ฉันจะลาออกจากราชการดีไหมคะ

ช่วยฉันติดสินใจด้วยนะคะ
ฉันทำงาน รับราขการ เป็นครู  ตลอดชีวิตการเป็นครู ฉันไม่เคยมีความสุขกับการทำงานให้กับหน่วยงานนี้เลย  ก่อนอื่น ต้องขออนุญาตแยกประเด็น ในการทำงานดังนี้นะคะ
        ประเด็นที่ หนึ่ง คือ การปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอน ที่อยู่ในห้องเรียน หรือ ในเวลาเรียน หรือ การที่ฉันได้ทำงาน ได้สอน ได้ใกลันักเรียน มันเป็นความสุขสำหรับฉัน  คือ สุขที่ได้ให้ความรู้ ให้ความรักกับเด็กนักเรียน อันนี้ เป็นความสุขอย่างยิ่งของฉันนะคะ  ดิฉันมีความสุขที่ได้สอนนักเรียน ได้เห็นแววตาของนักเรียนที่แสดงออกว่า สิ่งที่ฉันสอนเขา สิ่งที่ฉันบอกเขา  แล้วเขาพบว่า มันใช่ นะ ...ถึงแม้จะมีนักเรียนที่ดื้อๆ บ้าง แต่ด้วยความที่ฉันเป็นครู ฉันก็ค่อย ๆ ดึงเขากลับเข้ามา หลาย ๆ คน ตอนที่เรียนปี 1 หลงทาง ติดเพื่อนไป ทำให้ผลการเรียนติด 0 หลายตัว คือ แทบจะรีไทร์ แต่ฉันก็ได้ดึงเขามา เรียนว่า แทบจะฉุดกระชากลากถูเลยก็ว่าได้  เพราะว่า หลาย ๆ คนที่ได้ผลการเรียนต่ำ ไม่ใช่ เด็กไม่ฉลาด เพียงแต่ช่วงนั้นเขาเลี้ยวผิดไปหน่อย หรือ แม้กระทั่งนักเรียนกลุ่มปกติที่มาเรียนเป็นประจำ พวกเขาก็สร้างความสุขให้กับฉันเสมอ แม้หลาย ๆ ครั้งจะสร้างความปวดหัว  ไปบ้าง แต่ตอนจบ The end ก็มักจะมีความทรงจำดี ๆ ให้กันเสมอในแต่ละรุ่น
        ประเด็นที่ สอง  คือ การปฏิบัติหน้าที่พิเศษนอกเหนือจากงานสอน เป็นงานที่ต้องพบปะกับผู้คนในสถานที่ทำงาน ซึ่งมีทั้งคนที่ดีและคนที่ไม่ดี ด้วยสาขาวิชาที่ฉันสอน เป็นสาขาวิชาที่ค่อนข้างจะหลากหลายวิชา มาอยู่ด้วยกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นทางด้านพานิชย์ การตลาด คหกรรม อาหาร ภาษาอังกฤษ การแสดง การจัดตกแต่งสถานที่ การให้บริการ นักเรียนของฉันจะได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ เพราะฉันวิเคราะห์แล้วว่า ถ้าเรียนในสาขาวิชานี้ นักเรียนจะเรียนรู้อะไรบ้าง ฉันก็เลยเลือกรายวิชาที่หลากหลายให้กับผู้เรียน  เพราะการที่นักเรียนของฉันได้เรียนรู้ที่หลากหลาย ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่สถานศึกษามีงานต่าง ๆ นักเรียนของฉันมักจะถูกใช้ให้ทำงานต่าง ๆ ของสถานศึกษามากมาย ทั้ง ๆ จริง ๆ แล้ว ในสถานศึกษา ยังมีสาขาวิชา ต่าง ๆ ที่มีผู้เรียนเรื่องเหล่านั้นโดยตรง
