ต้องขออธิบายล่วงหน้าก่อนเลยว่า เราเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ทุกวัน จันทร์-ศุกร์ กระทั่งวันเสาร์ออกไปเดินเล่นหาอะไรทานก็ใช้บริการนี้มาตลอดเป็นเวลา ๖-๗ปีแล้ว และทุกครั้งก็จะขึ้นที่ต้นสถานี วงเวียนใหญ่ (หลังจากมีสถานีนี้ ก่อนหน้านี้ก็สุรศักดิ์)
มีหลายๆครั้งที่เจอคนรู้จักบ้าง และไม่รู้จักบ้าง แต่ในคนที่ไม่รู้จักหลายๆ ครั้งก็มีคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดน่าชวนให้มองอยู่บ้างพอสมควร
แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ไม่ได้สนใจหรือมองใครเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวัน และออกจากบ้านไปทำงานก่อนเวลาปกติ
จู่ๆ เงยหน้ามาอีกทีหลังจากเปลี่ยนขบวนที่สถานี สยาม ก้พบผู้หญิงคนนึงอยู่ข้างๆ ห่างกันราวๆเกือบ ๑ ช่วงแขนก็แค่นั้นแหล่ะ ไม่ได้สนใจอะไร
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนสวยสะดุดตาแบบเห็นครั้งแรกต้องเหลียวกลับไปมอง หรือน่ารักหวานจนใครๆเห็นก็หลงละลาย
เธอใส่แว่นตากรอบสีดำ เสื้อเชิร์ตแขนระบายหลายชั้นสีครีมอ่อน กระโปรงจำไม่ได้ สูงราวๆ ๑๖๓ ซม. ดูคล้ายๆ นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ได้ไม่นาน ไม่น่าจะเกินปีนึง ยืนเล่นไอแพดใส่หูฟังอยู่ อมยิ้มดูสนุกสนาน มองแล้วก็เพลินๆ ดี ก็เลยขอแอบมองไปที่หน้าจอไอแพดเขา
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น (คือเป็นคนชอบอยากรู้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้) ก็เลยเข้าใจว่า กำลังดูหนังซีรี่ย์อเมริกาสักเรื่องหนึ่งพร้อมซับไตเติ้ล สังเกตเห็นจากนักแสดงผู้หญิง ๑-๒ คน มีผมสีบลอนด์ หรือทอง ประมาณนั้น ไม่ใช่ ก็อสสิปเกิร์ลแต่น่าจะอารมณ์ใกล้เคียง แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ภาพยนตร์
เราก็แอบยิ้มให้กับตัวเองว่า ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ดี ดูสดใส กระปรี้กระเปร่าแต่เช้าเลย (คือคิดไปเอง) จังหวะนั้นจู่ๆ เขาก็ถอดหูฟังออก ปิดหน้าจอพับเคสไอแพดสีส้ม และเก็บเข้ากระเป๋าถือไม่รู้ยี่ห้อ พร้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ทรงยาว ของยี่ห้อ Coach ที่อยู่ด้านในอีกที คิดว่าน่าจะหยิบการ์ดแรพบิทออกมา ไม่น่าจะใช่กระดาษหรือธนบัตรอะไรสักอย่าง คือรู้สึกเหมือนเตรียมตัวกำลังจะออกจากสถานีต่อไปแน่ๆ
เขาหันมามองหน้าเราและ ยิ้มให้.. ด้วยจังหวะที่เรากำลังมองเขาอยู่นั่นแหล่ะ เขาก็คงรู้ตัวว่าถูกมองแต่เราก็ไม่ได้จ้องเขม็งหรือไม่ละสายตาขนาดนั้น ก็มองกวาดสายตาไปรอบๆ และหันมาหยุดพักที่ตรงตำแหน่งเขา ช่วงวินาทีที่เขาสบตามาและยิ้มให้
เหมือนโลกหยุดหมุนไป 5 วินาที และเขาก็ก้มหน้าลงทำธุระต่อไป รู้แล้วว่าหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋า ไม่ใช่การ์ดแรพบิต แต่เป็น กระจกพกพาใบเล็กๆ ด้านหลังเป็นสีส้ม เขาก็ส่องกระจกดูผมเผ้า ไม่ทันไรก็มาถึงสถานี เพลินจิต คิดว่าเขาน่าจะลงสถานีเดียวกับเรา แต่เปล่าเลย.. เราเดินออกมา ทั้งๆ ที่เขายังอยู่ข้างใน ในใจตอนนั้น อยากทิ้งความรับผิดชอบหน้าที่การงาน เข้าสายโดนหักเงินสักวัน จะเป็นอะไรหรือเปล่า..
