแล้ว
ไม่นานนักกุสุมาลย์ก็ดึงปิ่นให้พ้นจากลำคอได้สำเร็จ ทว่ามีโลหิตแดงฉานพุ่งตามออกมาเป็นสาย วิญญาณหญิงงามยื่นปิ่นในมือไปให้เคียงฟ้า
“นี่เพคะพระเทวี รับไปสิเพคะ” เคียงฟ้าร้องไม่ออกได้แต่ยกสองมือขึ้นปิดปาก
“บอกให้เอาไปไงเล่า!!!”
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองนางก็เกรี้ยวกราด ปาปิ่นลงแทบเท้าอีกฝ่าย ภาพตรงหน้าสยดสยองจนเคียงฟ้าไม่อาจคุมสติได้อีกต่อไป หล่อนกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวแล้วสิ้นสติไปในที่สุด...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พระเทวี! พระเทวี! เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
ดวงเนตรงามค่อยปรือขึ้นมาท่ามกลางความโล่งอกของทุกผู้ในห้องนั้น เรียกเสียงถอนหายใจจากเหล่าบรรดานางกำนัล ดวงหน้าแต่ละนางดูจะขวัญเสียไม่แพ้กัน ต่างพากันร่ำไห้สะอึกสะอื้นกันทั่วทั้งตำหนัก
“ทำพระทัยดีๆ ไว้เพคะ ไม่อย่างนั้นพี่กุสุมาลย์จะจากไปอย่างเป็นกังวลนะเพคะ” ปทุมมาประคองร่างเทวีแห่งนางขึ้นมานั่ง หญิงสาวสะบัดหน้าด้วยความงุนงง เมื่อพบว่าหล่อนเข้ามาสู่ภพอดีตโดยไม่รู้ตัว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้พี่กุสุมาลย์ยังอยู่ตรงนี้ นางหายไปไหนแล้ว” ทุกผู้ล้วนแต่ปิดปากเงียบสนิท มีเพียงมหิตาเทวีทรงยืนแล้วตรัสขึ้นมาด้วยท่าทางไม่ต่างกับละเมอ
“มัวทำอะไรกันอยู่...เมื่อกี้ข้าเห็นพี่กุสุมาลย์ นาง...นาง เอาปิ่น...ปิ่นที่เสด็จพี่ประทานให้...” ตรัสได้แค่นั้นวรกายก็โอนเอนคล้ายทรงร่างไม่อยู่ ปทุมมาและศรีดารารีบปรี่เข้ามาประคอง
“พระเทวีทรงพระสุบินไป...เพคะ”
“สุบิน...ฝัน? แปลว่าข้าฝันไปเองอย่างนั้นรึ?” ดวงตากลมโตค่อยมีแววแห่งความหวัง “ถ้างั้นพี่กุสุมาลย์ก็ยังอยู่ นางมิได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม?!” เมื่อดำริออกมาดังนั้นก็ดีพระทัยขึ้น
“งั้นไปหานางกัน อย่าปล่อยให้นางอยู่คนเดียวเป็นอันขาด!” เคียงฟ้าในร่างมหิตาเทวียิ้มออกมาทันที บางทีการกลับมาครั้งนี้อาจจะยังทันเวลา หล่อนอาจจะช่วยชีวิตกุสุมาลย์เอาไว้ได้
“พระเทวี...” แต่พวกนางกำนัลอิดเอื้อน และต่างก็มีน้ำตาไหลนองหน้า
“ชักช้าอยู่ไย เดี๋ยวจะเสียการ”
“พระเทวีเพคะ...พี่กุสุมาลย์จากพวกเราไปแล้ว..ฮือ” เป็นศรีดาราที่ทูลถวายพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง พลอยให้นางกำนัลอื่นๆ สะอื้นไห้ตามกัน
“....พี่กุสุมาลย์” สุรเสียงที่ตรัสออกมาคล้ายจะขาดพระทัยตาม พระนางค่อยทรุดวรกายลงนั่งอีกครั้งด้วยความเลื่อนลอย อัสสุชลรินออกมาเป็นสายเมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับกุสุมาลย์
ความจริงแล้วเช้ามืดของวันนั้นกุสุมาลย์ตัดสินใจปลิดชีพตนเองลงอย่างเงียบๆ โดยที่เพื่อนนางกำนัลยังหลับไหลไม่ทันรู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงร่างอรชรล้มฟาดลงกับพื้นกระดานแล้วกระตุกร่างอย่างรุนแรง นางจึงค่อยตื่นขึ้นมาพบกับความตกใจสุดขีด เสียงร้องของความช่วยเหลือดังไปทั่วทั้งตำหนัก มหิตาเทวีรับทราบตั้งแต่ตื่นบรรทม พระนางมิได้ตรัสสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว ราวกับดวงหทัยจะหลุดลอยตามพระพี่เลี้ยงคนงามไปด้วย ชายาแห่งนาคเจ้าสิ้นสติสมประดีไปในทันที กว่าจะได้สติอีกครั้งก็ล่วงไปยามบ่ายเสียแล้ว
เคียงฟ้าจึงได้แต่นิ่งเงียบปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม สมองอื้ออึงไปด้วยความโกรธ...โกรธใคร โกรธทั้งตนเอง โกรธมหิตาเทวี...โกรธพินทุมณีเทวี
“เสด็จพี่พินทุมณี!!” หล่อนอุทานออกมาเหมือนนึกถึงบางสิ่งได้ เท่านั้นเองกองกูณฐ์ในใจก็ลุกลาม สีพระพักตร์ของมหิตาเทวีเคร่งเครียดดวงเนตรวาววาบอย่างกริ้วจัด พลันผลุนผลันลุกขึ้นดำเนินไป เหล่านางกำนัลพากันมองด้วยความงงงวย
“จะเสด็จไหนเพคะ?”
“ไปตำหนักเสด็จพี่พินทุมณี!” มหิตาเทวีหมายมาดไปถามหาผู้รับผิดชอบความตายของกุสุมาลย์!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++