แต่ไม่ถูกเรียกให้ทำงานนั้น คนที่ทำงานนั้น ก็คือกลุ่มเด็กนักเรียนของฉัน ยกตัวอย่างให้ดูนะคะ
        เมื่อสัปดาห์ก่อน สถานศึกษาของฉัน มีงานที่จะต้องดำเนินการนอกเหนือจากเรื่องการเรียนการสอนในห้องเรียนหลายเรื่องมาก  
        1.    การจัดเตรียมสถานศึกษาเพื่อรับการประเมิน  และในการประเมินนั้น ผู้บริหารของสถานศึกษาของฉันมองเห็นว่า ควรที่จะเชิญคนภายนอกมาด้วย เพื่อความอลังการงานสร้าง  ของสถานศึกษา จึงต้องได้มีการเรียนเชิญ โรงเรียนข้างเคียง มาชมนิทรรศการ มาเรียนอาชีพพิเศษต่าง ๆ  และอื่น ๆ อีกมากมาย   นักเรียนของฉันจะต้องดูแลในเอง
            -    จัดสถานที่ ซึ่งประกอบไปด้วย การจัดเวที ( ประดับผ้า ) จัดโต๊ะสำหรับคณะกรรมการ  หลายตัวมาก  ตัวหนึ่งใช้โต๊ะต่อกันหลายตัว   และ มีทั้งหอประชุมด้านบนและด้านล่าง  จัดห้องต่าง ๆ ( ประดับผ้า ) ซึ่งในการประดับผ้าต่าง ๆ เหล่านี้ ดิฉันสามารถที่บริหารผู้เรียน แบ่งกลุ่มผู้ทำได้ แต่ปัญหาคือ ผู้บริหารที่สั่งการนั้น ซึ่งจะต้องเป็นเบอร์ 1 เท่านั้นที่ตัดสินใจ ว่าจะใช้ผ้าสีอะไร อย่างไร แล้วเมื่อถึงเวลาปฏิบัติงาน เบอร์ 1 มักไม่อยู่ แต่งานจะเริ่มแล้ว ทำให้ฉันต้องตัดสินใจ เลือกผ้าสีที่คิดว่า น่าจะถูกใจ ท่านผู้บริหารเบอร์ 1  ให้นักเรียนได้ลงมือทำ
        ในการทำงานนั้น ก็ไม่เคยมีความแน่ชัด ว่าจะทำที่ไหน อย่างไร กี่ตัว ทำให้งานที่วางไว้ว่า มีจำนวนเท่านี้ บานออกเรื่อย ๆ ซึ่งนักเรี่ยน หลาย ๆ คน บ้านอยู่ไกล หลาย ๆ คนต้องไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน  หลาย ๆ คนมีภาระทางบ้าน เอาละ เมื่อไม่มีใครตัดสินใจได้ ฉันต้องตัดสินใจเอง เลือกสีที่คาดคิดว่า ท่านเบอร์ 1 จะพอใจมากที่สุด ให้นักเรียนลงมือทำ เรียกกันว่าทำทั้งวัน วิชาอื่น ๆ ไม่ต้องเรียนกันล่ะ ( เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ประจำ จนนักเรียน ไม่อยากจะเรียนสถานศึกษาแห่งนี้แล้ว )  ทำกันทั้งวัน เพราะโต๊ะเยอะมาก และ มีงานเพิ่มมาเรื่อย ดิฉันก็พยายามกดดันนักเรียน  ให้ทำให้เรียบร้อยที่สุด และให้เสร็จให้เร็วที่สุด จากเริ่มงานเวลา 09.00 ไปจบงานกันเวลา  18.00 น. เหนื่อยล้ากันไปทั้งครูทั้งนักเรียน
        เวลา ประมาณ 19.00 น. เบอร์หนึ่ง ซึ่งตลอดทั้งวันทีทำงาน ไม่ทราบไปไหน กลับมาถึงสถานศึกษา มาเช็คงาน พบว่า เลือกผ้าสีไม่ถูกใจ ต้องการให้รื้องานใหม่ เพื่อจะเอาสีที่ถูกใจเธอ