แต่มันก็ได้แค่คิด เพราะไม่กล้าที่จะทำจริงๆ
จนถึงตอนนี้เวลาผ่านมาหลายสิบชั่วโมง ภาพ ณ. ตอนนั้นที่เธอยิ้มมาให้ ยังอยู่แบบลางๆ และคาดว่าหลังจากนอนหลับตื่นลืมตามาวันพรุ่งนี้ คงจะหายเลือนไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี แต่อยากขอบคุณสำหรับรอยยิ้มที่ดูจริงใจและเป็นมิตรที่สุด ในเช้าวันศุกร์ที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มาทั้งอาทิตย์และมันก็ยังคงโหดร้ายต่อไปในสัปดาห์ข้างหน้า แต่วันนี้เราแอบมีความสุข และสดชื่นกว่าทุกๆ วัน จนลืมเรื่องร้ายๆ ไปเสียหมด
ไม่ว่าจะยิ้มให้เราเพราะอะไร หรือตามมารยาทเพราะเราแอบส่งยิ้มให้ก่อน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ^^
ขอบคุณ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครยิ้มให้แบบนี้มาก่อนทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน
เราคือผู้ชายที่สวมเสื้อเชิร์ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน เนคไทสีแดง ลายหัวกะโหลกเล็กๆ กางเกงขายาวสีกรมท่า สะพายกระเป๋าหนังสีดำ ((:
แต่คิดว่าเธอคงไม่ได้สนใจและน่าจะจำไม่ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้หันมามองเท่าไหร่ แต่ก็แอบหวังลึกๆ ว่าอยากให้พอจำได้บ้างนะ
หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ได้ส่งข้อความไปหาน้องคนนึงในไลน์ น้องเขาก็แซวหัวเราะกลับมาว่า
มาตั้งกระทู้ในพันทิปสิ ไอ้เราก็บอกว่า ไม่มีทาง ตลก ไม่ทำหรอก.. แต่ใจก็อยากเจอไปรอลุ้นตอนเช้าๆ ก็ไม่ชัวร์ว่าจะได้เจอหรือเปล่า ขึ้นสถานีไหนก็ไม่รู้ ลงสถานีไหนก็ไม่รู้ คนก็เยอะแยะมีตั้งหลายขบวน ขบวนนึงก็มีตั้งหลายตู้..
คิดทบทวนมาทั้งวัน จนเพิ่งกลับถึงบ้าน เลยตัดสินใจตั้งกระทู้ละกัน.. เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะลืมรอยยิ้มนั้นไป
รบกวน ผู้หญิงที่ใส่แว่น ช่วยกรุณาเข้ามาอ่านสักนิดนึงนะ ^^
มีหลายๆครั้งที่เจอคนรู้จักบ้าง และไม่รู้จักบ้าง แต่ในคนที่ไม่รู้จักหลายๆ ครั้งก็มีคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดน่าชวนให้มองอยู่บ้างพอสมควร
แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ไม่ได้สนใจหรือมองใครเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวัน และออกจากบ้านไปทำงานก่อนเวลาปกติ
จู่ๆ เงยหน้ามาอีกทีหลังจากเปลี่ยนขบวนที่สถานี สยาม ก้พบผู้หญิงคนนึงอยู่ข้างๆ ห่างกันราวๆเกือบ ๑ ช่วงแขนก็แค่นั้นแหล่ะ ไม่ได้สนใจอะไร
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนสวยสะดุดตาแบบเห็นครั้งแรกต้องเหลียวกลับไปมอง หรือน่ารักหวานจนใครๆเห็นก็หลงละลาย
เธอใส่แว่นตากรอบสีดำ เสื้อเชิร์ตแขนระบายหลายชั้นสีครีมอ่อน กระโปรงจำไม่ได้ สูงราวๆ ๑๖๓ ซม. ดูคล้ายๆ นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ได้ไม่นาน ไม่น่าจะเกินปีนึง ยืนเล่นไอแพดใส่หูฟังอยู่ อมยิ้มดูสนุกสนาน มองแล้วก็เพลินๆ ดี ก็เลยขอแอบมองไปที่หน้าจอไอแพดเขา
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น (คือเป็นคนชอบอยากรู้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้) ก็เลยเข้าใจว่า กำลังดูหนังซีรี่ย์อเมริกาสักเรื่องหนึ่งพร้อมซับไตเติ้ล สังเกตเห็นจากนักแสดงผู้หญิง ๑-๒ คน มีผมสีบลอนด์ หรือทอง ประมาณนั้น ไม่ใช่ ก็อสสิปเกิร์ลแต่น่าจะอารมณ์ใกล้เคียง แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ภาพยนตร์