โทรหาดิฉัน  เพื่อให้ไปแก้งาน ( ดิฉันไม่ไป ++++ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ดิฉันจะตัดสินใจ  )
        งานที่  2    งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม    งานนี้นักเรียนของดิฉันก็เช่นเดียวกัน ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน
        งานบริการนี้ แบ่งงานออกเป็นดังนี้นะคะ
            2.1   บริการอาหารว่าง  สำหรับ กรรมการ และ ผู้บริหาร รวมทั้งครูที่เข้าให้ข้อมูลด้วย   อุปกรณ์ + อาหารต้องอลังการณ์งานสร้าง  สุดฤทธิ์  ( เพราะเบอร์ 1 คือ ผู้คิด พวกดิฉันคือพวกปฏิบัติ  ) การเตรียมอุปกรณ์สำหรับงานนี้ ยุ่งยากมาก เพราะต้องใช้ของที่หลากหลาย ละเอียดยิบย่อยมาก และ แขกทุกคนในถาดอาหารว่างนั้น ต้องมีอุปกรณ์ที่เหมือนกัน ในฐานอาหารว่าง 1 ชุดนั้น ประกอบไปด้วย
            - ถ้วยกาแฟ + แก้วน้ำเปล่า+แก้วน้ำส้ม+ของคาว+ของหวาน+ผลไม้ นี่คือบริการสำหรับแขก 1 ท่าน และ รายการอาหารแต่ละอย่างต้องมีภาชนะใส่ ให้เหมือนกัน
อย่าถามนะคะว่า แขกกี่ท่าน
    ในการเตรียมนั้น ก็เตรียมในช่วงเวลาเดียวกันกับที่อีกทีมหนึ่ง กำลังจัดสถานที่ แล้วครูผู้ควบคุมคือใครละคะ ก็อิฉันนี่ละคะ แยกร่างไป
            2.2    บริการอาหารกลางวัน     กว่าจะได้รายการอาหารคืออะไร แขกกี่ท่าน ทานที่ไหน จัดแบบไหน อย่างไร ( ทำไมถึงต้องรอข้อมูลเหล่านี้ เพราะว่า เบอร์ 1 เธอไม่ยอมที่จะให้ลูกน้อง คิดงานเองเป็น โดยที่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ ถ้าทำไว้ได้ดีใช่มั้ย   เธอก็จะให้แก้งาน มีอะไรมั้ย  ทั้ง ๆ ที่งานชิ้นนั้น ก็ดูดีแล้ว เรียกว่าดีที่สุดเลยล่ะ  เพราะเธอคือ ผู้บริหารเบอร์ 1 )  
งานเริ่มพรุ่งนี้ ทุ่มหนึ่งยังไม่ได้ข้อมูล  ทั้งครูและนักเรียนก็ทำงานแบบเร่งรีบ ไม่เคยมีความชัดเจนในการทำงาน ทำไปแล้ว สั่งแก้ สั่งเปลี่ยน เหนื่อยทั้งครูเหนื่อยทั้งนักเรียน
            2.3    งานจัดดอกไม้ ด้วยความที่ฉันอยากให้นักเรียน ได้เรียนรู้ที่หลากหลายก็เลยเปิดรายวิชาที่เกี่ยวกับการจัดดอกไม้ให้นักเรียนได้เรียน เพื่อที่ว่า เมื่อเรียนจบออกไป จะได้มีความสามารถที่หลากหลาย ( หลาย ๆ คนน่าจะเดาถูกว่า ฉันสอนสาขาอะไร
ไม่ใช่ คหกรรมนะคะ )  นักเรียนของฉันก็ถูกเรียกตัวให้มาทำงานนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว
ยังมีนักเรียนที่เรียนด้านงานดอกไม้โดยตรง แต่ทำไม ไม่ถูกเรียกให้ทำงานด้วยก็ไม่รู้
            2.4    งานแสดงโชว์ คือ การร่ายรำต่าง ๆ นักเรียนของฉันก็อีกนั่นละคะ ที่ถูกเรียกให้มาแสดง
            2.5    งานจัดบอร์ดนิทรรศการต่าง ๆ รอบสถานศึกษา มีครูท่านหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการจะเข้าประเมินวิทยาลัยแล้ว บอร์ดตามทางเดินต่าง ๆ ยังไม่มีใครทำเลย หวยก็มาตกอยู่ที่ นักเรียนของฉันอีกแล้วครับท่าน
            2.6  งานจัดนิทรรศการ แผนกวิชา ต้องมีการโชว์ความสามารถของผู้เรียนให้ผู้มาร่วมงานได้เห็นเชิงประจักษ์ ซึ่งฉันว่า สำหรับแผนกฉันไม่เห็นจำเป็นต้อง โชว์เลย แค่ชี้ให้แขกดูว่า นี่นะ สถานที่ที่ท่านเห็นเป็นผลงานของนักเรียนแผนก........ ดอกไม้สวย ๆ ที่ท่านเห็นเป็นผลงานของนักเรียนแผนก..............  อาหารที่ท่านกำลังรับประทาน และนักเรียนที่กำลังเสริฟท่านอยู่เป็นนักเรียนแผนก.........................
    แต่เชื่อมั้ยคะว่า งานที่ทำทุกอย่าง ไม่เคยมีชื่อแผนกวิชาของดิฉันหลุดออกมาจากปากผู้บริหารหรือผู้ทีทำหน้าที่พิธีกรเลยสักครั้ง
    ในงานที่ดิฉันกล่าวมานี่  คณะกรรมการมาประเมิน วันอังคาร ดังนั้นกระบวนการเตรียมงานไม่ว่าจะเป็น จัดสถานที่ เตรียมอุปกรณ์บริการอาหาร  และ อื่น ๆ  ต้องทำให้แล้วเสร็จในวันจันทร์ใช่มั้ยคะ   เอาละคะ วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ปน ทุลักทุเล เพราะเบอร์ 1 มีการสั่งเปลี่ยนแปลงตลอด  
    วันอังคาร คณะกรรมการมาประเมิน นักเรียนก็ต้องไปให้บริการอาหารว่าง อาหารกลางวัน และ ร่วมจัดนิทรรศการ
    ในเวลาที่ดิฉันกำกับดูแล นักเรียนในจัดสถานที่ จัดอุปกรณ์ในการบริการอาหารนั้น ไม่มีครูคนไหน หรือผู้บริหารคนอื่น ๆ สักคนมาดูแล น้ำเย็นสักแก้ว ขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้นักเรียนที่ทำงาน ได้มีกำลังใจ ไม่เคยมี
    แต่เมื่อเบอร์ 1 มาตรวจงาน บรรดาครู ๆ ทั้งหลาย ไม่รู้มาจากไหน เคียงข้างท่านเบอร์ 1 พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า ว่าสิ่งที่ฉันได้ทำลงไปนั้น ไม่เหมาะ ไม่สวย เห็นควรให้แก้ไข
    เอาละ กลับมาเรื่องงานกันต่อนะคะ
    เมื่อคณะกรรมการทานอาหารเรียบร้อย และ เดินทางกลับ ทิ้งไว้แต่ซากของงานที่ยับเยิน