เราก็แอบยิ้มให้กับตัวเองว่า ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ดี ดูสดใส กระปรี้กระเปร่าแต่เช้าเลย (คือคิดไปเอง) จังหวะนั้นจู่ๆ เขาก็ถอดหูฟังออก ปิดหน้าจอพับเคสไอแพดสีส้ม และเก็บเข้ากระเป๋าถือไม่รู้ยี่ห้อ พร้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ทรงยาว ของยี่ห้อ Coach ที่อยู่ด้านในอีกที คิดว่าน่าจะหยิบการ์ดแรพบิทออกมา ไม่น่าจะใช่กระดาษหรือธนบัตรอะไรสักอย่าง คือรู้สึกเหมือนเตรียมตัวกำลังจะออกจากสถานีต่อไปแน่ๆ
เขาหันมามองหน้าเราและ ยิ้มให้.. ด้วยจังหวะที่เรากำลังมองเขาอยู่นั่นแหล่ะ เขาก็คงรู้ตัวว่าถูกมองแต่เราก็ไม่ได้จ้องเขม็งหรือไม่ละสายตาขนาดนั้น ก็มองกวาดสายตาไปรอบๆ และหันมาหยุดพักที่ตรงตำแหน่งเขา ช่วงวินาทีที่เขาสบตามาและยิ้มให้
เหมือนโลกหยุดหมุนไป 5 วินาที และเขาก็ก้มหน้าลงทำธุระต่อไป รู้แล้วว่าหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋า ไม่ใช่การ์ดแรพบิต แต่เป็น กระจกพกพาใบเล็กๆ ด้านหลังเป็นสีส้ม เขาก็ส่องกระจกดูผมเผ้า ไม่ทันไรก็มาถึงสถานี เพลินจิต คิดว่าเขาน่าจะลงสถานีเดียวกับเรา แต่เปล่าเลย.. เราเดินออกมา ทั้งๆ ที่เขายังอยู่ข้างใน ในใจตอนนั้น อยากทิ้งความรับผิดชอบหน้าที่การงาน เข้าสายโดนหักเงินสักวัน จะเป็นอะไรหรือเปล่า..
แต่มันก็ได้แค่คิด เพราะไม่กล้าที่จะทำจริงๆ
จนถึงตอนนี้เวลาผ่านมาหลายสิบชั่วโมง ภาพ ณ. ตอนนั้นที่เธอยิ้มมาให้ ยังอยู่แบบลางๆ และคาดว่าหลังจากนอนหลับตื่นลืมตามาวันพรุ่งนี้ คงจะหายเลือนไป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี แต่อยากขอบคุณสำหรับรอยยิ้มที่ดูจริงใจและเป็นมิตรที่สุด ในเช้าวันศุกร์ที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มาทั้งอาทิตย์และมันก็ยังคงโหดร้ายต่อไปในสัปดาห์ข้างหน้า แต่วันนี้เราแอบมีความสุข และสดชื่นกว่าทุกๆ วัน จนลืมเรื่องร้ายๆ ไปเสียหมด
ไม่ว่าจะยิ้มให้เราเพราะอะไร หรือตามมารยาทเพราะเราแอบส่งยิ้มให้ก่อน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ^^
ขอบคุณ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครยิ้มให้แบบนี้มาก่อนทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน
เราคือผู้ชายที่สวมเสื้อเชิร์ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน เนคไทสีแดง ลายหัวกะโหลกเล็กๆ กางเกงขายาวสีกรมท่า สะพายกระเป๋าหนังสีดำ ((:
แต่คิดว่าเธอคงไม่ได้สนใจและน่าจะจำไม่ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้หันมามองเท่าไหร่ แต่ก็แอบหวังลึกๆ ว่าอยากให้พอจำได้บ้างนะ
หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ได้ส่งข้อความไปหาน้องคนนึงในไลน์ น้องเขาก็แซวหัวเราะกลับมาว่า
มาตั้งกระทู้ในพันทิปสิ ไอ้เราก็บอกว่า ไม่มีทาง ตลก ไม่ทำหรอก.. แต่ใจก็อยากเจอไปรอลุ้นตอนเช้าๆ ก็ไม่ชัวร์ว่าจะได้เจอหรือเปล่า ขึ้นสถานีไหนก็ไม่รู้ ลงสถานีไหนก็ไม่รู้ คนก็เยอะแยะมีตั้งหลายขบวน ขบวนนึงก็มีตั้งหลายตู้..
คิดทบทวนมาทั้งวัน จนเพิ่งกลับถึงบ้าน เลยตัดสินใจตั้งกระทู้ละกัน.. เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะลืมรอยยิ้มนั้นไป