    ถึงตอนเก็บ ใครละคะ ก็ดิฉันและนักเรียนของดิฉันสิคะ ช่วยกันเก็บ ช่วยกันล้าง กว่าจะเรียบร้อย ก็หมดเวลาไปอีกวัน สำหรับวันอังคารเก็นได้แค่พวกถ้วยจานที่แขกทานข้าว เพื่อเอามาล้าง มิฉะนั้น จะเน่าเสีย เหม็น ไม่น่าดู กว่างานจะเรียบร้อย ก็เกือบ ๆ จะทุ่มหนึ่ง
        งานประเมินผ่านไป ในสัปดาห์เดียวกันนี้ มีงานเลี้ยงส่ง ผู้บริหารท่านหนึ่ง ให้เดินทางไปรับตำแหน่งที่อื่น ดังนี้ คืนวันพุธ สถานศึกษาจะต้องมีงานเลี้ยง สถานศึกษาแห่งนี้ ถ้ามีงานเลี้ยง จะให้โต๊ะจีนมา แล้ว ทุก ๆ คนมารับประทานกัน มันธรรมดาไป มันไม่ใช่ดาวนะคะ  มันต้องมีโต๊ะวีไอพี อุปกรณ์ที่วีไอพี จะรับประทาน ต้องไม่ใช่ของจากโต๊ะจีน ต้องเป็นอุปกรณ์ที่เซ็ตใหม่ทั้งหมด ชุดกระเบื้องทั้งหมด แก้วน้ำต้องเป็นแก้วก้าน จะเป็นแก้วที่ทางร้านโต๊ะจีน จัดให้ไม่ได้
        ต้องมีคนคอยบริการ ( ซึ่งก็คือนักเรียนของฉันอีกนั่นละคะ )
        ต้องมีโชว์  ก็นักเรียนฉันอีกนั่นละคะ ( โรงเรียนแห่งนี้ มีนักเรียนประมาณ 2000 คน แต่แผนกฉันมีนักเรียนประมาณ ร้อยกว่าคน )
        งานนี้ก็เช่นเดียวกัน ตอนเตรียมงาน ไม่มีใครสักคน มาสนใจดูแล พอเวลางานเริ่ม ครู แต่ละคน ก็มานั่งที่โต๊ะ เพื่อรับประทานอาหาร  สนุกสนานกัน เมื่องานเลิก ทุกคนก็กลับ เหลือไว้แต่ฉันกับนักเรียนที่ต้องเก็บล้าง กว่างานจะเลิก กว่าจะเก็บของเรียบร้อย ก็เกือบ ๆ จะตีหนึ่ง
แล้วนักเรียนที่มาช่วยงานฉัน ถามว่า เขามีภาระหน้าที่ที่บ้านมั้ย ตอบได้เลยว่ามี แต่เพราะว่าฉันขอร้องว่า ช่วยครูหน่อยนะ เขาถึงมา  บางคนบ้านอยู่ไกลมากกกก เสี่ยงต่อการอันตรายต่าง ๆ รอบตัว  
        ฉันอยากเห็นว่า เมื่องานแต่ละงานจบสิ้น อยากเห็นผู้บริหารหรือครูคนอื่น ๆแค่เดินเข้ามาตรงกลุ่มนักเรียนที่ทำงาน ต่าง ๆ แล้วพวกคุณก็กล่าวคำว่า ขอบใจนะ
แค่นี้ มันก็คือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่แล้วสำหรับนักเรียนคนหนึ่ง ๆ แต่นี่ไม่เคยมี จบงาน ต่างคนต่างกลับ เหมือนนินจามากกกก
        งานเลี้ยงภาคกลางคืนผ่านไปแล้วใช่มั้ยคะ  คราวนี้ก็ต้องถึงคราว ผู้บริหารท่านที่ถูกเลี้ยงส่งต้องออกเดินทางแล้ว ซึ่งก็คือเช้ามืดวันรุ่งขึ้น
        คนจะเดินทางไกล มันต้องมีอาหารรองท้องใช่ม้ยคะ ก็ต้องเลี้ยงข้าวต้ม กาแฟ
ก็แผนกฉันอีกละคะ ที่ทำหน้าที่ในการให้บริการ เมื่อคืน กว่าจะล้างของเก็บของเรียบร้อย เช้านี้
ประเดิมงานกันตอนตีห้า เพราะว่าฤกษ์เดินทางท่าน เวลา 09.00 ครูแต่ละคน แต่งตัวเตรียมเดินทาง
มารับประทานอาหารเช้า แล้วก็ขึ้นรถเดินทางไปส่งผู้บริหาร ถามว่าฉันอยากไปมั้ย ฉันตอบได้เลยว่าอยากไป แต่ จะให้ฉันไปได้อย่างไร ในเมื่อ คนที่จะทำหน้าที่ในการเก็บล้าง ก็คือลูกศิษย์ฉัน ฉันทำไม่ได้หรอกคะ เช่นเดิม งานนี้ ไม่มีคำว่า ขอบคุณเหมือนเดิน เธอทำไปสิ
        ในการให้บริการอาหารก่อนออกเดินทาง ก็มีปัญหาเหมือนเดิม คือ ในการเตรียมสถานที่ให้แขกรับประทานนั้น ฉันมองเห็นว่า น่าจุด ๆ หนึ่งนั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากมีโต๊ะม้าหินอ่อนอยู่ในจำนวนที่น่าจะเพียงพอต่อผู้รับบริการ นักเรียนจะได้ไม่เหนื่อยในการจัดสถานที่ แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเบอร์หนี่งมาเห็นสถานที่ ณ เช้าวันที่จะมีการเดินทาง ( นั่นก็คือประมาณ 6.00 ) เธอไม่พอใจ สั่งย้าย สั่งเปลี่ยน ในงานนี้ ซึ่งเป็นเช้าวันหยุด ฉันเกรงใจนักเรียน ก็เลยขอร้องให้มาช่วยแค่ 1-2 คน เมื่อต้องมาปรับเปลี่ยนย้านกันแบบนี้ เป็นอะไรที่หนักมาก เพราะว่า ไหนจะย้ายสถานที่ ย้ายอุปกรณ์แล้ว ต้องม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ย้ายไปโรงเรียนอื่นก็พอครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
- ลองหยุดงานซักสองวัน(ปิดมือถือ)ในวันที่เค้ามีกิจกรรมยุ่งๆๆ เพื่อให้รู้ว่าเราสำคัญขนาดไหนบ้าง
- บ้านหลังเล็กๆ ต้องกู้หรือใช้เงินในบัญชี ในการสร้าง
- ไม่มีครอบครัว มีเงินบำนาญ หากไม่มีหนี้สิน ลาออกเป็นทางออกสุดท้าย
ความคิดเห็นที่ 12
ตอบจากห้องสินธร
       การลาออกจากงานใดก็ตามไม่ว่าราชการหรือเอกชน ประเด็นการพิจารณาประกอบการตัดสินใจคงมีมากกว่านี้ ถ้าเราลาออกแล้วในแง่เศรษฐกิจ ยังมีรายได้จุนเจือครอบครัวและตัวเองแบบไม่เดือดร้อน ไม่มีภาระหนี้สินติดค้าง และมีลู่ทางประกอบอาชีพอื่นก็คงลาออกได้
       มีคนที่รู้จักลาออกจากราชการเพราะเบื่อผู้บริหารเหมือนเจ้าของกระทู้ แต่ยังมีภาระเงินกู้กับสหกรณ์ครู ลูกยังเรียนอีกสองคน บ้านยังผ่อนกับธนาคาร ออกไปก็หารายได้ไม่เท่าเดิมกลายเป็นซ้ำเติมปัญหา
      และที่สำคัญ ไม่นานผู้บริหารคนนั้นย้ายไปที่อื่น คนใหม่มาแนวทางการบริหารก็เปลี่ยนไป สรุปว่าการตัดสินใจเพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่เกิดประโยชน์อันใด มีแต่ทำให้เกิดปัญหามากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่